ฝ่ายการตลาดมีพนักงานในปี 2531/32 แบ่งเป็นพนักงานในสำนักงานใหญ่ 379 คน สำนักงานสาขาในไทย
404 คน กิจการสมทบ 647 คน และสำนักงานสาขาต่างประเทศ 1,210 คน รวมแล้ว 2,640
คน
ในจำนวนนี้มีฝรั่งอยู่ 2 คนที่เมื่อกล่าวถึงฉัตรชัยแล้วยากนักจะละเลยที่จะไม่กล่าวถึงคนแรกคือ
นิลส์ ลุมโฮล์ท
นิลส์ ลุมโฮล์ท เป็นชาวเดนมาร์ก เกิดปีเดียวกับฉัตรชัย คือปี 2475 เข้าทำงานกับเอสเอเอสตั้งแต่ปี
2499 ก่อนมาร่วมงานกับการบินไทยในปี 2507 เขาเป็นผู้จัดการฝ่ายเดินอากาศและเดินเรือทะเล
ของเอสเอเอส
ลุมโฮล์ทมาเริ่มงานกับการบินไทยในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายขายปี 2512 ได้เลื่อนเป็นผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด
รองกรรมการผู้จัดการและรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ในปี 2516 และ 2519 ตามลำดับ
เมื่อสัญญาความร่วมมือระหว่างเอสเอเอสกับการบินไทยสิ้นสุดในปี 2520 เขาก็ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสฝ่ายอุตสาหกิจการบิน
มีคนกล่าวถึงลุมโฮล์ทเหมือนกับฉัตรชัย คือทั้งในแง่บวกและแง่ลบ หลายคนกล่าวว่าลุมโฮล์ทคือผู้ปั้นฉัตรชัยขึ้นมา
และอยู่เบื้องหลังที่แท้จริงของการทำงานของฉัตรชัยมาตลอด ฉัตรชัยเป็นเพียง
"ตัวเปิด" ให้กับลุมโฮล์ทเท่านั้น และลุมโฮล์ทก็มีความผูกพันด้านผลประโยชน์กับฉัตรชัยในต่างประเทศ
อีกด้านหนึ่ง มีคนมองลุมโฮล์ทว่า บทบาทของลุมโฮล์ทคือการมองว่าตลาดการบินมันจะเติบโตไปข้างหน้าอย่างไร
จะไปบุกเบิกตลาดใหม่ที่ไหน และจะดึงผู้โดยสารอย่างไร เขาจะคอยเป็นกุนซือ
คอยกระทุ้งให้ฝ่ายการตลาดทำโน่นทำนี่เมื่อเขามองเห็นโอกาสและมีไอเดียใหม่ๆ
เนื่องจากลุมโฮล์ทอยู่ในวงการบินระหว่างชาติมานาน เขาจึงรู้จักระดับบริหารของแอร์ไลน์อื่นมากมาย
มีคนกล่าวว่าเมื่อลุมโฮล์ทพบกับคนพวกนี้ เขาก็จะพยายามชวนแอร์ไลน์อื่นมาลงที่ดอนเมือง
เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางการบิน
ในการบินไทยทุกคนเชื่อว่าลุมโฮล์ทและฉัตรชัยสนิทกันมาก โดยเฉพาะการไปเจรจากับแอร์ไลน์ต่างประเทศ
เขาเป็นคนดูแลการตลาดแต่ต้น แล้วก็มีฉัตรชัยมาเสริมทีหลัง แต่ฉัตรชัยจะแทนลุมโฮล์ทได้
100% แบบที่ลุมโฮล์ทเคยทำอาจจะไม่ได้ เรื่องการถ่ายทอดความรู้ความสามารถจากเขาก็เป็นเรื่องยากพอสมควร
มันอยู่ที่คนไปรับถ่ายทอดด้วย
มีคนบอกว่าลุมโฮล์ทเป็นคนไทยที่ชอบหลอกว่าเป็นฝรั่ง เพราะความจริงแล้ว ในความรู้สึกของคนร่วมงาน
ลุมโฮล์ทเป็นคนไทยเสียมากกว่า ลุมโฮล์ทชอบกระแนะกระแหนเอสเอเอส ชอบอยู่เมืองไทย
พูดภาษาไทย แล้วก็เป็นโสด
เมื่อคราวโยกย้ายใหญ่ มีคนได้ยินว่าเขารำพึงเบาๆ ว่า "คราวนี้ท่าจะแย่ว่ะ"
เดี๋ยวนี้ในตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายอุตสาหกิจการบิน หน้าที่ของเขาคือ
"แล้วแต่ผู้อำนวยการใหญ่จะมอบหมาย"
เฮนริก เหลา เป็นฝรั่งอีกคนที่ต้องกล่าวถึง เขาเป็นชาวสแกนดิเนเวียนที่มาคุมตำแหน่ง
PASSENGER SALES ซึ่งมีบทบาทที่จะต้องเกี่ยวพันกับเซลส์และเอเย่นต์ทั่วโลก
เขาจะเป็นคนกำหนด "เป้า" ให้กับเซลส์ ซึ่งเซลส์จะต้องทำให้ได้
รวมไปถึงการกำหนดส่วนลด กำหนดราคาตั๋วให้กับเอเย่นต์ ซึ่งเขาจะเป็นคนรวบรวมข้อมูล
ความเห็นจากเอเย่นต์ AREA MANAGER และ REGIONAL ก่อนที่จะเสนอให้กับวีพี
ตรงจุดนี้ก็เลยมีคนบอกว่าเขาเป็นฝรั่งที่มีอำนาจมาก เสนออะไรฉัตรชัยมักจะเชื่อ
"เขาก็เหมือนลุมโฮล์ทที่เป็นคนไทยเขาไปทุกที มีเมียคนไทยอยู่การบินไทย
แล้วก็คงไม่กลับไปหนาวตายที่เมืองนอกแน่ เขาคุมเชลส์ทั่วโลก ลูกเล่นเล่ห์เหลี่ยมตามประสาเซลส์
แล้วขณะเดียวกันก็มีแรงกดดันที่เขาจะต้องให้ได้ตามเป้าให้ได้
ประทิน บูรณบรรพต เป็นผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนและพัฒนาการตลาดและรักษาการกองวิจัยการตลาด
เคยอยู่ไอบีเอ็มมาก่อน เมื่อมาอยู่การบินไทยใหม่ๆ อยู่ฝ่ายคอมพิวเตอร์แล้วค่อยย้ายมาดูแลงานวิจัยการตลาด
เป็นผู้ที่มีบทบาทมากในการกำหนดทิศทางการตลาด อีกทั้งดูแลเรื่องการโฆษณา
ประชาสัมพันธ์ การสร้างภาพพจน์ ดูแลหนังสือ "สวัสดี", "กินรี"
มีมาดเป็นนักวิชาการ ชอบอภิปราย และเป็นนักพูด ซึ่งไม่ว่าสถานการณ์รอบข้างจะเป็นอย่างไร
เขาก็จะรู้สึกมันเป็นเรื่องธรรมดา และพูดแต่แง่ดีเสมอ
"ผมพูดเป็นวิชาการนะ" ประทินย้ำเสมอ
ประทินเป็นคนที่ฉัตรชัยไว้วางใจอย่างมากคนหนึ่ง
ม.ร.ว. ประยูรจันทร์เจริญ จันทรทัต หรือเรียกกันทั่วไปว่า "หญิงเล็ก"
ตำแหน่ง MARKETING GENERAL ADMINISTRATION เป็นลูกหม้ออีกคนของการบินไทยและกำลังจะเกษียณในปีนี้
หญิงเล็กเป็นผู้หนึ่งที่เชื่อกันว่าเป็นคนที่มีบทบาทมากในฝ่ายการตลาด เนื่องจากดูแลเรื่องการบริหาร
การจัดสรรกำลังคน และเป็นคนเก่าคนแก่ ลูกน้องรักมาก
ช่วงปี 2527 หญิงเล็กสร้างประวัติตัวเองด้านหนึ่งด้วยการขึ้นเงินเดือนตัวเอง
2 ขั้น ในช่วงที่หญิงเล็กได้รับการโปรโมทชั่นไปเป็นผู้อำนวยการฝ่ายบริหารทั่วไป
สำนักผู้อำนวยการใหญ่ เรื่องนี้มีการโวยวายกันขึ้น เกิดการสอบสวน ผลปรากฏว่าทำผิดขั้นตอนจริงและมีคำสั่งให้คืนเงินเดือนแต่ไม่ต้องชดใช้ดอกเบี้ย
และย้ายกลับคืนมาอยู่ฝ่ายการตลาดในตำแหน่งปัจจุบัน
เป็นอีกคนหนึ่งที่ฉัตรชัยไว้ใจมากๆ
จิตรดี รังควร ลูกหม้อการบินไทยมา 20 ปี เป็นผู้จัดการกองประชาสัมพันธ์ที่กำลังจะเกษียณ
ประชาสัมพันธ์เป็นกองที่มีสาวๆ นามสกุลดังของบรรดาทหารชั้นผู้ใหญ่มาอยู่กันมาก
และเป็นกองที่ไม่มี "กล่อง" เอาเลย คือพอพ้นจากจิตรดีแล้ว สต๊าฟทุกคนเท่าเทียมกัน
เพราะเป็นงานที่ไม่มีอะไรซับซ้อน มีเพียงการแบ่งงานความรับผิดชอบและในภาวะที่การบินไทยมีข่าวไม่ค่อยดีมาตลอด
จิตรดีกล่าวว่าถ้าไปตามแก้ข่าวทุกข่าวก็คงไม่ต้องทำอะไรกัน
เนื่องจากทั้งการบินไทยมีกองประชาสัมพันธ์อยู่ที่ฝ่ายการตลาดที่เดียว และที่ผ่านมางานส่วนใหญ่จะหนุนเนื่องงานทางด้านการตลาดมากกว่า
"ทุกวันนี้เขาก็ประชาสัมพันธ์ให้ทั้งบริษัทอยู่แล้ว" คนในแก้ข่าว
แต่ในสายตาของวีระ วีระถึงกับกล่าวว่ากองประชาสัมพันธ์ "สงสัยเป็นฝ่ายประชาสัมพันธ์ขายตั๋วมั๊ง"
วีระก็เลยอยากรื้อฟื้นฝ่ายประชาสัมพันธ์ของตัวเองขึ้น โดยขึ้นตรงกับสำนักผู้อำนวยการใหญ่เพื่อประชาสัมพันธ์องค์กรโดยตรง
แต่เป็นที่รู้กันว่าวีระตั้งใจให้เป็นที่ตอบปัญาหาสารพันที่คนสงสัยในข่าวลือต่างๆ
เสียมากกว่า
"ใครมีความสงสัยอะไรก็ตรงมาถามที่จุดๆ เดียว" วีระ กล่าวแบบชายชาติทหาร!
ในความเห็นของจิตรดีซึ่งกำลังจะเกษียณคือ "ก็แล้วแต่นายจะว่ายังไง
ก็ดีทั้งนั้น"
นเรศ หอวัฒนกุล ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการตลาดคนใหม่ที่มาแทนฉัตรชัย บุญยะอนันต์
เมื่อ 1 เมษายน 2531 เข้าร่วมงานกับการบินไทยตั้งแต่ 2506 ไต่เต้ามาตั้งแต่เป็นสจ๊วต
แล้วโอนมาอยู่การตลาดเมื่อ 2511 มีประสบการณ์ในลอนดอน ซีแอตเทิล เป็นผู้อำนวยการดูแลประเทศไทยและภาคพื้นเอเชียและตะวันออกกลางพร้อมกันไปด้วย
ประวัติการศึกษาเป็นส่วนที่ไม่เคยมีการกล่าวถึง เขาขึ้นมาจ่อตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการตลาดเป็นเวลานาน
แต่ก็ไม่ได้ขึ้นสักที
"คุณนเรศเป็นคนที่ฉัตรชัยเลือกขึ้นมากับมือ แต่เมื่อจะเสนอแต่งตั้งเป็นทางการ
คุณฉัตรชัยกลับเลือกคุณประเสริฐ ลิปิวัฒนาแทน"
เรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวที่ประหยัด ดิษยะศรินไม่เห็นด้วยกับฉัตรชัย และยืนกรานที่จะเลือกนเรศ
"ตอนหลังๆ คุณนเรศสนิทกับคุณประหยัดมาก ก็ไม่รู้ไปถูกเส้นกันอย่างไร
อาจจะเป็นเพราะได้เดินทางด้วยกันบ่อยในช่วงหลังๆ"
แต่หลายคนก็กล่าวถึงนเรศอย่างชื่นชม เพราะนเรศก้าวมาอย่างเป็นลำดับขั้น
ค่อยไต่เต้าขึ้นมา จากลูกหม้อ ความรู้สึกของสต๊าฟแล้ว เขาไม่ได้อยู่ห่างหรือบนหอคอยงาช้างแบบฉัตรชัย
และคงเข้าใจความรู้สึกของลูกน้องระดับล่างๆ มากกว่าฉัตรชัย และที่สำคัญ มันอยู่ที่ว่า
"ใครก็ได้ที่ไม่ใช่ฉัตรชัย" เพราะอย่างน้อยมันก็หมายถึงความเปลี่ยนแปลงในฝ่ายการตลาดอย่างขนานใหญ่
นเรศเป็นคนที่ไม่แน่ใจแล้วไม่ทำ ไม่ใช่เป็นคน "รุก" อย่างก้าวร้าวแบบฉัตรชัย
แผนการตลาดของนเรศอาจสอดคล้องกับความคิดของวีระ ที่อยากให้การขยายตลาดของการบินไทยชะลอตัวลง
เพราะที่ผ่านมานั้นอาจจะขยายตัวรวดเร็วเกินไป
"แผนการตลาดมาจากทีมไม่ใช่ผมคนเดียว" นเรศกล่าว
เมื่อมีคนห่วงว่า เส้นสายของฉัตรชัยที่เป็นเอเย่นต์ขายตั๋วให้การบินไทยในต่างประเทศจะ
"สโลว์ดาวน์" เพื่อแก้ลำให้กับฉัตรชัย นเรศกล่าวว่า เขาไม่เชื่อที่จะเป็นไปได้คงไม่มีใครอยากจะทุบกระปุกตัวเอง
"ใครทำไม่ได้ตามเป้า ผมก็ย้าย" นเรศกล่าวอย่างไม่แคร์
นเรศไม่เคยกลัวสื่อมวลชน มีคนบอกว่า เพราะนเรศมีบทเรียนจากฉัตรชัยที่ไม่เคยมาสุงสิงกับนักข่าวอย่างกันเอง
นเรศจะ "คล่อง" มากกับนักข่าว รู้หลบและรู้หลีก และ "ชิ่ง"
อย่างมีศิลป์เมื่อไม่อยากจะสนทนากับใคร
"คุยกับนเรศต้องจับตัวแกไว้ให้ดีๆ" ทั้งสต๊าฟและนักข่าวเห็นพ้องต้องกัน
นเรศ หอวัฒนกุล อาจเป็น "ความหวังใหม่" สำหรับสต๊าฟฝ่ายการตลาดที่
"หมั่นไส้" ฉัตรชัยเต็มแก่ และก็ยัง "สะอาด" ในสายตาคนทั่วไป
ทั้งในเรื่องตำแหน่ง การโยกย้าย การปรับเปลี่ยนโครงสร้างและแผนงานใหม่ๆ ถนนทุกสายกำลังมุ่งหน้าสู่นเรศ
บางทีตอนนี้ "ความหวัง" จากคนรอบข้างหลังจากที่ถูกเก็บกดมานาน
กำลังทับนเรศจนจุกหายใจไม่ออกอยู่ก็ได้