"อุบลชาติฯ"ปรับผังองค์กรใหม่ลดภาพธุรกิจครอบครัวสู่มืออาชีพ


ผู้จัดการรายวัน(2 กุมภาพันธ์ 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

"อุบลชาติ กรุ๊ป" ปรับผังองค์กรใหม่เหลือ 2 ฝ่าย หวังลดภาพธุรกิจครอบครัวสู่การบริหารงานอย่างมืออาชีพ "วสันต์" ชี้ปี 48 ตลาดอสังหาฯยังนิ่งต่อเนื่อง บ้านระดับกลางแข่งเดือดเหตุรายใหญ่ลงแข่ง แนะรายกลาง-ย่อยปรับตัวสู้ พร้อมเล็งพัฒนาคอนโดฯอีกแห่งบนเนื้อที่ 2 ไร่ หากเดอะ ฟิฟธ์ประสบความสำเร็จ

นายวสันต์ อุบลชาติ กรรมการผู้จัดการ บริษัทอุบลชาติ กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้มีการปรับผังองค์กรใหม่ โดยยุบรวมหน่วยงานต่างที่เดิมมีอยู่หลายหน่วยงานให้เหลือเพียง 2 ฝ่าย คือ 1. ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ดูแลด้านการตลาดและการก่อสร้าง 2. ฝ่ายสนับสนุน ดูแลงานด้าน Back Office ทั้งหมด นอกจากการปรับผังองค์กรใหม่แล้วยังได้ปรับโลโก้ของบริษัทใหม่อีกด้วย

ส่วนสาเหตุที่ปรับผังใหม่ดังกล่าว เนื่องจากต้องการให้การบริหารงานเกิดความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น เพราะที่ผ่านมาการเสนองานจะต้องผ่านไปยังผู้บริหารระดับสูงหรือกรรมการผู้จัดการทำให้เกิดความล่าช้า ซึ่งภายหลังปรับผังใหม่การเสนองานหรืออนุมัติจะขึ้นตรงไปยังผู้อำนวยการฝ่ายของแต่ละฝ่ายที่มีหน้าที่รับผิดชอบ นอกจากนี้การปรับผังดังกล่าวยังจะช่วย ลดภาพลักษณ์ของความเป็นธุรกิจครอบครับลง ให้มีความเป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ภายหลังจากปรับองค์กรใหม่ดังกล่าว ถือเป็นแผนระยะกลางในช่วง 2-3 ปี ในการสร้างชื่อเสียงของบริษัทให้เป็นที่รู้จักในตลาดมากยิ่งขึ้น รวมถึงการบริหารงานอย่างมืออาชีพ ซึ่งภายหลังจากนั้นหากตลาดมีความเป็นไปได้และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง บริษัทก็มีแผนที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อระดมทุนต่อไป

สำหรับภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2548 นี้ เชื่อว่าสถานการณ์ตลาดยังไม่ดีเหมือนกับปีก่อน แม้ว่าซัปพลาย ในตลาดจะอยู่ในระดับที่ลดลง ในบางพื้นที่หรืออยู่ในระดับคงที่ ไม่หวือหวาเช่นในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ในส่วนดีมานด์ยังคงที่เช่นเดิม ซึ่งภาพดังกล่าวก็ไม่ได้ช่วยให้ยอดขายดีขึ้นกว่าที่ผ่านมามากนัก เนื่องจากมีปัจจัยลบหลายด้าน อีกทั้งต้นทุนการผลิตยังปรับเพิ่มขึ้น ประชาชนเริ่มชะลอการตัดสินใจ เพราะไม่มั่นใจในเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังรอผลการเลือกตั้งว่าใครจะเข้ามาเป็นรัฐบาลและจะมีนโยบายเศรษฐกิจเช่นใด

เมื่อเกิดภาวะยอดขายฝืด ผู้ประกอบการต่างได้หันมาทำโปรโมชันลด แลก แจก แถม กันเป็นจำนวนมาก เพื่อดันให้ยอดขายเป็นไปตามเป้าหมายโดยเฉพาะบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯที่ต้องมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผลการดำเนินงาน ในขณะเดียวกันบริษัทในตลาดยังถูกบีบว่าต้องมีอัตรากำไรอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ซึ่งจะทำโปรโมชันหรือลดราคาบ้านลงมามากไม่ได้เพราะส่วนนี้จะไปลดผลกำไรลง ซึ่งจะมีผลกระทบต่อผู้ถือหุ้น

"บริษัทที่อยู่นอกตลาดจะได้เปรียบในเรื่องดังกล่าวมากกว่า เพราะไม่ต้องขึ้นอยู่กับผู้ถือหุ้น เช่นบริษัทในตลาด นอกจากนี้หากลดราคาหรือทำโปรโมชันเพื่อดึงยอดขายก็สามารถทำได้มากกว่า แต่บริษัทนอกตลาดจะเสียเปรียบบริษัทในตลาดตรงที่ต้นทุนทาง การเงินเท่านั้น แต่ในเรื่องของคุณภาพและรูปแบบเชื่อว่าไม่ต่างกัน" นายวสันต์ กล่าว

อย่างไรก็ดี ในปี 2548 นี้ แนวโน้มบ้านระดับราคา 2-5 ล้านบาท จะเป็นตลาดที่มีฐานลูกค้าที่กว้างและได้รับความนิยมมากที่สุด ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายต่างหันมาพัฒนาสินค้าในระดับราคาดังกล่าว โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่ๆ ที่อยู่ในตลาด ทำให้การแข่งขันในตลาดดังกล่าวมีมากขึ้น ผู้ประกอบการรายกลางและรายเล็ก หากไม่ปรับตัวและพัฒนาธุรกิจให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ เพื่อรองรับการแข่งขันที่ เกิดขึ้นจะอยู่ในตลาดลำบาก

นายวสันต์ กล่าวว่า นอกจากการปรับองค์กรแล้ว เพื่อเป็นการรองรับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้น บริษัทได้ใช้นโยบายการสร้างความสัมพันธ์กับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง โดยพยายามรักษาฐานลูกค้าเดิมเอาไว้ พร้อมๆกับการขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพตรงกับความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด

ทั้งนี้ในช่วงกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา บริษัทได้ขยายการพัฒนาไปยังตลาดคอนโดมิเนียม โดยโครงการแรก คือ โครงการ เดอะ ฟิฟธ์ คอนโดมิเนียม ติดถนนกรุงเทพนนท์ ซ. 9-11 จ.นนทบุรี จับกลุ่มลูกค้าระดับกลาง โครงการประกอบด้วย อาคารสูง 9 ชั้น 2 อาคาร บนเนื้อที่ 767 ตร.ว. จำนวน 264 ยูนิต ขนาดห้องตั้งแต่ 35-75.92 ตร.ม. ราคาตร.ม.ละ 32,000 บาท ซึ่งห้องส่วนใหญ่จะเป็นห้องขนาด 1 ห้องนอนที่ออกแบบให้มีห้องนอน แยกต่างหาก 1 ห้องนอน โดยช่วงโปรโมชันราคาพิเศษเริ่มต้น 9.5 ล้าน บาท ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 10 ยูนิต

นายวสันต์ กล่าวอีกว่า สำหรับการเข้ามาในตลาดคอนโดมิเนียม เนื่องจากต้องการทดลองตลาดและศักยภาพของบริษัทในการพัฒนาโครงการคอนโดฯ ซึ่งหากโครงการดังกล่าวประสบความสำเร็จบริษัทได้มีแผนที่จะพัฒนาโครงการใหม่ที่มีทำเลอยู่ถัดจากโครงการเดิมไปอีกเล็กน้อย โดยปัจจุบันมีที่ดินอยู่แล้ว ขนาด 2 ไร่ ซึ่งโครงการที่ 2 นี้บริษัทจะพิจารณาภาพตลาดสินค้า ความต้องการของลูกค้าจากโครงการ แรกประกอบการพัฒนาเป็นหลัก

นอกจากการลงทุนในโครงการ คอนโดมิเนียมซึ่งถือเป็นการพัฒนาโครงการเพิ่มแล้ว บริษัทยังมีโครงการที่เปิดขายไปแล้ว คือ อุบลชาติ กรีนวิลล์ เป็นบ้านเดี่ยวสไตล์ รีสอร์ต เนื้อที่ 30 ไร่ จำนวน 224 ยูนิต ซึ่งยอดขายถือว่าช้า กว่าเป้าหมายที่วางไว้จากเดิมกำหนดปิดการขายประมาณสิ้นปี 2547 แต่ปัจจุบันยังมียูนิตเหลือ ขาย 20 ยูนิต


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.