ก้าวเดินของเอ็มลิงค์

โดย ไพเราะ เลิศวิราม
นิตยสารผู้จัดการ( พฤษภาคม 2545)



กลับสู่หน้าหลัก

ยอดขายโทรศัพท์มือถือที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว กลายเป็นโอกาสให้กับธุรกิจค้าเครื่องลูกข่ายที่กำลัง กลายเป็นบริษัทในตลาดหุ้น และยังรวมถึงการกาวไปสู่ การเป็นโอเปอเรเตอร์ในอนาคต

ก่อนหน้าจะมาเป็นเอ็มลิ้งค์ เอเซีย คอร์ปอเรชั่น มณฑาทิพย์ โกวิทเจริญกุล และเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวทั้งสองของ ดร.ทักษิณ ชินวัตร เริ่มต้นกิจการธุรกิจค้าโทรศัพท์มือถือ มาตั้งแต่ปี 2533 ไล่เลี่ย กับที่กลุ่มชินคอร์ปได้สัมปทานโทรศัพท์มือถือ จากองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (ทศท.)

บริษัท เอส ที เทเลซีสเต็มส์ จดทะเบียนขึ้นเมื่อ 3 กรกฎาคม 2533 ถูกจัด ตั้งขึ้นเพื่อให้บริการโทรศัพท์มือถือโดยทำหน้าที่เป็นมาสเตอร์ดีลเลอร์ หรือตัวแทนจำหน่ายหลักให้กับเอไอเอส

"เราทำมาตั้งแต่โนเกียรุ่นแรก ที่มีเสาตรงกลาง และอีกหลายยี่ห้อ ล้วนแต่เคยผ่านมือเรามาแล้วทั้งนั้น" มณฑาทิพย์ โกวิทเจริญกุล ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้อำนวยการ วัย 44 ปี ย้อน อดีตให้ฟัง

มณฑาทิพย์ เป็นน้องสาวคนที่ 7 ของ ดร.ทักษิณ ซึ่งมีพี่น้องทั้งหมด 9 คน เธอร่วมกับเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ผู้เป็นพี่สาวลงขันคนละครึ่ง ทำธุรกิจค้าโทรศัพท์มือถือ กันมาตลอด จนเยาวภาหันไปเอาดีบนเส้น ทางการเมือง เธอจึงต้องรับหน้าที่เป็นแม่ทัพใหญ่ของธุรกิจ โดยมีอนุสรณ์ อมรฉัตร น้องเขยคนเล็กช่วยงานดูแลด้านกำหนดนโยบาย และการตลาด

แม้ว่าจะเริ่มต้นขายโทรศัพท์มือถือมานาน และผูกขาดเป็นตัวแทนให้กับเอไอ เอสมาตลอด โดยมีการจัดตั้งบริษัทใหม่ๆ เพื่อขายโทรศัพท์มือถือ เช่น วาย.ชินวัตรเทเลเทค และเคยซื้อกิจการเทคนิคเทเลคอม แต่การดำเนินธุรกิจเวลานั้นเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป ตามขนาดของธุรกิจที่ยังจำกัดอยู่เฉพาะกลุ่ม

การดำเนินธุรกิจในช่วงต้นของเอ็มลิ้งค์ ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2538 เริ่มจากการเป็นตัวแทนจำหน่ายให้กับซีเมนส์ อยู่เกือบ 3 ปี แต่การทำตลาดยังไม่เติบโตแบบหวือหวา จนกระทั่งเอไอเอสเปลี่ยน แปลงระบบจัดจำหน่าย ด้วยการยกเลิกระบบมาสเตอร์ดีลเลอร์ โดยเปลี่ยนมาเป็นการเปิดให้มาสเตอร์ดีลเลอร์แต่ละราย สามารถจำหน่ายโทรศัพท์มือถือได้หลากหลายยี่ห้อมากขึ้น แทนที่จะจำกัดอยู่เฉพาะยี่ห้อที่เอไอเอสกำหนดไว้

สาเหตุที่สองคือ การได้เป็นตัวแทน จำหน่ายให้กับโมโตโรล่า มณฑาทิพย์บอกว่าเป็นจุดเปลี่ยนของเอ็มลิงค์ การได้สิทธิ์เป็นตัวแทนขายให้กับโมโตโรล่าไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เพราะอย่างที่รู้กันดีว่า ยูคอมและโมโตโรล่า ผูกสัมพันธ์ค้าขายกันมายาว นานตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อจนถึงรุ่นลูก การขายโทรศัพท์มือถือของโมโตโรล่าจึงผูกขาดอยู่กับระบบ 1800 ของแทคมาตลอด

จนในช่วงหลังจากไม่ประสบความสำเร็จในการลงทุนธุรกิจร่วมกันในโครง การอิริเดียม บวกกับการเปลี่ยนแปลง นโยบายใหม่ของโมโตโรล่า ที่หันมาให้ความ สำคัญในการบุกตลาดโทรศัพท์มือถือมากขึ้น จึงไม่ผูกติดอยู่กับยูคอมรายเดียว ซึ่งว่ากันว่า เอ็มลิ้งค์ก็ต้องออกแรงไปไม่น้อย กว่าที่โมโตโรล่าจะยอมตอบรับข้อเสนอ แต่ จะทำเฉพาะระบบจีเอสเอ็มเท่านั้น

เหตุการณ์ในครั้งนั้น นอกจากจะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงในตลาดโทรศัพท์มือถือ ที่ทำให้โมโตโรล่าข้ามฝั่งจากระบบ 1800 มาขายในระบบจีเอสเอ็ม ในแง่ของเอ็มลิ้งค์ ก็นับว่าเป็นก้าวกระโดด ที่สำคัญ ที่สามารถขยายส่วนแบ่งตลาด จาก 2% เพิ่มเป็น 25%

ก่อนหน้าเป็นตัวแทนขายให้กับ โมโตโรล่าในปี 2541 เอ็มลิ้งค์เคยเป็นตัว แทนขายให้กับซีเมนส์ จนกระทั่งตลาดโทรศัพท์มือถือขยายตัว จึงนำยี่ห้ออื่นๆ เช่น อัลคาเทล Trium และเครื่องคอมพิว เตอร์มือถือ (พีดีเอ) ยี่ห้อ Handspring เข้ามาทำตลาดเพื่อสร้างทางเลือกมากขึ้น อย่างไรก็ตาม แต่ยอดขายส่วนใหญ่เกือบ 80% จะมาจากโมโตโรล่า

"ปีที่แล้วเราขายเครื่องของโมโตโรล่าไปเกือบ 1 ล้านเครื่อง" มณฑาทิพย์ เล่า ยอดขายที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเท่าตัว นับตั้งแต่ปี 2542 จนถึงปัจจุบัน

อัตราการเติบโตของยอดขายของเอ็มลิ้งค์ ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ ปี 2542 มียอดขาย 1,076 ล้านบาท เพิ่มเป็น 4,984 ล้านบาท (ปี 2543) เพิ่มเป็น 4,984 ล้านบาท (ปี 2544) และมีการประเมินว่า จะเพิ่มขึ้นไปถึง 20 ล้านเลขหมาย ในอีก 3 ปีข้างหน้า กลายเป็นโอกาส ของผู้ค้าโทรศัพท์มือถืออย่างเอ็มลิ้งค์ ในการนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ เพื่อแสวงหาโอกาสใหม่ๆ ให้กับธุรกิจ

จะว่าไปแล้ว การเข้าตลาดหุ้นของธุรกิจซื้อมาขายไปอย่างเอ็มลิ้งค์ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะก่อนหน้านี้บริษัทสหวิริยา โอเอ และดาต้าแมท หรือแม้แต่ไออีซี ซึ่งจดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้นที่เติบโตมาจากธุรกิจซื้อมาขายไป

เป็นเรื่องธรรมดา ที่เอ็มลิ้งค์ต้องเผชิญกับคำถามจากผู้ลงทุน และบรรดานักวิเคราะห์ว่า บริษัทจะรักษาอัตราการเติบโตของผลกำไรจากราคาโทรศัพท์มือถือที่ลดลง และเตรียมพร้อมกับความไม่แน่นอนของธุรกิจซื้อมาขายไป ที่ผู้ผลิตหรือ เจ้าของสินค้า มีการเปลี่ยนแปลงตัวแทนจำหน่ายได้ตลอดเวลาได้อย่างไร

แต่ธุรกิจโทรศัพท์มือถือไม่เหมือนกับธุรกิจค้าอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ นอกจากต้องพึ่งพาผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือแล้ว ซึ่งสัญญาการเป็นตัวแทนจำหน่าย จะไม่มีระยะยาว แต่จะอยู่ที่ 2 ปี ยังต้องพึ่งพาโอเปอเรเตอร์ที่ให้บริการด้วย และธุรกิจโทรศัพท์มือถือของเมืองไทยก็เป็นระบบผูกขาด บริษัทผู้รับสัมปทานจะเป็นทั้งผู้ให้บริการ ยังเป็นผู้นำเข้าโทรศัพท์มือถือ และจัดจำหน่ายเองด้วย โดยมีทั้งแต่งตั้ง ตัว แทนจำหน่ายให้ทำตลาดโทรศัพท์มือถือ และการเปิดร้านค้าปลีก

บรรดาซัปพลายเออร์ หรือผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือจะไม่มีระบบจัดจำหน่ายของตัวเอง แต่จำเป็นต้องพึ่งพาระบบจัดจำหน่ายของโอเปอเรเตอร์

สายสัมพันธ์อันแนบแน่นในฐานะ 1 ใน 3 ตัวแทนจำหน่ายหลักของเอไอเอส และเป็นธุรกิจครอบครัวชินวัตร จึงเป็นจุดแข็งที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับเอ็มลิ้งค์และ เป็นสิ่งที่เอ็มลิ้งค์พยายามตอกย้ำมาตลอด

มณฑาทิพย์เชื่อว่า การบริหารต้นทุนให้คงที่ ด้วยการนำระบบไอทีมาใช้ จะรักษาสมดุลของของผลกำไรได้ จากราคาของเครื่องลดลงไปเรื่อยๆ การนำระบบไอทีมาใช้ประโยชน์ในการลดต้นทุนในการทำธุรกิจ ทั้งระบบหลังบ้าน และจัดจำหน่ายผ่านระบบออนไลน์ ก็เพื่อเป้าหมายเหล่านี้

เป้าหมายของการเข้าตลาดหุ้นในครั้งนี้ ไม่ได้อยู่ที่การระดมเงินทุนช่วงสั้นๆ เพื่อนำเงิน 294 ล้านบาทที่ระดมได้ไปใช้ขยายศูนย์บริการเท่านั้น แต่เป็นการเตรียม พร้อมสำหรับต่อยอดไปยังการเป็นผู้รับสัมปทาน หรือเป็น co-operator ให้กับบริษัทผู้รับสัมปทานอีกต่อหนึ่ง เพื่อลดความเสี่ยงในการหารายได้จากการขายเครื่องลูกข่ายเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการสร้างหลักประกันให้กับธุรกิจในระยะยาว

"เราพร้อมจะเป็นโอเปอเรเตอร์" มณฑาทิพย์ประกาศถึงความพร้อมของการมีศูนย์บริการที่จะเพิ่มเป็น 10 แห่ง มีศูนย์ call center มีเครือข่ายดีลเลอร์ 800 รายทั่วประเทศ และมีสาขาในกรุงเทพฯ 70 แห่ง ที่จะรองรับกับธุรกิจโอเปอเรเตอร์ได้ทันที

โครงการโทรศัพท์มือถือระบบ 1900 ขององค์การโทรศัพท์ฯ ก็คือเป้าหมายที่ว่านี้ การเข้าตลาดหุ้นในครั้งนี้ จึงเป็นการเตรียม พร้อมสำหรับเอ็มลิ้งค์ทั้งในแง่ของแหล่งเงินทุน และยังเป็นการสร้างความโปร่งใสขององค์กรในการเป็นบริษัทมหาชน

แม้จะได้ชื่อว่ามีสายสัมพันธ์ที่ดีกับ รัฐบาล แต่สิ่งเหล่านี้กลับเป็นจุดที่เปราะ บาง ทำให้เอ็มลิ้งค์ต้องตกเป็นเป้าโจมตีเกือบทุกครั้งที่เข้าร่วมประมูลโครงการของภาครัฐ

"การเข้าตลาดหุ้นเป็นส่วนหนึ่งของ การสร้างความโปร่งใสให้กับองค์กรสามารถ ตรวจสอบได้" มณฑาทิพย์บอก



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.