คาดราคาTPIหุ้นละ1.5-5บ.ระบุปตท.เสนอ


ผู้จัดการรายวัน(19 มกราคม 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

"บิ๊กหมง" มั่นใจสรุปราคาหุ้นทีพีไอได้เม.ย.นี้ โดยปตท.ตั้งที่ปรึกษาการเงิน "บล.ภัทร-ซิตี้ กรุ๊ป" ลุยทำดิวดิลิเจนซ์อย่างละเอียด "นิพัทธ" ชี้ราคาหุ้นทีพีไออยู่ระหว่าง 1.50-5 บาทต่อหุ้น เนื่องจากเป็นช่วงราคาที่ปตท.-ประชัยเคยเสนอซื้อมาก่อนหน้านี้ ส่งผลให้ราคาหุ้น TPI ร่วงทันที ด้าน "ประชัย" รอศาลนัดไต่สวนคดีให้สิทธิผู้บริหารลูกหนี้ซื้อหุ้นทีพีไอทั้งหมดในวันที่ 25 ม.ค.นี้ จวกรัฐเร่งจัดสรรหุ้นเช่นนี้ผิดหลักธรรมาภิบาลที่ดี

พล.อ.มงคล อัมพรพิสิฏฐ์ ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัทอุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) (ทีพีไอ) เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงการคลัง ลงนามสัญญาเอ็มโอยู ร่วมกับ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และธนาคารออมสิน ในการเข้ามาร่วมลงทุนและฟื้นฟูกิจการของทีพีไอนั้น ขณะนี้ทางปตท.ได้มีการว่าจ้างบริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด และซิตี้ กรุ๊ป เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และว่าจ้างบริษัท เคบีซี ของอังกฤษเป็นที่ปรึกษาด้านเทคนิค เพื่อดำเนินการตรวจสอบสถานะทรัพย์สินและหนี้สิน (ดิว ดิลิเจนซ์) ทีพีไออย่างละเอียด ก่อนจะมีการกำหนดราคาซื้อขายหุ้นทีพีไอที่แน่นอนอีกครั้ง

ขณะที่กระทรวงการคลังได้ว่าจ้างบริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และสำนักงานกฎหมายสยามนิติ เป็นที่ปรึกษาทางการกฎหมาย โดยเชื่อว่าจะสามารถตกลงราคาหุ้นได้ภายใน 29 เมษายนนี้ เพื่อให้บอร์ดของแต่ละแห่งพิจารณา ก่อนที่จะมีการลงนามสัญญาซื้อขายหุ้นทีพีไอในวันที่ 20 มิถุนายน 2548 ตลอดจนมีการชำระค่าหุ้นตามสัญญา ซึ่งกระบวนการทั้งหมดจะต้องเสร็จก่อนวันที่ 4 พฤศจิกายน 2548 ตามที่แผนฟื้นฟูได้ระบุไว้ ทำให้ทีพีไอก็สามารถออกจากกระบวนการฟื้นฟูกิจการได้

นายนิพัทธ พุกกะณะสุต ที่ปรึกษาคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ ทีพีไอ กล่าวว่า ราคาเสนอซื้อหุ้นทีพีไอที่พันธมิตรหลายราย เช่น ปตท. รวมถึงนายประชัย เสนอมาอยู่ระหว่าง 1.00-7.00 บาทต่อหุ้น ซึ่งคลังได้พิจารณาเห็นว่าช่วงราคาหุ้นทีพีไอน่าจะอยู่ที่ 1.50-5.00 บาทต่อหุ้น ซึ่งโอกาสความเป็นไปได้ที่ราคาเสนอซื้อจะอยู่ในช่วงดังกล่าว โดยการกำหนดราคาหุ้นจะพิจารณาจากทรัพย์สินทีพีไอ ความสามารถในการสร้างรายได้ รวมถึงภาระผูกพันที่มี แต่ทั้งนี้คงต้องให้ปตท.เสนอราคาซื้อ เพื่อพิจารณาว่าคลังจะรับได้หรือไม่ เพราะทีพีไอต้องการเงินจากการขายหุ้นเพิ่มทุนอย่างน้อย 650 ล้านเหรียญสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม หากสามารถฟื้นฟูทีพีไอได้ตามแผนที่กำหนดไว้ ทีพีไอก็จะเป็นบริษัทที่มีอนาคต มีความมั่นคง เนื่องจากทีพีไอมีทั้งโรงกลั่นและปิโตรเคมี โดยเฉพาะมีค่าการกลั่นสูงถึง 6 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และปีนี้ ทีพีไอมีแผนจะกลั่นน้ำมันที่ระดับ 1.8 แสนบาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ผลิตอยู่เฉลี่ยวันละ 1.7 แสนบาร์เรล/วัน

นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา หนึ่งในผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ ทีพีไอ กล่าวว่า ในฐานะที่ ปตท.เป็นบริษัท (มหาชน) จึงจำเป็นต้องเข้ามาตรวจสอบสถานะของทีพีไอในทุกแง่มุม ทั้งฐานะ แนวโน้มธุรกิจ และเงินทุนเพื่อการลงทุน โดยคาดว่ากลางเดือนพฤษภาคมการทำการตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินน่าจะเสร็จสิ้นได้

"เรื่องที่นายประชัย ยื่นคัดค้านต่อศาลล้มละลายกลางขอใช้ศาลพิจารณาสิทธิของผู้ถือหุ้นเดิมในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนทีพีไอทั้งหมดนั้น เชื่อว่าไม่มีผลต่อการเพิ่มทุนของทีพีไอ เพราะขั้นตอนต่างๆ ยังดำเนินต่อไปตามที่แผนฟื้นฟูฯระบุ ส่วนหุ้นทีพีไอ โพลีนที่ถืออยู่ 249 ล้านหุ้นนั้น คาดว่าจะได้ข้อสรุปจะขายให้ใคร เท่าไรในช่วงใกล้เคียงกับได้ข้อสรุปการซื้อขายหุ้นทีพีไอ"

ด้านนายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้บริหารลูกหนี้ กล่าวว่า การจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนทีพีไอให้กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม 15%นั้น ขัดกับหลักธรรมาภิบาลที่ดี ซึ่งตนได้ยื่นคำร้องต่อศาลล้มละลายกลางเพื่อขอให้ผู้บริหารลูกหนี้ซื้อหุ้นเพิ่มทุนใหม่ก่อนพันธมิตรรายอื่น ซึ่งศาลฯได้นัดไต่สวนในวันที่ 25 ม.ค.นี้

ซึ่งราคาหุ้นทีพีไอ ถ้าประเมินด้วยวิธีส่วนลดกระแสเงินสด (DCF) ราคาหุ้นจะอยู่ที่ 23 บาท/หุ้น ถ้ามีการเพิ่มทุนอีก 11,500 ล้านหุ้น แล้วนำหุ้นที่เจ้าหนี้ได้ไป 5,800 ล้านหุ้น โดยแปลงดอกเบี้ยเป็นทุนมารวมกับหุ้นเพิ่มทุนแล้วจะมีจำนวน 17,500 ล้านหุ้น หรือ 90% ของหุ้นทั้งหมดของทีพีไอ หากคลังเสนอขายหุ้นในราคาเพียง 3 บาท จะทำให้ทีพีไอเสียหายถึง 20 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็น 2.3 แสนล้านบาท และผู้ถือหุ้นเดิมที่ไม่ใช่เจ้าหนี้จะเสียหาย 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งเจ้าหนี้ยอมตัดดอกเบี้ยค้างชำระคิดเป็นเงิน 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 4 หมื่นล้านบาท ขณะที่ผู้ซื้อใหม่จะได้กำไรจากการซื้อหุ้นเพิ่มทุนนี้ประมาณ 1.22 แสนล้านบาท แทนที่จะตกอยู่กับผู้ถือหุ้นเดิม

ราคา TPI ร่วง 15 สต.

ด้านราคาหุ้นบริษัทอุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TPI ในช่วงเช้าเคลื่อนไหว ในแดนบวกก่อนจะปรับตัวลดลงอย่างหนัก หลังจากปรากฏผลสรุปราคาขายหุ้นเพิ่มทุน โดยนายนิพัทธ พุกกะณะสุต ที่ปรึกษาผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ ออกมาเปิดเผยว่า ช่วงราคาที่จะเสนอขายอยู่ระหว่าง 1.50-5.00 บาทต่อหุ้น และแม้จะมีการระบุว่าสุดท้ายแล้วราคาที่แท้จริงจะอยู่ที่เท่าไหร่นั้นขึ้นอยู่กับภาวะตลาดและราคาน้ำมันในช่วงเวลาดังกล่าว แต่ก็ยังมีแรงทุบขายหุ้นจากรายใหญ่

ส่งผลราคาปิดที่ 8.85 บาท ลดลง 0.15 บาท หรือ 1.67% โดยราคาต่ำสุดที่ 8.65 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น1,641.97 ล้านบาท

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า นักลงทุนแพนนิคโดยมองว่าราคาที่ผู้บริหารแผนฟื้นฟู กำหนดที่จะขายอยู่ในช่วงราคาที่ต่ำกว่าราคาหุ้นที่ซื้อขายในขณะนี้ค่อนข้างมาก จึงทำให้มีการเทขายออกมา

แต่อย่างไรก็ตาม หากมีการชี้แจงหรือการให้รายละเอียดเพิ่มเติมที่จะทำให้ผู้ถือหุ้นพอใจการกลับเข้ามาซื้อลงทุนก็อาจจะเป็นไปได้ แต่ทั้งนี้ยังคงแนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนหรือขาย โดยประเมินราคาพื้นฐานหุ้น TPI ที่ระดับ 5-5.50 บาท

นอกจากนี้ในส่วนของนักลงทุนรายใหญ่ที่เทขายหุ้นออกมานั้นคาดว่าเป็นการเทขายออกมาเพื่อจะเข้าไปรับซื้อในราคาต่ำ เนื่องจากมองว่าสถานการณ์ยังไม่ชัดเจนราคาหุ้นย่อมผันผวนไปตามข่าว โดยยังเชื่อว่าราคาเสนอขายหุ้นไม่น่าจะอยู่ที่ 1.50 บาท ซึ่งอาจจะอยู่ที่ 2-3 บาท ประกอบกับนักลงทุนรายใหญ่ต้องการรอดูการจัดสรรและราคาหุ้นให้กับผู้ถือหุ้นเดิมเป็นอย่างไร รวมไปถึงยังคาดหวังว่าจะต้องมีการออกใบสำคัญแสดงสิทธิ์ในหุ้นสามัญ หรือ วอร์แรนต์ ทั้งในส่วนที่จะให้กับกลุ่มเก่านายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ และผู้ถือหุ้นรายย่อยด้วย


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.