|
"ธนินท์"มั่นใจศก.ปีไก่ขยายลงทุนไทยและจีน
ผู้จัดการรายวัน(20 มกราคม 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
"ธนินท์ เจียรวนนท์" นำทัพผู้บริหารเครือซีพี. ประกาศแผนงานประจำปี 2548 เชื่อมั่นเศรษฐกิจไทยยังโตต่อเนื่อง พร้อมขยายธุรกิจทั้งในไทยและจีน เพิ่มสาขาโลตัสในจีนจาก 44 แห่งเป็น 86 แห่ง เตรียมส่ง "ปูขน" เข้าตลาด ส่วนเซเว่น-อีเลฟเว่น ตั้งเป้าปีนี้ 5,000 ร้าน
ในโอกาสครบรอบ 84 ปีเจียไต๋ และเครือเจริญโภคภัณฑ์ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (18 ม.ค.) นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ พร้อมด้วยผู้บริหาร 3 กลุ่มธุรกิจหลักเครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้แก่ ธุรกิจค้าปลีกการตลาดและการจัดจำหน่าย ธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหาร และธุรกิจโทรคมนาคม ได้แถลงผลดำเนินงานรอบปีที่ผ่านมา พร้อมเป้าหมายดำเนินธุรกิจปีนี้
นายธนินท์ กล่าวว่า แม้หลายฝ่ายจะทำนายว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะไม่สดใส แต่โดยส่วนตัวยังเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เพราะทุกวิกฤตที่เกิดขึ้น ย่อมมีโอกาสแห่งความสำเร็จ จึงขอให้ผู้นำทุกกลุ่มธุรกิจและคณะผู้บริหาร พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ทั้งการลงทุนในไทยและจีน
สำหรับการลงทุนในจีน เครือเจริญโภคภัณฑ์ยังคงเดินหน้าต่อไป เพราะเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจจีนจะเติบโตได้อีกมาก แม้ปัจจุบันจะมีการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามามาก ทำให้คู่แข่งมากขึ้น ทำให้บริษัทหลายแห่งที่เข้าไปลงทุนในจีนต้องขาดทุน
นายธนินท์กล่าวว่า ปี 2547 เครือเจริญโภคภัณฑ์มีกำไรจากการลงทุนในจีน โดยเฉพาะธุรกิจค้าปลีก ซึ่งมีโลตัสเป็นหัวหอก แม้จะต้องแข่งกับบริษัทข้ามชาติ 5 แห่ง คือ วอล มาร์ท จากสหรัฐอเมริกา คาร์ฟูร์ และโอชอง จากฝรั่งเศส เมโทร จากเยอรมนี แมคโคร จากฮอลแลนด์ และ เทสโก จากอังกฤษก็ตาม แต่โลตัสก็ได้รับความนิยมอย่างมากตัวอย่างเช่น ที่เซี่ยงไฮ้ ได้รับความนิยมอันดับ 1 ซึ่งในปีนี้จะพยายามขยายกิจการโลตัสในจีนให้ได้ 86 สาขาจากปัจจุบันที่มีอยู่ 44 แห่ง
ส่วนธุรกิจเกษตรในจีน ยังให้ความสำคัญกับธุรกิจอาหารสัตว์และสัตว์บก ครบวงจรเช่นเดิม และปีนี้ จะขยายสู่ธุรกิจสัตว์น้ำ เนื่องจากมีตลาดรองรับ และสอดคล้องพฤติกรรมการบริโภคของคนจีน โดยสัตว์น้ำที่กำลังศึกษาความเป็นไปได้ก่อนบุกตลาดคือปูขน
ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาตราสินค้า (Trademark) และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยประกาศให้ผู้นำกลุ่มธุรกิจ ผู้บริหาร เร่งสร้างคนรุ่นใหม่อายุน้อย โดยให้โอกาส และอำนาจผู้บริหาร เพื่อจะให้เครือฯ มีผู้นำรุ่นใหม่รองรับการเติบโตของกิจการทั้งหมด
ผู้นำ 3 กลุ่มธุรกิจโชว์ผลประกอบการ
ด้านผู้นำกลุ่มธุรกิจหลัก 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ นายก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มธุรกิจการตลาด และจัดจำหน่าย เครือเจริญโภคภัณฑ์ นายอดิเรก ศรีประทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บมจ.ซีพีเอฟ (CPF) และนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะ ผู้บริหาร บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) และ บจก. ทีเอ ออเร้นจ์ แถลงผลดำเนินงานรอบปีที่ผ่านมา
นายก่อศักดิ์ ในฐานะประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซี.พี.เซเว่น อีเลฟเว่น กล่าวว่า ปัจจุบันมีร้านสะดวกซื้อ เซเว่น อีเลฟเว่น ประมาณ 2,800 แห่งทั่วไทย ในปีนี้ตั้งเป้าหมายว่าจะเปิดให้ครบ 5,000 แห่ง ซึ่ง เซเว่น อีเลฟเว่น มีการเติบโตที่เร็วมาก ในปี 2545 มีการขยายสาขาเพิ่ม 200 แห่ง ปี 2546 ขยาย 360 แห่ง และปี 2547 ขยาย 450 แห่ง ปัจจุบัน มีร้านเปิดใหม่เฉลี่ยวันละ 1.5 ร้าน
นอกจากนั้น เซเว่น อีเลฟเว่น ยังซื้อกิจการโรงเรียนกรุงเทพเทคนิคนนท์ โดยเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น โรงเรียนปัญญาภิวัฒน์เทคโนธุรกิจ เพื่อใช้เป็นสถาบันสร้างและพัฒนาบุคลากร รองรับการเติบโตของร้านเซเว่นอีเลฟเว่น
นายอดิเรก กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF)กล่าวว่า ปีนี้ ผลประกอบการ CPF จะดีกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากผ่านพ้นวิกฤตการณ์ไข้หวัดนก รวมทั้งวิกฤตการณ์กุ้งมาแล้ว จึงเชื่อมั่นว่าธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรม ทั้งกลุ่มสัตว์บกและสัตว์น้ำจะเติบโตได้ดี เนื่องจากมีความพร้อม ทั้งด้านสายพันธุ์ การตลาด การผลิต การบริหารจัดการ รวมถึงการใช้เทคโนโลยีที่ดีที่สุด ซึ่งจะทำให้ธุรกิจซีพีเอฟเติบโตได้อย่างที่ต้องการ
ทรู คอร์ปอเรชั่น พร้อมทะยาน
นายศุภชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานคณะผู้บริหาร บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น และ บจก.ทีเอ ออเร้นจ์ กล่าวว่าเครือเจริญโภคภัณฑ์ ซึ่งมีรากฐานจากธุรกิจเกษตร ก้าวสู่ธุรกิจโทรคมนาคม เปรียบได้ดีกับคำว่า From Chick to Click ซึ่ง ทรู คอร์ปอเรชั่น พยายามทำหน้าที่ดีที่สุด ที่จะเป็นผู้ผลิตอาหารสมองให้ผู้บริโภค โดยปีนี้ ทรูเปรียบเหมือนเครื่องบินที่กำลังจะทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า แต่ยังไม่ถึงขั้นติดลมบน อย่างไรก็ตาม หลังผ่านพ้น ช่วง Turn Around ปีที่ผ่านมา ทรูมั่นใจว่าปีนี้ จะมีรายได้มากขึ้น ตั้งเป้าหมายจะสร้างรายได้ ทั้งส่วน ทรูและทีเอออเร้นจ์ ให้ได้ 6 หมื่นล้านบาทภายใน ปีนี้ โดยแบ่งเป็นรายได้จากทรู 5 หมื่นล้านบาท และจากทีเอ ออเร้นจ์ 1 หมื่นล้านบาท
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|