แอนเดอร์เซ่นจับมือ KPMG ควบกิจการฟันกำไรไทย


ผู้จัดการรายวัน(4 เมษายน 2545)



กลับสู่หน้าหลัก

"แอนเดอร์เซ่น" เผยแผนควบรวมกิจการกับ "เคพีเอ็มจี"ภายในตุลานี้ หวังเพิ่มความแกร่ง อุตสาหกรรมโทรคมนาคมพลังงาน โวปีก่อน รายได้รวมบริษัทฯเฉียดพันล้าน ย้ำไม่มีนโยบายปลดพนักงาน ด้านปธ.

"เคพีเอ็มจี" มั่นใจความมั่นคงด้าน อุตสาหกรรมการเงินเพิ่ม ส่ง ผลต่อฐานลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นสถาบันการเงิน วานนี้(3 เม.ย.)กลุ่มบริษัทแอนเดอร์เซ่น(ประเทศไทย) ได้แถลงข่าวความคืบหน้าในข้อตกลง

เพื่อควบรวมกิจการกับกลุ่มบริษัทเคพีเอ็มจี(ประเทศไทย) ตามแผน การเข้าเป็นสมาชิกของเคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็น 1 ใน5 ผู้นำของบริษัทที่ให้บริการผู้สอบบัญชีและที่ปรึกษาธุรกิจของโลก นางไขศรี

นิติการพิศิษฐ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทแอนเดอร์เซ่น-ประเทศไทย เปิดเผยว่าทั้ง 2 บริษัทได้มีการบรรลุข้อตกลงร่วมกันในระดับหนึ่ง ที่จะควบรวมกิจการของทั้งสองบริษัท

โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาและพิจารณาในรายละเอียดรวมทั้งขั้นตอนทางกฎหมายและระเบียบปฏิบัติต่างๆ เพื่อให้เกิดความถูกต้องและชัดเจน

โดยคาดว่าภายในเดือนมิถุนายนนี้จะสามารถหาข้อสรุปที่ชัดเจนได้ หลังจากนั้นจะดำเนินการตามแผนโดยมีเป้าหมายที่จะให้เสร็จสิ้นอย่าง เป็นทางการภายในเดือนตุลาคมนี้ ส่วนสาเหตุที่บริษัทแอนเดอร์

เซ่นเลือกที่จะเข้าควบกิจการกับบริษัทเคพีเอ็มจี นั้น นางไขศรีกล่าวว่า เนื่องจากทั้งสองบริษัทมีความแข็งแกร่งที่แตกต่างกัน เมื่อรวมกิจการแล้วจะเกิดประโยชน์มากยิ่งขึ้น โดยในส่วนของแอน

เดอร์เซ่นจะมีความแข็งแกร่งในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับโทรคมนาคม พลังงาน ซึ่งมีฐานลูกค้าเป็นคน ไทยกว่า 70% โดยปีที่ผ่านมากลุ่ม บริษัทแอนเดอร์เซนมีรายได้รวมเกือบ 1,000 ล้านบาทและคาดว่าใน

ปีนี้จะทำได้ใกล้เคียงกับปีก่อน ซึ่งการควบรวมกิจการครั้งนี้ในเบื้องต้นจะไม่มีการลดพนักงานลงแต่อย่างใด นอกจากนี้ กรณีบริษัทเอ็นรอนประสบปัญหาล้มละลายนั้น นางไขศรีชี้แจงว่า บริษัทแอนเดอร์

เซ่น(ประเทศไทย)นั้นไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่อง จากมีบริษัทอาร์เธอร์แอนเดอร์เซ่นในสหรัฐอเมริกาเป็นผู้ตรวจสอบบัญชี และฐานลูกค้าของบริษัทส่วน ใหญ่เป็นลูกค้าคนไทย

ซึ่งมีความเข้าใจเกี่ยวกับบริษัทรวมทั้งบริษัทเพิ่งจะมาใช้ชื่อแอนเดอร์เซ่น ประมาณ 2-3 ปีที่ผ่านมาเท่านั้น สำหรับกลุ่มบริษัทในประเทศ ไทยเมื่อได้รวมกันแล้วจะมีผู้บริหาร และพนักงาน

เจ้าหน้าที่ในระดับปฏิบัติการมากกว่า 1,000 คน ซึ่งถือเป็นทีมงานบริการขนาด ใหญ่และมีคุณภาพสูง มีความรู้ความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ในการทำ งานระดับสากลมาแล้ว

"การรวมกันครั้งนี้จะทำให้มีงานบริการที่หลากหลายสามารถสนองความต้องการของลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น โดย มีเครือข่ายที่กว้างขวางและมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาเสริมงานบริการได้อย่าง มีประสิทธิภาพ" ผจก.

แอนเดอร์สัน(ประเทศไทย) กล่าว นายสุพจน์ สิงเสน่ห์ ประธานบริษัทเคพีเอ็มจี-ประเทศไทย กล่าวว่า การควบรวมกิจการ ของทั้งสองบริษัท เชื่อมั่นว่าจะทำให้บริษัทสามารถ ให้บริการที่มีมูลค่าเพิ่มแก่ลูกค้าได้

โดยปัจจุบันเคพีเอ็มจีจะมีความแข็งแกร่งในอุตสาหกรรมทาง ภาคการเงิน ซึ่งฐานลูกค้าของบริษัทส่วนใหญ่จะเป็นสถาบันการเงินทั้งในประเทศไทยและระดับภูมิภาค โดยในส่วนของสถาบันการเงินของ

ไทยได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารทหารไทย และธนาคารต่างประเทศส่วนใหญ่เป็นลูกค้าของ บริษัททั้งหมด



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.