|
เปิดใจ "ซิคเว่ เบรคเก้" 20วันก่อนอำลาดีแทค
ผู้จัดการรายวัน(6 มกราคม 2548)
กลับสู่หน้าหลัก
"ซิคเว่" เผยสาเหตุลาออกจากซีอีโอร่วมดีแทค ไม่ได้ถูกกดดันจากเทเลนอร์ แต่เพราะต้องการแสวงหาความท้าทายใหม่ๆ หลังดีแทค สามารถยืนบนขาตัวเองได้ ตอนนี้เปิดกว้างรอรับทุกโอกาสที่จะเข้ามา พร้อมเปิดมุมมองซิคเว่ 20 วันก่อนลาออก โดยเน้นเรื่องภาวะตลาดรวม แผนการลงทุน การเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถือในปี 2548 การใช้ชีวิตในประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา ในขณะที่หุ้น UCOM ปิดตลาดที่ 69 บาท ลดลง 3 บาท คิดเป็น 4.17%
นายบุญชัย เบญจรงคกุล ประธานคณะกรรมการ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือ ดีแทค เปิดเผยว่า นายซิคเว่ เบรคเก้ ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม โดยการลาออกจะมีผลในวันที่ 13 มกราคม 2548 นี้
นายบุญชัย เปิดเผยถึงความรู้สึกเสียใจในการลาออกของซิคเว่ และรู้สึกขอบคุณที่ได้สร้างผลงานที่ดีเยี่ยมให้แก่ดีแทคในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยซิคเว่ซึ่งเป็นผู้บริหารของเทเลนอร์ผู้ถือหุ้นในดีแทคได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการของดีแทคเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2543 และบริหารงานในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม ตั้งแต่วันที่ 18 พฤศจิกายน 2545 เป็นต้นมา
ภายใต้การบริหารงานร่วมของซิคเว่ กับนายวิชัย เบญจรงคกุล ส่งผลให้จำนวนผู้ใช้บริการของดีแทคได้เพิ่มสูงขึ้นถึง 45% ในรอบระยะเวลา 2 ปี และดีแทคมีกำไรสุทธิสูงขึ้นเป็น 2 เท่า โดยในรอบ 9 เดือนแรกของปี 2547 ดีแทคมีกำไรสุทธิเป็นจำนวนถึง 3,400 ล้านบาท
จากความสำเร็จในการปรับเปลี่ยนองค์กร ความมุ่งมานะในการสื่อสาร การประชาสัมพันธ์และการทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง ทำให้ดีแทคสามารถพัฒนาผลประกอบการได้อย่างดีเยี่ยม ส่งผลให้ภาพลักษณ์ของดีแทคดีขึ้นอย่างมากเช่นกัน ทั้งนี้ไม่สามารถกล่าวเป็นอย่างอื่นได้ ถ้ามิใช่เป็นเพราะการบริหารงานที่ดีของทีมผู้บริหารของดีแทค ภายใต้การ นำของประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมทั้งสอง
นายบุญชัย กล่าวต่อไปว่า คณะกรรมการบริษัทจะพิจารณาแต่งตั้งประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมและกรรมการคนใหม่แทนตำแหน่งที่ว่างลงต่อไป
ด้านนายซิคเว่ กล่าวถึงสาเหตุการลาออกว่าไม่ได้ถูกกดดันหรือโดนใบสั่งจากบริษัท เทเลนอร์ เนื่องจากเทเลนอร์ต้องการให้มาช่วยบริหารดีแทคในช่วงแรกเอง และในขณะนี้เห็นว่าดีแทคสามารถยืนได้ด้วยตัวเองแล้ว การลาออกจากตำแหน่งเป็นเพราะต้องการแสวงหาความท้าทายใหม่ๆ
"ตอนนี้ผมยังอยู่ในประเทศไทย ยังเปิดกว้างรับโอกาสต่างๆ อยู่"
เปิดใจซิคเว่ 20 วันก่อนลาออก
ก่อนหน้านี้ในวันที่ 15 ธ.ค. 2547 นายซิคเว่ให้ สัมภาษณ์พิเศษ "ผู้จัดการรายวัน" โดยพูดถึงแผนการลงทุนในปี 2548 การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของอุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถือ และชีวิตในประเทศไทย รวมทั้งเทอมในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม โดยนายซิคเว่กล่าวว่า ภาพรวมของตลาดในปี 2548 มองว่าน่าจะมีลูกค้าใหม่จริงๆ ไม่เคยใช้โทรศัพท์มือถือมาก่อนประมาณ 3-4 ล้านราย ซึ่งเป็นข้อมูลที่วัดจากจำนวนซิมการ์ด ไม่ใช่จำนวนคน เพราะในความเป็นจริงแล้วลูกค้าคนหนึ่งอาจจะมีซิมการ์ดมากกว่าหนึ่ง
การคาดการณ์อีกอย่างหนึ่งของตลาดในปี 2548 ก็คือ พบว่าจะมีลูกค้าย้ายข้ามระบบประมาณ 7-8 แสนรายต่อเดือน หรือประมาณ 8-9 ล้านรายต่อปี ซึ่งมองว่าลูกค้ากลุ่มนี้ต่างหากที่จะเป็นกลุ่มที่ดีแทคให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ
นอกจากนี้ ตลาดในปี 2548 ยังไม่ถึงจุดอิ่มตัว คาดว่าจะมีลูกค้าใหม่ในตลาดโทรศัพท์มือถือประเทศไทยประมาณ 7-8 ล้านรายในอีก 2-3 ปีข้างหน้า สิ่งที่ดีแทคมุ่งมั่นต้องทำก็คือ 1. เพิ่มยอดลูกค้าใหม่จริงๆ และ 2. เพิ่มยอดในกลุ่มพวกที่ย้ายข้าม
เขากล่าวว่าการทำตลาดข้อแรกจะต้องป้องกันไม่ให้ลูกค้าไหลออกไปก่อน ข้อที่ 2 คือต้องโฟกัสในเรื่องของ 3 ประเด็นหลัก เรื่องแรกคือคุณภาพของเครือข่ายใน 20 จังหวัดหลัก เรื่องที่ 2 คือ พยายามอัปเกรดให้เป็นเครือข่ายรับส่งข้อมูลความเร็วสูงใน 20 จังหวัดนี้ เรื่องที่ 3 คือเรื่องการเปลี่ยนแปลงระบบปรับปรุงพัฒนาระบบการจัดจำหน่าย
แผนลงทุนปี 48
นายซิคเว่กล่าวถึงแผนลงทุนหลักในปี 48 ว่าความสำคัญอันแรกคือเรื่องเน็ตเวิร์ก ซึ่งจะแบ่งเป็น 3 ด้านคือ 1. พยายามสร้างคุณภาพการให้บริการที่ครอบคลุมมากขึ้น (Coverage Area) ในพื้นที่เป็น จุดบอดใน 20 จังหวัดเป้าหมาย 2. การย้ายสถานีฐาน หรือ Re Located ในพื้นที่กรุงเทพฯ ให้มีการใช้งาน ได้ดีขึ้น และ 3. ขยายเน็ตเวิร์กให้ลงไปครอบคลุมใน ระดับอำเภอ หรือพื้นที่ซึ่งยังไม่มีสัญญาณโทรศัพท์กันเลย โดยใช้จุดแข็งในเรื่องราคาประหยัด
ความสำคัญอันดับ 2 คือ การลงทุนด้านซอฟต์แวร์ CRM โดยจะมีการคัดพนักงานมากลุ่มหนึ่งเพื่อเป็นที่ปรึกษาให้กับลูกค้า โดยโทรศัพท์ไปหาลูกค้า วิเคราะห์รูปแบบการใช้งานเพื่อหาแพกเกจที่เหมาะสม ถึงแม้การเปลี่ยนแพคเกจดังกล่าวหมายถึงทำให้รายได้ของบริษัทลดลงก็ต้องยอม เพื่อ ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่ามีความสำคัญกับดีแทค
นอกจากนี้ ดีแทคจะมีคล้ายๆ วารสารมีอะไรส่งถึงลูกค้าตลอดเวลา พยายามจะให้ลูกค้าอัปเดตตลอดในเรื่องของโปรโมชันใหม่ หรือบริการใหม่ที่ ดีแทคนำเสนอ แต่ในด้านของกรุงเทพฯสิ่งที่ทำแล้ว คือ บริการในตระกูลใจดี ไม่ว่าจะเป็นใจดีให้ยืมหรือใจดีให้แลก ซึ่งในปี 2548 จะทำตลาดในแนวทางนี้ต่อไป
"ดีแทคต้องการที่จะลบล้างมุมมองของตลาดที่มองกรุงเทพฯ ว่ายึดติดกับโมเดลอย่างเดียวเลยว่า ค่าบริการถูก คือเราอยากจะทำลายความเชื่ออันนั้นไปแล้วก็อยากจะยกระดับกรุงเทพฯ ให้สูงขึ้นด้วยการเพิ่มพวกบริการพิเศษเหล่านี้"
การเปลี่ยนแปลงตลาด
สำหรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถือ เขาเห็นว่าค่าเชื่อมโครงข่าย (Interconnection Charge) เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในตลาด เพราะว่าจะทำให้เกิดการแข่งขันที่เท่าเทียมกันสำหรับโอเปอเรเตอร์ทุกค่าย
ค่าเชื่อมโครงข่าย จะเป็นเหมือนแรงจูงใจให้โอเปอเรเตอร์ในการที่จะขยายโครงข่ายสื่อสารไปในพื้นที่ห่างไกล เนื่องจากโอเปอเรเตอร์ต้องพยายามรักษารายได้ต่อเลขหมายไม่ให้ต่ำกว่า 200 บาท เพราะถือเป็นต้นทุนขั้นต่ำในการเปิด 1 ซิมการ์ด ซึ่งการลงทุนขยายโครงข่ายออกไปต้องคำนึงถึงเรื่องต้นทุนลูกค้าดังกล่าว
แต่ถ้ามีการใช้ค่าเชื่อมโครงข่ายก็หมายความว่า ดีแทคจะได้รับรายได้จากสายโทร.เข้าด้วยทำให้เกิดแรงจูงใจมากขึ้นในการขยายโครงข่ายออกไปพื้นที่ห่างไกล ค่าเชื่อมโครงข่ายไม่ใช่ดีเฉพาะโอเปอเรเตอร์อย่างเดียว แต่ยังดีกับสังคมโดยรวมด้วย โดยเฉพาะบนดอยหรือป่าเขาที่ไม่มีระบบสื่อสารครอบคลุมถึง
ประการที่ 2 คือการออกใบอนุญาตใหม่จะทำให้ตลาดมีการแข่งขันที่สูงขึ้นหมายความว่าโอเปอเรเตอร์ต้องมีความพยายามที่จะพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นด้วย
ประการที่ 3 ในเรื่องของ Number of Portability หรือเบอร์เดียวทุกระบบ ถ้ามีการประกาศใช้ ก็จะทำให้โอเปอเรเตอร์หันมาให้ความสำคัญกับลูกค้า (Customer Focus) มากขึ้นเพราะว่าต้องการที่จะป้องกันไม่ให้ลูกค้าย้ายไปอยู่ระบบอื่น
"ทุกวันนี้ 3 เรื่องยังไม่เกิด ผมอยากให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องออกมาตรการอะไรก็ตามที่คำนึงถึงประโยชน์ผู้บริโภคเป็นหลัก แต่ทุกวันนี้หลาย ๆ ฝ่ายกลับพยายามที่จะปกป้องผลประโยชน์ของ ทศท และกสทเป็นหลัก โดยอาจลืมมองว่าผู้บริโภคได้ประโยชน์หรือไม่มีใครสนใจบ้างหรือเปล่า แทนที่คุณจะมองเรื่องของตัวเอง"
นายซิคเว่กล่าวถึงราคาหุ้นของดีแทคในตลาดสิงคโปร์ที่ดีขึ้นมากตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมในเดือนพ.ย. 2545 ว่า ปัจจัยหลักที่ทำให้ราคาหุ้นสูงขึ้นมาก ข้อแรกคือเรื่องของการปรับปรุงพัฒนาเรื่องของ Financial ของดีแทค ทำให้ฐานะทางการเงินของบริษัทดีขึ้นมาก
อย่างผลประกอบการ 9 เดือนแรกในปี 2547 เทียบกับปีที่ผ่านมา ดีแทคมีผลกำไรเพิ่มขึ้นถึง 130% ซึ่งอันนี้ทำให้ผู้ถือหุ้นค่อนข้างจะพึงพอใจมาก และราคาหุ้นของดีแทคอยู่ในระดับที่ค่อนข้างคงที่ ไม่ขึ้นลงหวือหวาเหมือนในอดีตที่พอมีข่าวเกี่ยวกับเรื่องการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบก็ส่งผลกระทบรุนแรงกับราคาหุ้น
นายซิคเว่กล่าวถึงช่วง 2 ปี ในประเทศไทยว่าชีวิตความเป็นอยู่จริงๆแล้วมันก็มีการเปลี่ยนแปลง แต่ก็ไม่ถึงขนาดเปลี่ยนหน้ามือเป"นหลังมือเลย เพราะว่าโดยปกติต้องบอกว่าไลฟ์สไตล์ยังคงเป็นคล้ายๆ เดิม ตัวตนเป็นอย่างนี้ตลอดชีวิต คือชีวิตปกติก็เต็มไปด้วยความท้าทายอยู่แล้ว พออยู่ตรงนี้มันก็ยังคงเป็นด้วยความประหลาดใจ ความท้าทายเหมือนเดิม แต่ว่าลักษณะความท้าทายความประหลาดใจ อาจมีเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่ว่าในเรื่องของการดำเนินชีวิต ในเรื่องของการจัดการกับชีวิตตัวเองก็ยังคงในลักษณะเหมือนเดิม
"ในเรื่องของการแสดงภาพยนตร์ จริงๆ แล้วบทบาทที่ได้รับจะเป็นบทเล็กมาก ตอนที่มาชวนก็ปฏิเสธไปเหมือนกัน แต่ว่าทางผู้กำกับเขาอยากให้มา จริงๆ ก็รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มีโอกาสได้ร่วมกับสังคมไทยในแง่นั้น คือชอบที่จะทำ มีความสุขที่ได้ทำ แต่ว่าคิดว่าคงจะไม่ทำอีก เพราะว่ามันไม่มีงานเกี่ยว ข้องกับดีแทคโดยตรงอยู่แล้ว การที่จะไปรับเล่นตรงนั้น อันที่ 2 คือในเรื่องของหนังโฆษณา ทำมา 2 ครั้งแล้ว คิดว่าจะไม่ทำอีกแล้ว ถ้าทำซ้ำก็จะเป็นอะไรที่ไม่สามารถเรียกว่า Innovative"
เมื่อถูกถามว่าจะอยู่ดีแทคอีกนานหรือไม่ นายซิคเว่กล่าวในตอนนั้น (15 ธ.ค. 47) ว่า "ผมไม่มีกำหนดระยะเวลาหรือเทอมในการดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมที่ตายตัว ถ้ารู้สึกว่ายังสามารถทำประโยชน์ให้บริษัทได้ก็จะอยู่ไปเรื่อยๆ แต่ถ้าตอนไหนรู้สึกว่าเต็มที่แล้ว หมดแล้ว ก็อาจจะไป"
ลูกน้องช็อก
แหล่งข่าวในดีแทคกล่าวว่า การลาออกของนายซิคเว่เป็นเรื่องกะทันหันมาก ซึ่งมีผลต่อความรู้สึกของพนักงานพอสมควร เนื่องจากดีแทคในช่วงที่ผ่านมาบริหารจัดการโดยการมีประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม การลาออกของซิคเว่อาจกระทบในเรื่องคอร์ปอเรต อิมเมจของบริษัทบ้าง แต่สำหรับในด้านธุรกิจ ดีแทคเชื่อว่าไม่น่าจะมีผลกระทบอะไรมากนัก เพราะการทำตลาดการขายก็จะต้องดำเนินไปตามปกติ นอกจากนี้ โครงสร้างของดีแทคก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง จะมีก็แต่การเปลี่ยนตัวบุคคลเท่านั้น
สำหรับความเคลื่อนไหวราคาหุ้น UCOM วานนี้ (5 ม.ค.) ปรับตัวลดลงแรงโดยปิดตลาดที่ 69 บาท ลดลง 3 บาท คิดเป็น 4.17% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 695.69 ล้านบาท นักลงทุนวิตกกังวล หลังจากที่ซิคเว่ เบรคเก้ ลาออกจากตำแหน่งกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม (Co-CEO) ของดีแทค
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ หรือรายได้ของแทค เนื่องจากเชื่อว่าทีมการตลาดของแทคน่าจะเป็นทีมงานไทยที่ยังทำงานอยู่ตามปกติ อย่างไรก็ตาม อาจส่งผลกระทบทางจิตวิทยาต่อนักลงทุน
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|