|
ซีอีโอทศทหาจุดยืนหาความอิสระก่อนเดินหน้าเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ
ผู้จัดการรายวัน(21 กุมภาพันธ์ 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
ทศท เตรียมดันธุรกิจเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ฯ "ธีรวิทย์" ร้องขอความเป็นอิสระสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน เร่งหาจุดยืน ย้ำชัดไม่มีแปรสัญญา ด้านเอกชนกระทุ้งต้องมีการแปรสัญญาให้จบ หมอเลี้ยบสวนกลับแปรหรือไม่ ไม่ใช่สาระสำคัญ ขึ้นอยู่กับการทำรายได้
นายธีรวิทย์ จารุวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการเตรียมการธุรกิจให้มีมูลค่าก่อนดำเนินการเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า ปัจจัยที่จะทำให้มูลค่าหุ้นของ ทศท มีมูลค่าที่ดีให้แก่กลุ่มนักลงทุน คือ ทศท จะต้องปรับโครงสร้างการบริหารทิศทางการแข่งขันในระยะยาวให้มีความชัดเจน แม้ว่าในปีที่ผ่านมา ทศท ได้มีการปรับโครงสร้างบริหารขององค์กรและกลุ่มธุรกิจให้มีความชัดเจนแล้วก็ตาม แต่ในส่วนนี้ยังเป็นภาพของการแข่งขันระยะสั้นและยังไม่ลึกมากพอต่อความเข้าใจนักนักทุนที่ ทศทไม่มีการวางตำแหน่งการแข่งขัน ในระยะยาวว่า ทศท จะมุ่งไปสู่บริการในลักษณะใด มีการดำเนินการแข่งขันหรือการสร้างธุรกิจในการรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งเรื่องดังกล่าวนั้นเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่ง
ขณะเดียวกันในด้านการบริหาร ถึงแม้ว่าในปัจจุบัน ทศท ได้มีการเปิดโอกาสให้กับบุคคลภายนอกเข้ามารับผิดชอบต่อการบริหารจัดการองค์กรและการแข่งขัน แต่ในด้านการมองจากบุคคลภายนอกนั้นยังคงเป็นระบบการบริหารงานแบบระบบรัฐวิสาหกิจที่จะ รับนโยบายจากบอร์ดที่มาจากราชการ และในส่วนของระดับผู้บริหารยังคงดำเนินการในระบบวิสาหกิจ ซึ่งมีข้อแตกต่างกับธุรกิจหรือองค์กรอื่นในด้านการดำเนินธุรกิจในตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงทำให้นักลงทุนมองว่า ทศท ยังคงมีการดำเนินงานในภาพลักษณะเดิมถึงแม้ว่าจะมีการปรับภาพลักษณ์การให้บริการแล้วก็ตาม
นอกจากนี้ด้านของกลุ่มสหภาพแรงงานก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่ง ที่จะมีผลอย่างมากในด้านความกดดัน ซึ่งตรงนี้จะต้องทำความเข้าใจร่วมกันและให้เกิดความรับรู้ต่อการเปลี่ยนแปลงเมื่อ ทศท เข้าสู่ตลาดฯ ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีการร่วมหารือกันแต่อย่างไรและคาดว่าในเร็วๆ นี้จะต้องเปิดรอบการเจรจาร่วมกัน ทั้งในเรื่องของการแปรสัญญา การแข่งขัน การให้บริการและทิศทางในอนาคตของ ทศท ที่จะเกิดขึ้น
เรื่องดังกล่าวหากมีการดำเนินการแล้วรัฐเกิดข้อเสียเปรียบ ทศท ก็จะไม่มีการดำเนินการในเรื่องนี้ ซึ่งคำตอบคือ ไม่มีการแปรสัญญา ส่วนกรณีที่มีเอกชนจะขอใบอนุญาตใหม่จากคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) อาจจะไม่สามารถทำได้ โดยมีสัญญาร่วมการงานได้ระบุไว้แล้ว อย่างไรก็ตาม เรื่องแปรสัญญาสัมปทานั้นต้องมีความชัดเจนก่อนที่ ทศท จะเข้ากระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าควรจะสรุปออกมาอย่างไร ซึ่งหากแปรก็ต้องชัดเจนว่าจะยังเก็บส่วนแบ่งรายได้ต่อไป และมีการแจงรายได้ที่มาจากสัญญาสัมปทานออกจากรายได้จากการให้บริการ
เอกชนกระทุ้งต้องแปรสัญญา
นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การแปรสัญญานั้นต้องเกิดขึ้นเพราะหากไม่มีการแปรสัญญาก็ไม่มีการแข่งขันที่เสรีและเป็นธรรมเกิดขึ้น ตามที่ พ.ร.บ. กำกับกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ และการเกิดของ กทช.ก็ไม่มีผล
"หลังจากที่กทช.ออกใบอนุญาต ให้กับ ทศท และ กสท แล้วกทช.ก็ต้องออกใบอนุญาตประเภทเดียวกันแก่เอกชนได้"
นายประจวบ ตันตินนท์ บริษัท ทีทีแอนด์ที จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทีทีแอนด์ทียังคงยืนยันที่จะให้เกิดการแปรสัญญา เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อการแข่งขัน หาก ทศท ไม่มีการดำเนินการหรือไม่มีการแปรสัญญาเกิดขึ้น ทีทีแอนด์ที ก็อาจจะดำเนินการขออนุญาตให้บริการใหม่ ต่อ กทช. โดยการที่จัดตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมา ซึ่งจะใช้เงินลงทุนจากการเพิ่มทุนของบริษัท
"เลี้ยบ" สวนกลับเอกชน
น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รมว. เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวว่าการแปรสัญญาหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องสำคัญในการที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เพราะหาก ทศท และ กสท สามารถทำให้รายได้ที่มาจากส่วนแบ่งรายได้เป็นรายได้ส่วนน้อยก็ไม่น่าจะเป็นสาระสำคัญ
ปัจจุบัน กสท ก็ได้เดินหน้าขยายโครงการซีดีเอ็มเอให้ครอบคลุม 76 จังหวัด ก็จะสามารถทำให้มีรายได้หลักของบริษัท ในขณะที่ ทศท หากสามารถขับเคลื่อนไทยโมบายให้เดินหน้าในระบบ 3 จีได้ก็จะสามารถเป็นรายได้หลักที่สำคัญ และในขณะเดียวกัน ทศท ยังมีธุรกิจอีกหลายอย่างที่สามารถจะดำเนินการได้ เช่น ธุรกิจ เอดีเอสแอล มัลติมีเดีย ธุรกิจคอนเทนต์ โดยรายได้จากบริการเหล่านี้จะทำให้รายได้จากการสัมปทานมีสัดส่วนน้อยลงไป
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|