ปตท.สผ.ปรับงบลงทุน5ปี


ผู้จัดการรายวัน(3 กุมภาพันธ์ 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

ปตท.สผ.ปรับประมาณการงบลงทุน 5 ปี (2548-52) ขยับขึ้นเป็น 1.43 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นอีก 9 พันล้านบาท โดยปีนี้จะใส่เงินลงทุนถึง 4 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้ปริมาณการขายปิโตรเลียมเพิ่มขึ้นแตะ1.44 แสนบาร์เรล/วัน หรือเพิ่มขึ้นปีละ9.5% ฟุ้ง "โททาล-ยูโนแคล"เสนอสว็อปหุ้นแหล่งปิโตรเลียมระหว่างกัน หลังสนใจถือหุ้นในแหล่งอาทิตย์-และแหล่ง M7&M9 และแหล่ง M3&M4 ที่พม่า

นายมารุต มฤคทัต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับประมาณการณ์เงินลงทุน 5ปี (2548-2552) เพิ่มขึ้นเป็น 1.43 แสนล้านบาท จากเดิมที่เคยประมาณการณ์ไว้ 1.34 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 9,000 ล้านบาท โดยปีนี้ บริษัทได้เพิ่มงบประมาณการลงทุนเป็น 40,650 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดิมที่เคยกำหนดไว้ถึง 4,850 ล้านบาท มาจากการลงทุนในแหล่งโอมาน และโครงการเอนเนอยี่ คอมเพล็กซ์ และลงทุนโครงการแหล่งอาทิตย์เพิ่มขึ้นหลังจากปีที่แล้วดำเนินการล่าช้า โดยปีนี้จะเป็นการลงทุนด้านการพัฒนาปิโตรเลียมคิดเป็น 61% ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนในแหล่งอาทิตย์ และแหล่งบงกช เป็นต้น

ด้านแหล่งเงินที่ใช้ในการลงทุนนั้น จะมาจากการดำเนินงานทั้งหมด โดยไม่ต้องกู้สถาบันการเงิน เว้นแต่จะมีโครงการใหญ่เข้ามากระทันหัน โดยบริษัทจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากปริมาณการผลิตปิโตรเลียมที่เพิ่มขึ้น

โดยปีนี้บริษัทได้ปรับปริมาณการขายปิโตรเลียมเพิ่มขึ้นจากเดิมที่ตั้งไว้เฉลี่ยปีละ 9.5%ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับงบประมาณการลงทุนที่เพิ่มสูงขึ้น โดยปีนี้คาดว่าจะมีปริมาณการขายเฉลี่ยวันละ 144,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ จากปีก่อนที่มีปริมาณการขายเฉลี่ยประมาณวันละ 134,000 บาร์เรล/วัน ขณะที่ปี2549 จะมีปริมาณการขาย 154,000 บาร์เรล/วัน ปี2550 มีปริมาณการขาย 197,000 บาร์เรล/วัน ปี 2551 มีปริมาณการขาย 205,000 บาร์เรล/วัน และปี 2552 มีปริมาณการขาย 207,000 บาร์เรล/วัน

สำหรับปริมาณการขายปิโตรเลียมที่เพิ่มสูงขึ้นในปีนี้ เป็นผลจากการเพิ่มและรักษาการผลิตในโครงการหลักๆ อาทิ การเพิ่มการผลิตในโครงการสิริกิต์ (S1) ที่คาดว่าจะผลิตเพิ่มขึ้นได้ 20,000 บาร์เรล/วัน ขณะที่ปัจจุบันนี้ผลิตอยู่ 18,000 บาร์เรล/วัน โครงการนางนวล ซึ่งอยู่ระหว่างการทดสอบการผลิต คาดว่าจะผลิตได้ในอัตราประมาณ 5,000 บาร์เรล/วัน และโครงการเยตากุล

โครงการพื้นที่คาบเกี่ยวไทย-มาเลเซีย มีแผนจะลงนามสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติในแปลง B-14 และแปลง B-17-01 ภายในไตรมาส 1 ปีนี้ และจะเริ่มผลิตก๊าซธรรมชาติได้ในปี 2551 คาดว่าจะมีอัตราการผลิตเฉลี่ย 270 ล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน และโครงการโอมาน 44 ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาสัญญาซื้อขายก๊าซฯจากแหล่งShams กับรัฐบาลโอมาน คาดว่าจะลงนามสัญญาได้ต้นปีนี้ คาดว่าจะผลิตเชิงพาณิชย์ได้ปลายปี 2548

ส่วนความคืบหน้าในการเข้าไปลงทุนในแหล่งปิโตรเลียมที่อิหร่านนั้น หลังจาก ปตท.สผ.กับกระทรวงปิโตรเลียมอิหร่านได้มีการลงนามในบันทึกข้อตกลงเบื้องต้นเพื่อความร่วมมือด้านการสำรวจและพัฒนาปิโตรเลียมในอนาคต โดยล่าสุด ปตท.สผ.ได้สิทธิเป็นบริษัทแรกที่ไปเจรจาต่อรองในแหล่งปิโตรเลียม 2 บล็อกที่บริษัทได้ยื่นเข้าประมูล


พร้อมสว็อปหุ้นแลกแหล่งปิโตรเลียม

นายมารุต กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทได้มีการเจรจากับบริษัทที่ดำเนินธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมรายใหญ่ของโลกทั้งโททาลและยูโนแคล ในการสว็อปหุ้นแหล่งปิโตรเลียมระหว่างกัน โดยแหล่งปิโตรเลียมที่ปตท.สผ.ถือหุ้น 100% ได้แหล่งM7&M9 และแหล่ง M3&M4 ที่พม่า และแหล่งอาทิตย์ ที่ปตท.สผ.ถือหุ้นอยู่ 80% ก็มีหลายรายสนใจ ซึ่งบริษัทพร้อมที่จะเจรจา หากเป็นการเพิ่มมูลค่าดีขึ้น หรือเป็นแหล่งปิโตรเลียมที่ปตท.สผ.ไม่สามารถเข้าไปลงทุนได้เอง

"เราไม่ต้องการถือหุ้นในแหล่งปิโตรเลียมถึง 100% ทุกแปลง แต่จะลดสัดส่วนการถือหุ้นได้เพื่อความเหมาะสม เพียงแต่แหล่งที่บริษัทโอเปอเรทอยู่จำเป็นต้องถือหุ้นใหญ่ ซึ่งขณะนี้โททาลเขาสนใจที่จะเข้ามาถือหุ้นในแหล่งอาทิตย์ และแหล่งอื่นๆ โดยเสนอที่จะแลกกับแหล่งปิโตรเลียมอื่นที่เขามีหุ้นอยู่ ซึ่งเราก็เห็นด้วย แต่เราไม่ได้คุยโททาลเพียงรายเดียว แต่คุยกับเจ้าอื่นๆด้วย ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุป "


ขอเอี่ยวถือหุ้นในแหล่งฯที่หมดอายุสัมปทาน

นายมารุต กล่าวต่อไปว่า บริษัทยังได้แสดงความจำนงต่อกับกรมเชื้อเพลิง เพื่อขอเข้าไปถือหุ้นในแหล่งปิโตรเลียมอื่นๆในอ่าวไทยที่อายุสัมปทานจะสิ้นสุดลงในปี 2553-2555 อาทิ แหล่งยูโนแคล 1,2 และ3 แหล่งบงกช เป็นต้น เนื่องจากในช่วงที่มีการให้สัมปทานปิโตรเลียมนั้น ปตท.สผ.ยังไม่ได้ก่อตั้งขึ้น ทำให้ไม่มีโอกาสที่จะเข้าไปถือหุ้นในแหล่งดังกล่าวได้

ซึ่งกรมเชื้อเพลิงก็เห็นชอบในหลักการดังกล่าว พร้อมทั้งจะพิจารณาเรื่องการจัดเก็บภาษีและค่าภาคหลวงลดลง เพื่อก่อให้เกิดการพัฒนาแหล่งปิโตรเลียมในประเทศ ซึ่งปตท.สผ.เล็งเห็นว่าเป็นโอกาสที่จะมีการถือหุ้นในแหล่งปิโตรเลียมที่เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีหลายบริษัทที่มีแนวคิดจะปรับเปลี่ยนนโยบายการลงทุนใหม่ ทำให้ถอนการลงทุนธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในไทย เหมือนกับไทยเชลล์ ซึ่งบริษัทฯก็จะติดตามอย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะเข้าไปถือหุ้นแทน


ลั่นขายเมดโกได้กำไรแน่

นายมารุต กล่าวว่า ตามที่บริษัทย่อยได้ลงนามสัญญาซื้อขายหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัท New Link จำนวน 40% ซึ่งเป็นบริษัทที่ถือหุ้นในMedco แบบมีเงื่อนไขให้กับบริษัท Encore Int'l ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิมและได้ใช้สิทธิในการเจรจาขอซื้อหุ้นดังกล่าวก่อน บริษัทฯคาดว่าการซื้อขายจะแล้วเสร็จภายในกุมภาพันธ์นี้ และยืนยันว่าราคาที่เสนอขายสร้างกำไรให้ปตท.สผ.อย่างแน่นอน

หลังจากดีลดังกล่าวแล้วเสร็จ บริษัทฯอาจจะกลับมาเจรจากับ Medcoว่าจะเข้าไปลงทุนในแหล่งปิโตรเลียมของMedco โดยแหล่งที่ปตท.สผ.สนใจคือแหล่งปิโตรเลียมที่สุราเวสี ขณะเดียวกันปตท.สผ.อาจจะเข้าไปลงทุนในแหล่งปิโตรเลียมอื่นๆก็ได้ เนื่องจากอินโดนีเซียมีแหล่งก๊าซฯมาก ขณะที่แหล่งน้ำมันบนบกมีสัมปทานกันหมดแล้ว ซึ่งการลงทุนในแหล่งก๊าซฯก็คงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเพราะถ้าจะลงทุนจะต้องทำครบวงจรจนถึงการสร้างโรงไฟฟ้า

ผุดเอนเนอยี่ คอมเพล็กซ์กว่า7พันล้าน

ส่วนโครงการเอนเนอยี่ คอมเพล็กซ์ มูลค่า 7,200 ล้านบาท ที่ปตท.สผ.ถือหุ้นอยู่ 50% ร่วมกับปตท.นั้น บริษัทฯจะใส่เงินเพิ่มทุนเข้าไปในบริษัทย่อย 400 ล้านบาท พร้อมทั้งอนุมัติวงเงินกู้อีก 800 ล้านบาทตามสัดส่วนการถือหุ้น หลังจากนั้นให้บริษัทย่อยดำเนินการกู้ยืมสถาบันการเงินอีก 4,800 ล้านบาท

ทั้งนี้บริษัท เอนเนอยี่ คอมเพล็กซ์ จัดตั้งเพื่อพัฒนาและบริหารโครงการศูนย์พลังงานแห่งชาติบริเวณหลังอาคารสำนักงานใหญ่ปตท.สผ. เพื่อให้เช่าเป็นพื้นที่สำนักงานของกระทรวงพลังงาน ปตท. และบริษัทในเครือ คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จปี 2550

"ทิศทางราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับที่สูง เพราะไม่มีปัจจัยที่จะทำให้ราคาลดฮวบลงได้ เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันในเอเชียยังขยายตัวสูงอยู่ ขณะที่โรงกลั่นมีจำกัด รวมทั้งสถานการณ์ตะวันออกกลางยังไม่คลี่คลาย อาทิ อิรัก ทำให้ไม่มีปริมาณน้ำมันดิบเข้ามาเพิ่ม และยังไม่มีการพบแหล่งน้ำมันขนาดใหญ่เพิ่มเติมในช่วงที่ผ่านมา "นายมารุตกล่าว

สำหรับผลการดำเนินงานงวดปี 2547 บริษัทมีรายได้จากการขาย 48,417 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 15,866 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 31% และ 31.90%ตามลำดับ ดังนั้นบริษัทเตรียมเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 9 บาท "


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.