พีแอนด์จีรับหืดขึ้นคอ ลดขนาดสินค้า-ศก.ไทยส่อแววฝืด


ผู้จัดการรายวัน(3 เมษายน 2545)



กลับสู่หน้าหลัก

พี แอนด์ จีปรับตัวสู้หลังภาพรวมตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคหดตัวลง 2% จากปีก่อน ด้วยการเพิ่มขนาดผลิตแชมพูเฮดแอนด์ โชว์เดอร์ และรีจอยส์ ด้วยขนาดบรรจุ 40 มล.เน้นจำหน่ายผ่านร้านโชวห่วย

ย่านชานเมืองและต่างจังหวัดตอบสนองความต้องการของลูกค้าในยุคเศรษฐกิจฝืด เผยปีนี้นับเป็นปีแรกที่ยอดขายของพีแอนด์จีคงที่ไม่มีอัตราเติบโต นับตั้งบแต่เกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจ กัดฟันลงทุนเพิ่ม 1,400

ล้านบาท สร้างศูนย์กระจายสินค้ารับตลาดส่งออกโต นายเจฟฟรี่ย์ เจ.ฮันส์เบอร์รี่ กรรมการผู้จัดการ บริษัทพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภค บริโภค

เปิดเผยว่าปัจจุบันนี้แนวโน้มการต้องการเลือกซื้อสินค้าผู้บริโภคเปลี่ยนไปจากเดิมที่พฤติกรรมของผู้บริโภคจะนิยมเลือกซื้อสินค้าที่มีขนาด กลางถึงใหญ่ เพราะการเลือกซื้อสินค้า ที่มีขนาดใหญ่นั้น

จะมีราคาถูกกว่าการ ซื้อสินค้าขนาดเล็ก แต่ปัจจุบันนี้การเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภคจะเลือกซื้อ สินค้าที่มีขนาดเล็กลง แม้ว่าราคาเฉลี่ย จะสูงกว่าสินค้าขนาดกลาง หรือใหญ่ก็ตาม ทั้งนี้

เนื่องจากผู้บริโภคจะระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น เพราะมี รายได้ลดลง หรือทรงตัว เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมยังไม่อยู่ในภาวะฟื้นตัว ผู้บริโภคจึงไม่มีความมั่นใจในการใช้จ่ายเงินเป็นจำนวนมาก

แต่ยังต้องการใช้สินค้าที่มีคุณภาพดี ราคาถูก เช่นเดิม ดังนั้นการตัดสินใจซื้อสินค้าของผู้บริโภคจะเลือกซื้อสินค้าที่มีขนาดเล็กลงบริษัทในฐานะที่ เป็นผู้ผลิตและทำตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคจึงได้ปรับตัว

โดยการผลิตสินค้าที่มีขนาดเล็กลงเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวในวง การสินค้าอุปโภคบริโภคให้ความเห็นว่าการเพิ่มไลน์ผลิตสินค้าให้มีขนาดเล็กลงนั้น

เป็นเพราะว่าผู้ผลิตต้องการ ที่จะเพิ่มยอดขาย และรักษาส่วนแบ่งการตลาดไว้ ขณะเดียวกันก็ต้องการตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้วยรวมถึงต้องการรองรับกับภาวะการแข่งขันที่รุนแรง นายฮันส์เบอร์รี่

กล่าวอีกว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาการเลือกซื้อแชมพูของผู้บริโภค จะเลือกซื้อแชมพูที่มีขนาด 200 มิลลิลิตร หรือใหญ่กว่าคิดเป็นสัดส่วน 63%

ของการเลือกซื้อทั้งหมดแต่ปัจจุบันการเลือกซื้อแชมพูเปลี่ยนไปเป็นซื้อสินค้า ขนาดเล็กลงส่วนการเลือกซื้อสินค้าขนาด 200 มล.หรือใหญ่กว่ามีสัดส่วน ลดลงเหลือเพียง 57%

ของปริมาณสินค้าที่วางจำหน่ายทั้งหมด ล่าสุด บริษัทได้เพิ่มขนาดบรรจุ แชมพูเฮดแอนด์โชว์เดอร์ และแชมพูรีจอยส์ ขนาด 40 มิลลิลิตร เมื่อปลาย ปีที่ผ่านมา ซึ่งเน้นการทำตลาดผ่านช่อง

ทางการค้าแบบเดิมหรือโชห่วยในเขตชานเมืองและต่างจังหวัดเป็นหลักและไม่เน้นการทำตลาดผ่านโมเดิร์นเทรดมากนัก

เพราะความต้องการซื้อสินค้าขนาดเล็กส่วนใหญ่จะอยู่ที่ต่างจังหวัดมากกว่าในเขตกรุงเทพฯ หลังจากที่บริษัทได้เริ่มทดลองทำตลาดแชมพูขนาดเล็กปรากฏว่า

สามารถสร้างยอดขายให้เฮดแอนด์โชว์เดอร์สูตรเมนทอลเติบโตขึ้นเท่าตัว และสูตร ใหม่นี้ทำให้ส่วนแบ่งการตลาดของผลิต ภัณฑ์นี้เพิ่มขึ้นเป็น 34% ขณะเดียวกัน ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ส่วนแบ่งการ

ตลาดของผลิตภัณฑ์เพื่อเส้นผมของพีแอนด์จี เพิ่มขึ้น 3% จากเดิมที่มีส่วน แบ่งการตลาดอยู่ที่ 25% เพิ่มเป็น 28% นายฮันส์เบอร์รี่ กล่าวต่อว่า สภาพตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา

ตลาดมีการหด ตัวลงประมาณ 2% แต่คาดการณ์ว่า ในปีนี้ตลาดจะดีขึ้นและมีอัตราเติบโตประมาณ 2-3% หากเทียบกับปีที่ผ่านมา เนื่องจาก GDP มีการเติบโตขึ้นแม้ว่าจะเป็นในอัตราเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย

ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจมีแนวโน้มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นรวมถึงผู้ผลิตสินค้ามีการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของพีแอนด์จี นั้น นายฮันส์เบอรี่กล่าว ยอมรับว่า

เป็นปีที่การทำตลาดค่อนข้างลำบาก และปีนี้นับเป็นปีแรกที่ยอดขายของบริษัทคงที่ไม่มีอัตราเติบโต คือมียอดขายโดยรวมอยู่ที่ 5,700

ล้านบาทนับตั้งแต่เกิดภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจซึ่งในรอบปีบัญชีที่ผ่านมาบริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโตขึ้น 10% หากเทียบกับปีที่ผ่านมา แต่ไม่สามารถสร้างยอดขายได้ตามประมาณการที่วางไว้

ส่วนในรอบปีบัญชี ปี 2545 (เริ่ม 1 ก.ค. 2545-30 มิ.ย. 2546) บริษัทตั้งเป้ายอดขายเติบโตขึ้น 10% ซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ด้านนโยบายการลงทุนของบริษัทในปีนี้

บริษัทมีแผนที่จะลงทุนเงินเพิ่ม 700 ล้านบาท จากที่งบในปีนี้ มีการลงทุนรวมทั้งสิ้น 1,400 ล้านบาทเพื่อ สร้างศูนย์กระจายสินค้าอุปโภคบริโภค รองรับตลาด ส่งออกที่ใหญ่ที่สุด ในเอเชีย

ที่นิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์ จังหวัดฉะเชิงเทรา พื้นที่ 60 ไร่ พื้นที่ใช้สอย 61,000 ตารางเมตร ซึ่งภายในศูนย์ฯจะติดตั้งระบบปฎิบัติงานที่ทันสมัยรวมถึงระบบ รีลไทม์ คอนโทรล อินโฟร์เมชั่น ซิสเท็ม

สำหรับการติดตามข้อมูลรายการสินค้าเข้า-ออกภายในศูนย์ ซึ่งเป็นข้อมูลที่เป็นปัจจุบันที่สุดศูนย์ ดังกล่าวจะก่อสร้าง โครงการในระยะแรกแล้วเสร็จในเดือนกรกฎาคม 2545

และจะทำให้สามารถเก็บสินค้าได้เพิ่มขึ้น 300% ศูนย์กระจายสินค้า เพื่อการส่งออกแห่งใหม่จะช่วยให้บริษัทให้บริการและลูกค้าและสนับสนุนการเติบโตของบริษัทให้สามารถผลิตสินค้าได้ในระดับโลก

ซึ่งจะทำการผลิตสินค้า เพื่อป้อนประเทศต่างๆ มากกว่า 20 ประเทศทั้งในและนอกภูมิภาค ซึ่งคาดการณ์ว่าในรอบปีบัญชีปัจจุบัน ซึ่ง จะสิ้นสุดในวันที่ 30 มิย.2545

ยอดสั่งซื้อสินค้าจากพีแอนด์จีในต่างประเทศเข้าสู่ประเทศไทย จะมีมูลค่า ประมาณ 4-5 พันล้านบาทเพิ่มจากปีที่ผ่านมากว่า 10% ห้างไม่สนขายสินค้าไซส์เล็ก

จากการสำรวจฝ่ายจัดซื้อของห้างสรรพสินค้าทั่วไปอาทิ ห้างสรรพสินค้า พบว่าในแผนกซูเปอร์-มาร์เกตของห้างสรรพสินค้าทั่วไปจะไม่สั่งซื้อสินค้ามี ที่ขนาดเล็กมาจำหน่าย

เนื่องจากลูกค้าที่มาซื้อสินค้าในห้างจะเป็นกลุ่มครอบครัวที่นิยมซื้อสินค้าขนาดใหญ่ คือตั้งแต่ 200 มิลลิลิตรขึ้นไป สำหรับสินค้าประเภทแชมพู และครีมนวดผมนั้น ห้างสรรพสินค้า

เองได้ยกเลิกการจัดจำหน่ายบรรจุภัณฑ์ขนาด 100 มิลลิลิตรไปนานแล้ว เพราะไม่ได้รับความสนใจจากลูกค้า ดังนั้นการออกแชมพูในขนาดบรรจุภัณฑ์ 40 มิลลิลิตรของบริษัท พีแอนด์จี ในครั้งนี้

น่าจะเป็นกลยุทธ์เจาะกลุ่มลูกค้าที่นิยมซื้อสินค้าในคอนวี-เนี่ยนสโตร์ และร้านค้าโชวห่วยทั่วไปมากกว่า โดยพฤติกรรมของลูกค้าที่เข้าไปซื้อสินค้าในคอนวีเนี่ยนสโตร์จะเป็นกลุ่มที่ซื้อสินค้าขนาดเล็ก

และซื้อเป็นจำนวนน้อย แต่จะมาซื้อสินค้าบ่อยครั้งใน 1 สัปดาห์ ส่วนลูกค้าในโชวห่วยที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในต่างจังหวัดถือเป็นลูกค้าที่มีกำลังซื้อไม่สูง ดังนั้นจึงนิยมซื้อสินค้าขนาดเล็กที่มีราคาถูก ทั้งนี้

จากการสอบถามไปยังร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ผู้ประกอบการร้านสะดวกซื้อรายใหญ่ในประเทศไทย พบว่าขณะนี้ฝ่ายจัดซื้อได้รับเรื่องการนำแชมพูขนาด 40 มิลลิลิตรของพีแอนด์จี มาจำหน่ายแล้ว

คาดว่าจะวางจำหน่ายได้ในเร็วๆนี้ แต่ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าจะได้รับความสนใจจากลูกค้าในระดับไหน แต่ถือเป็นสินค้าที่เหมาะกับลูกค้าของร้านสะดวกซื้อที่นิยมซื้อสินค้าขนาดเล็ก



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.