"วรรณ"คาดสินทรัพย์เพิ่ม5พันล้าน คลอดกองทุนอสังหาฯภายในม.ค.นี้


ผู้จัดการรายวัน(14 มกราคม 2548)



กลับสู่หน้าหลัก

บลจ.วรรณ เผยปี 2548 ขยายสินทรัพย์เพิ่มอีก 5-6 พันล้านบาท พร้อมออกกองทุนใหม่ดันธุรกิจโต ประเดิมกองทุนอสังหาริมทรัพย์มิลเลียนแนร์ มูลค่าโครงการ 1.9 พันล้านบาท คาดปีแรกให้ผลตอบแทน 4.5-5% พร้อมเสนอขาย 14-24 ม.ค.นี้ ตามด้วยกองทุนรวมโกลบอลเทคโนโลยี เสนอขายเฉพาะนิติบุคคลที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวข้องกับ ICT

นางวิวรรณ ธาราหิรัญโชติ กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมวรรณ จำกัด เปิดเผยว่า ในปี 2548 ธุรกิจจัดการกองทุนภาพรวมจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 12-15% โดยซึ่งในส่วนของบลจ.วรรณ น่าจะขยายตัวได้มากกว่านั้น โดยคาดว่าจะมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร เพิ่มขึ้นประมาณ 5,000-6,000 ล้านบาท โดยเมื่อสิ้นเดือนธันวาคม 2547 บริษัทมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร 5.6 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ ธุรกิจจัดการกองทุนสิ้นปี 2547 มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 6.8 แสนล้านบาท ซึ่งลดลงจากปี 2546 ประมาณ 5% ที่มีสินทรัพย์รวม 7.2 แสนล้านบาท

นางวิวรรณ กล่าวว่า สินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นนั้นส่วนหนึ่งมาจากการออกกองทุนใหม่ซึ่งในปีนี้มีนโยบายออกกองทุนหลายประเภท ได้แก่ กองทุนตราสารหนี้ กองทุนตราสารแห่งทุนซึ่งในส่วนของตราสารแห่งทุน บลจ. วรรณ มีแผนที่จะออกกองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) อีกตัวประมาณกลางปี กองทุนผสม กองทุนอสังหาริมทรัพย์ และกองทุนรวมพิเศษ นอกจากนี้ เม็ดเงินอีกส่วนก็มาจากกองทุนเดิมที่เคยออกไปแล้ว

ผลการดำเนินงานในปี 2547 ของกองทุนรวม ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2547 ในส่วนของกองทุนหุ้นผลตอบแทนสุทธิย้อนหลัง 3 เดือนสุดท้าย 1.79% ในขณะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์อยู่ที่ 1.04% และย้อนหลัง 6 เดือนสุดท้ายอยู่ที่ 6.67% ในขณะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์อยู่ที่ 3.17%

กองทุนผสมแบบยืดหยุ่นย้อนหลัง 3 เดือนสุดท้าย ให้ผลตอบแทน 1.09% และย้อนหลัง 6 เดือนสุดท้ายอยู่ที่ 3.18% ซึ่งสูงกว่าอัตราผลตอบแทนอ้างอิง กองทุนตราสารหนี้ ย้อนหลัง 3 เดือนสุดท้าย ให้ผลตอบแทน 0.46% และย้อนหลัง 6 เดือนสุดท้ายอยู่ที่ 0.83% ซึ่งสูงกว่าอัตราผลตอบแทนอ้างอิง

กองทุนเพื่อการลงทุนในต่างประเทศ (FIF) ย้อนหลัง 3 เดือนสุดท้าย ให้ผลตอบแทน 4.87% และย้อนหลัง 6 เดือนสุดท้ายอยู่ที่ 6.48% สูงกว่าอัตราผลตอบแทนอ้างอิง กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ซึ่งบลจ. วรรณมีอยู่ 2 กองทุน ย้อนหลัง 3 เดือนสุดท้ายให้ผลตอบแทน 1.44% และย้อนหลัง 6 เดือนสุดท้ายอยู่ที่ 2.71%

เล็งอสังหาฯกองทุนแรกของปี 48

นางวิวรรณ กล่าวว่า บริษัทมีแผนที่จะออกกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์มิลเลียนแนร์ มูลค่าโครงการ 1,900 ล้านบาท โดยกองทุนดังกล่าวจะลงทุนในอาคารสำนักงานให้เช่า เนื่องจากเห็นว่าปัจจุบันตลาดอาคารสำนักงานยังมีแนวโน้มที่ดีขึ้น อัตราว่างเฉลี่ยลดลง ซึ่งจะเปิดจองซื้อในราคาหน่วยลงทุนละ 10 บาท ระหว่างวันที่ 14-24 มกราคม 2548 นี้ ด้วยเงินจองซื้อขั้นต่ำเพียงแค่ 10,000 บาท และเพิ่มเป็นทวีคูณของ 1,000 บาท

เบื้องต้นนั้นจะลงทุนในอาคารสำนักงานมาลีนนท์ ทาวเวอร์สูง 36 ชั้น และอาคาร Production House สูง 12 ชั้น ปัจจุบันอาคารดังกล่าวนี้ถือเป็นอาคารสำนักงานชั้น 1 เนื่องจากเป็นอาคารที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ประกอบกับผู้เช่าในอาคารดังกล่าวเป็นผู้เช่าที่มีศักยภาพ อาทิ สถานีโทรทัศน์สีช่อง 3 ธนาคารกรุงเทพ เป็นต้น ทั้งนี้อาคารมาลีนนท์ ปัจจุบันมีผู้เช่าพื้นที่แล้วประมาณ 60% ในขณะที่อาคาร Production House ยังไม่มีผู้เช่าพื้นที่ โดยราคาขายทั้ง 2 อาคารรวมกันประมาณ 1.8 พันล้านบาท ซึ่งรวมถึงสินทรัพย์อื่นๆ ที่อยู่บนอาคารหรือเกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์ในอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว

นางวิวรรณ กล่าวว่า สำหรับผลตอบแทนจากการลงทุนนั้นปีแรกคาดว่าอยู่ที่ประมาณ 4.5-5% ซึ่งการที่จะทำให้ผลตอบแทนได้ระดับนี้คาดว่าจะต้องมีผู้เช่าพื้นที่ 80% ทั้งนี้หากกองทุนดังกล่าวมีกำไรสุทธิหรือกำไรสะสม บลจ.จะพิจารณาจ่ายปันผลให้แก่นักลงทุนในอัตราไม่น้อยกว่า 90% ของกำไรสุทธิ หรือในอัตราไม่น้อยกว่า 90% ของกำไรสุทธิหักด้วยกำไรหรือขาดทุนสุทธิที่ยังไม่เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับผู้ถือหน่วยลงทุน บลจ. วรรณ จะดำเนินการยื่นคำขอต่อตลาด หลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเพื่อขอพิจารณารับหน่วยลงทุนกองทุนรวมเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนภายใน 60 วัน นับตั้งแต่วันจดทะเบียนกองทุนรวม โดยจะจดในหมวดอสังหาฯ สำหรับก่อนหน้านี้บลจ.วรรณ ได้ออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์มาแล้ว เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2546 เป็นกองทุนอสังหาริมทรัพย์บางกอก (BKKCP) ซึ่งได้มีการจ่ายเงินปันผลไปแล้วทั้งหมด 3 ครั้ง รวมเป็นเงินปันผลจ่ายแล้วทั้งสิ้น 0.413 บาท ต่อหน่วย สำหรับรอบระยะเวลาการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคม 2546-30 กันยายน 2547

จัดตั้งกองทุนรวมโกลบอลเทคโนโลยี

นอกจากนี้ บลจ.มีแผนที่จะเสนอขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมโกลบอลเทคโนโลยี (Global Technology Fund-GTECH) ในราวปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2548 ซึ่งกองทุนดังกล่าวจัดตั้งขึ้นภายหลังคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2547 ที่ผ่าน อนุมัติให้จัดตั้งกองทุนดังกล่าว และรัฐบาลจะสนับสนุนโดยการลงทุนผ่านบริษัท เอทีซี โมบาย จำกัด ในวงเงิน 880 ล้านบาท โดยกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนปิดมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท อายุโครงการ 8 ปี และสามารถขยายออกไปได้อีกไม่เกิน 2 ปี โดยต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้ถือหน่วยลงทุนก่อน

ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวตั้งขึ้นเพื่อสนองนโยบายรัฐบาลที่ได้ให้ความสำคัญต่อยุทธศาสตร์การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) ของประเทศ ตลอดจนสานต่อนโยบายเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ผู้ประกอบการ ICT ของประเทศไทย ทั้งในด้านการวิจัยพัฒนาเทคโนโลยี รวมถึงการสร้างแบรนด์ประเทศไทยในอุตสาหกรรมซอฟต์ แวร์ที่สามารถไปจำหน่ายในตลาดโลก

นางวิวรรณกล่าวว่า กองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนที่ร่วมลงทุนกับรัฐบาลฟินแลนด์ ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีในลักษณะรัฐบาลต่อรัฐบาล ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่มีความร่วมมือในลักษณะนี้ โดยเฉพาะประเทศฟินแลนด์ที่ได้ชื่อว่าเป็นประเทศผู้นำด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารซึ่งการเข้ามาร่วมมือครั้งนี้จะทำให้สินค้าแบรนด์ประเทศไทยขายได้ง่ายขึ้นด้วย

สำหรับกองทุนดังกล่าวจะลงทุนร่วมกับตัวแทนภาครัฐของฟินแลนด์ในนิติบุคคลร่วมทุนต่างประเทศ ภายใต้ชื่อ Finn-Thai Technology Fund L.P.ซึ่งจดทะเบียนจัดตั้งในประเทศที่ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีทั้งนี้กองทุนดังกล่าวจะเสนอขายหน่วยลงทุนของกองทุนให้แก่ นิติบุคคลที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวข้องกับ ICT เท่านั้น ในจำนวนเงินจองซื้อขั้นต่ำ 200,000 บาท

โดยประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการลงทุนในกองทุนดังกล่าว เช่น การช่วยให้เกิดกี่ถ่ายทอดเทคโนโลยี จากประเทศฟินแลนด์ ผู้ประกอบการไทยสามารถนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาต่อยอดและทำตลาดในเงินพาณิชย์ ในขณะเดียวกันก็เพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการ ICTของประเทศไทยนำเทคโนโลยีที่พัฒนาเองออกสู่ตลาดโลก


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.