|
บ้านปูทุ่มลงทุนปีหน้า1.8พันล.รุกธุรกิจถ่านหินทั้งอินโดฯ-จีน
ผู้จัดการรายวัน(27 ธันวาคม 2547)
กลับสู่หน้าหลัก
บ้านปูทุ่มเงินลงทุนปีหน้าอีก 1.8 พันล้านบาท ใช้ในการปรับปรุงเครื่องจักรในเหมืองคิทาดินและอินโดมินโก รวมทั้งลงทุนเหมืองถ่านหินในจีน ยืนยันไม่ลดหุ้นในโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี เนื่องจากเป็นตัวสร้างกระแสเงินสดในอนาคตในอีก 2 ปีข้างหน้า คาดปีหน้าราคาถ่านหินทรงตัวในระดับสูงเฉลี่ย 45 เหรียญสหรัฐต่อตัน
นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บ้านปูมีแผนลงทุนต่อเนื่องในปี 2548 ประมาณ 1,800 ล้านบาท ซึ่งเป็นการลงทุนปรับปรุงเครื่องจักรในเหมือง คิทาดินและอินโดมินโค ใช้เงินลงทุน 1,000 ล้านบาท โดยเหมืองอินโดมินโคจะมีการขยายท่าเรือเพื่อรองรับปริมาณ ถ่านหินและส่งมอบลงเรือใหญ่ได้สะดวกขึ้น และลงทุนเหมืองถ่านหินในประเทศจีนประมาณ 20 ล้านเหรียญ สหรัฐ หรือประมาณ 800 ล้านบาท
ส่วนการลงทุนในไทยนั้น บริษัทจะใช้เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินในโครงการโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี โดยบ้านปูยังไม่ต้องใส่เงินทุนไปในช่วงปี 2548 ซึ่งขณะนี้การดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีขนาด 1,434 เมกะวัตต์ คืบหน้าไปแล้ว 20% และบริษัทไม่มีนโยบายที่จะลดสัดส่วนการถือหุ้นในโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีที่ปัจจุบันถือหุ้นอยู่ 50% เนื่องจากโรงไฟฟ้าจะเป็นตัวสร้างกระแสเงินสดให้กับบ้านปูภายหลังโรงไฟฟ้าแล้วเสร็จในปี 2549 อีกทั้งบริษัทต้องการรักษาการลงทุนในประเทศไทย หลังจากเหมืองถ่านหินในไทยจะทยอยปิดเหมืองในอีก 2-3 ปีข้างหน้า
ขณะที่โครงการลงทุนในเหมืองทรูบาอินโด ประเทศอินโดนีเซียนั้น บริษัทได้ตั้งแพกเกจการลงทุนรวม 94 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่มีการทยอยลงทุนต่อเนื่องมาแล้ว 2 ปี โดยปี 2548 จะลงทุนต่อเนื่องจากปีนี้
นายชนินท์กล่าวถึงความคืบหน้าในการหาแหล่งถ่านหินเพิ่มเติมในจีนว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาหลายโครงการ คาดว่าจะได้ข้อสรุปในต้นปี 2548 ส่วนเหมืองถ่านหินต้าหนิงในจีน ซึ่งบ้านปูถือหุ้นผ่านAACI ประมาณ 21% คาดว่าจะเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ประมาณกลางปีหน้าประมาณ 4-5 ล้านตัน ซึ่งสามารถผลิตได้เต็มที่ทันทีเนื่องจากเป็นเหมืองปิด
ในปี 2548 คาดว่าบ้านปูจะผลิตถ่านหินได้ 18.5 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2547 ที่มีกำลังการผลิตถ่านหิน 15.5 ล้านตัน โดยเป็นการผลิตถ่านหินจากเหมืองในอินโดนีเซีย 15.5 ล้านตัน และเหมืองถ่านหินในไทย 3 ล้านตัน ขณะที่ปริมาณสำรองถ่านหินในปีนี้อยู่ที่ 156 ล้านตัน
จากปริมาณถ่านหินที่ผลิตเพิ่มขึ้นอีก 3 ล้านตัน รวมกับราคาขายถ่านหินล่วงหน้าเฉลี่ยที่ 33 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่มีราคาขายเฉลี่ย 25 เหรียญสหรัฐต่อตัน ทำให้บริษัทฯตั้งเป้ารายได้ปีหน้าจะเติบโตขึ้น 50% หรือประมาณ 2.4 หมื่นล้านบาท สูงกว่าปีนี้ที่มีรายได้ประมาณ 1.6 หมื่นล้านบาท
นายระวิ คอศิริ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มราคาถ่านหินในตลาดโลกปีหน้าจะยังทรงตัว อยู่ในระดับสูงแต่จะต่ำกว่าปีนี้ คาดว่าจะมีราคาตลาดจร (SPOT) เฉลี่ยอยู่ที่ 45 เหรียญสหรัฐต่อตัน จากปี 2547 ราคาถ่านหินเคยปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 60 เหรียญสหรัฐต่อตัน เนื่องจากจีนยังต้องการใช้ถ่านหินในปริมาณที่สูงอยู่
ขณะที่ผู้ผลิตในภูมิภาคเอเชียทั้งออสเตรเลียและอินโดนีเซียยังเพิ่มกำลังการผลิตได้ไม่มาก รวมทั้งราคาน้ำมันในตลาดโลกคาดว่าจะยังทรงตัว อยู่ในระดับสูง ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้หันมาเลือกใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงแทน คาดว่าความต้องการใช้ถ่านหินในภูมิภาคนี้ (ไม่รวมจีน)จะขยายตัวไม่มากอยู่ที่ 4-5% เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลง
ปัจจุบันบ้านปูเป็นผู้ผลิตถ่านหิน รายใหญ่อันดับ 4 ของประเทศอินโดนีเซีย โดยบริษัทไม่มีเป้าหมายที่จะเป็นผู้ผลิตถ่านหินรายใหญ่กว่านี้ในอินโดนีเซียแต่พยายามที่จะผลิตอย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า ซึ่งถ่านหินที่ผลิตได้จะส่งออกไปเป็นเชื้อเพลิงอุตสาหกรรมจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน ฮ่องกง ฟิลิปปินส์ เกาหลี มาเลเซียและอีกหลายประเทศในแถบยุโรป
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|