ตลท.เสนอ2แนวทางแปรรูป


ผู้จัดการรายวัน(17 เมษายน 2545)



กลับสู่หน้าหลัก

ประธานตลท. เผยมี 2 แนวทางในการแปรรูปตลาดหลักทรัพย์ เสนอให้กระทรวง คลังพิจารณา ทั้งลดโครงสร้างกรรมการ หรือตั้งบริษัทลูกรับทำ งานปฏิบัติการ พร้อมพอใจภาพรวมตลาดหุ้นไตรมาสแรก นายชวลิต

ธนะชานันท์ ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้คณะกรรมการพิจารณาการปรับองค์กรตลาดหลักทรัพย์เป็นองค์กรเอกชน ได้จัดทำแนวทาง การแปรรูป ตลท.

เสร็จเรียบร้อยแล้วจะนำเสนอให้กระทรวงการคลังพิจารณาต่อไป สำหรับแนวทาง ในการแปรรูป ตลท.มีอยู่เพียง 2 แนวทาง คือ การปรับปรุงโครงสร้าง คณะกรรมการ ตลท. ให้มีความหลากหลาย

และสะท้อนความมีส่วนร่วมขององค์กรต่าง ๆ ในตลาด ทุนมากขึ้น ด้วยการลดสัดส่วนตัวแทนจากบริษัทหลักทรัพย์ที่เดิมมี 5 คน เหลือ 3 คน โดยให้ตัวแทน 2 คน ที่ถูกลดลงไป มาจาก

การสรรหาของคณะกรรมการสรรหากรรมการ ตลท. ขณะที่อีกแนวทางหนึ่งคือการจัดตั้งบริษัทลูกในรูปของบริษัทปฏิบัติการหรือ อ็อปโค ได้มีการวางแนวทางเบื้องต้นไว้แล้ว แต่ต้องใช้เวลาอีก 2-3 ปี

เนื่องจากเป็นเรื่องที่ต้องผ่านขั้นตอนนิติบัญญัติจากรัฐสภาก่อน ทั้งนี้ การแปรรูปของ ตลท. จะหยุดอยู่แค่ 2 แนวทางดังกล่าวก่อน โดยจะยังไม่มีการดำเนินการในเรื่องการกระจายหุ้นให้กับประ- ชาชนทั่วไป

และนำหุ้นของ ตลท. เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น เนื่องจากปัจจุบันยังไม่สามารถหาข้อสรุปที่ชัดเจนได้ว่า การแปรรูปอย่างเต็มรูปในลักษณะดังกล่าว

จะเป็นผลดีต่อการพัฒนาระบบตลาดทุนของประเทศมากน้อยเพียงใด "การขายหุ้นให้กับประชาชนยังเป็นเรื่องที่ไกลเกินไป และไม่มีใครรับประกันได้ว่าจะมีประโยชน์อย่างไรบ้าง เพราะเมื่อ ตลท.

แปรรูปเป็นเอกชนแล้ว จะรู้ได้อย่างไรว่า ตลท. จะยังทำทุกอย่างเพื่อนักลงทุนอย่างแท้จริง เนื่องจากตัวเองก็ต้องเปลี่ยนบทบาทไปทำธุรกิจเพื่อแสวงหากำไรมากขึ้น ส่วนการจัดตั้งอ็อปโคนั้น

จะต้องมีการกำหนดออกมาว่าจะให้ใครเป็นผู้ถือหุ้นในสัดส่วนเท่าใด ใครเป็นเจ้าของ และจะมีแนวทางในการดำเนินการอย่างไร ซึ่งประเด็นที่ว่าการจัดตั้งอ็อปโคแล้วจะทำให้การดำเนินงาน ของ ตลท.

ปลอดการแทรกแซงจากการเมืองหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่พูดยาก แต่ที่แน่ ๆ คือ จะทำให้การดำเนินงานของ ตลท. มีความคล่องตัวมากขึ้น" Q1'45 พอใจ ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์ กล่าวต่ออีกว่า

ผลการดำเนินงานของ ตลท.ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาว่า โดยภาพรวมถือว่าน่าพอใจ เพราะดัชนีราคาหุ้นไทยปรับตัวขึ้นจากเมื่อ สิ้นปีที่แล้วถึงร้อยละ 27-28 ขณะที่มาร์เกตแคป ก็ปรับตัวสูงขึ้นกว่าร้อยละ 40

มาอยู่ที่ 1.96 ล้านล้านบาท แต่จุดที่ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร คือ การเพิ่มบริษัทจดทะเบียนในตลท.รวมถึงตลาดหลักทรัพย์ใหม่ (เอ็มเอไอ) โดยในส่วน ของบริษัทเอกชนมีจำนวนน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้

ส่วนรัฐวิสาหกิจนั้น ปรากฏว่ายังไม่มีรัฐวิสาหกิจ แห่งใดที่สามารถเข้าจดทะเบียนและกระจายหุ้นในตลท.เพิ่มเติม หลังจากที่ปีก่อนมีรัฐวิสาหกิจ 2 แห่ง คือ บริษัทอินเทอร์เน็ตประเทศไทย หรือไอเน็ตและบริษัท

ปตท. จำกัด (มหาชน) เข้าจด ทะเบียน ขณะเดียวกัน กลับมีบริษัทจดทะเบียน เดิมหลายแห่งที่ขอเพิกถอนตัวเองออกไป อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีบริษัทเอกชนอยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อเข้าจดทะเบียนทั้งในตลท.

และเอ็มเอไออยู่ประมาณ 30 บริษัท ซึ่งทุกบริษัทแต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินเรียบร้อยแล้ว และคาดว่าจะเริ่มดำเนินการกระจายหุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไป (ไอพีโอ) ได้ตั้งแต่กลางปีเป็นต้นไป ทำให้ ตลท.มั่นใจว่า

เป้าหมายการเพิ่ม บริษัทจดทะเบียนของทั้ง 2 ตลาด รวม 50 บริษัทในปีนี้ที่เคยประกาศออกไป จะเป็นไปตามที่วางไว้ สำหรับปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อแนวโน้ม ตลาดหุ้นไทยต่อจากนี้ไป

ปัจจัยหลักยังเป็นเรื่องของภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่มีทิศทางการฟื้นตัวที่ชัดเจน ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้บริษัทที่กำลังเตรียมเข้าจดทะเบียนใน ตลท. เกิดความ ลังเล เพราะหากเศรษฐกิจไม่ดีอย่างที่คาดการณ์

ไว้ จะส่งผลต่อการเสนอขายหุ้นของบริษัททันที เท่าที่ทราบขณะนี้มีหลายบริษัทที่อยู่ในภาวะต้องตัดงบประมาณค่าใช้จ่ายต่างๆ ลงไปค่อนข้าง มาก สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทเหล่านี้มองว่าทิศทาง

เศรษฐกิจยังไม่ดีนัก "แม้ภาวะเศรษฐกิจของไทยในช่วงไตรมาส ที่แรกผ่านมายังดูไม่ดีนัก โดยจากข้อมูลของเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ตัวเลขการส่งออกที่เป็นตัวจักรสำคัญอย่างหนึ่งในการฟื้นเศรษฐกิจยังปรับตัวลดลงร้อยละ 8 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน

แต่ก็ถือว่าเร็วไปที่จะมาสรุปถึงทิศทางเศรษฐกิจในปีนี้ทั้งปีซึ่งยังเหลือเวลาอยู่อีกหลายเดือน โดยยอมรับว่า การที่เศรษฐกิจ ไทยจะฟื้นตัวหรือไม่ จะต้องดูทิศทางของเศรษฐกิจโลกด้วย

โดยเฉพาะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ หากเศรษฐกิจสหรัฐฯดี ประเทศไทยก็จะได้รับประโยชน์ไปด้วย" นายชวลิต กล่าว รายงานข่าวจาก ตลท. ระบุว่า บริษัทจดทะเบียนที่เข้าจดทะเบียนใน

ตลท.ในไตรมาสแรกที่ผ่านมามีจำนวน 1 บริษัท ได้แก่ บริษัทไอทีวี ส่วนที่เข้าจดทะเบียนในเอ็มเอไอมี 1 บริษัทเช่นกันคือ บริษัท ชูโอ เซ็นโก (ประเทศไทย) ขณะที่บริษัทจดทะเบียนที่ขอเพิกถอนออกจาก

ตลท.มีจำนวน 4 บริษัท ประกอบด้วยบริษัทเงินทุน เอไอจี ไฟแนนซ์ (ประเทศไทย)บริษัท ชลประทาน ซีเมนต์บริษัท ยูไนเต็ดฟูดส์ และบริษัท เดอะโคเจเนอเรชั่น



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.