ในฐานะข้าราชการประจำ ซึ่งมีหน้าที่ในการส่งเสริมให้เกิดการลงทุนขึ้นในระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย
สถาพร กวิตานนท์ เลขาธิการบีโอไอ ยังคงมองภาพรวมเศรษฐกิจของไทยในขณะนี้ ในเชิงบวก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีตัวเลขการขอรับการส่งเสริมการลงทุนในครึ่งแรกของปีนี้
เป็นปัจจัยสนับสนุน
"มูลค่าโครงการลงทุน ที่มาขอรับการส่งเสริม จากสำนักงานส่งเสริมการลงทุนในช่วง
6 เดือนแรกของปีนี้ สูงถึงกว่า 2 แสนล้านบาท"
มูลค่าโครงการที่มาขอบีโอไอดังกล่าว เพิ่มสูงขึ้นถึง 160% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ที่มีมูลค่า การขอรับการส่งเสริมเพียง 8 หมื่นล้านบาท
ตัวเลข 2 แสนล้านบาทนั้น มาจากโครงการที่มาขอ บีโอไอในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้
จำนวน 640 โครงการ สูงกว่างวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีเพียง 369 โครงการ ถึง
74% และในจำนวนนี้ กว่า 90% เป็นโครงการขนาดกลาง ที่มีมูลค่าการลงทุนไม่เกินโครงการละ
500 ล้านบาท
เมื่อแยกตามหมวดสินค้า ที่มีการลงทุนเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ หมวดสินค้าการเกษตร
เคมีภัณฑ์ พลาสติก และปิโตรเคมี มีสัดส่วนการลงทุนเพิ่มขึ้น 120% หมวดอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์
มีการลงทุนเพิ่มขึ้น 80% และหมวดอุตสาหกรรมเบา มีสัดส่วนการลงทุนเพิ่มขึ้น
70%
"มูลค่าการลงทุนตลอดทั้งปีนี้ คาดว่าจะสูงถึง 3.5
แสน ล้านบาท"
สถาพรประมาณการว่าในครึ่งปีหลัง จะมีมูลค่าโครงการที่มาขอบีโอไอเพิ่มขึ้นอีก
1.5 แสนล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมกับมูลค่าในครึ่งปีแรกแล้ว จะเป็นตัวเลข ที่ใกล้เคียงกับมูลค่าการลงทุนในช่วง ที่เศรษฐกิจยังไม่ประสบกับภาวะวิกฤติ
ซึ่งมีมูลค่า การลงทุนปีละ 4 แสนล้านบาท
"ตัวเลขดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าการลงทุนในไทย เริ่มดีขึ้นเป็นลำดับ"
สถาพรกล่าวอย่างมั่นใจกับมุมมอง ที่มีสมมุติฐานมาจากตัวเลขอ้างอิง ซึ่งเป็นปัจจัย ที่สามารถจับต้องได้
อย่างไรก็ตาม จากปัจจัยแวดล้อม โดยเฉพาะสถานการณ์ทางการเมือง ค่าเงินดอลลาร์ ที่ปรับตัวสูงขึ้น
ส่งผลให้เกิดการไหลออกของเงินทุน ประกอบกับราคาน้ำมัน ที่เพิ่มสูง ขึ้น และความซบเซา ที่เกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในตลาดหุ้น
จะมีผลกระทบกับเป้าหมายตัวเลขเงินลงทุนผ่านทางบีโอไอ ที่ตั้งไว้ 1.5 แสนล้านบาทในช่วงครึ่งปีหลังนี้หรือไม่
อีก 5 เดือนก็คงจะรู้