|
ฮอนด้าชี้ปีไก่ลงไทยพันล.ผลิตชิ้นส่วน
ผู้จัดการรายวัน(21 ธันวาคม 2547)
กลับสู่หน้าหลัก
ฮอนด้าเผยนโยบายปี 2548 ประกาศทุ่มลงทุนทั่วภูมิภาคเอเชีย-โอเชียเนีย เพิ่มกำลังการผลิตรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเปิดศูนย์ขับขี่ปลอดภัย ทั้งในอินเดีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และโดยเฉพาะไทยลงทุนอีก 1,000 ล้านบาท ผลักดันให้เป็นศูนย์ผลิตชิ้นส่วนป้อนตลาดในประเทศและส่งออก ตั้งเป้าปีไก่สามารถผลิตสินค้าแบรนด์ฮอนด้าทุกประเภทรองรับลูกค้าได้ถึง 9 ล้านคน และเพิ่มส่งออกจากไทยเป็น 5.8 หมื่นล้านบาท
นายซาโตชิ โตชิดะ กรรมการผู้จัดการและหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ ภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด และประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด สำนักงานใหญ่ฮอนด้าประจำภูมิภาคเอเชีย เปิดเผยถึงทิศทางและนโยบายการดำเนินงานของฮอนด้าในภูมิภาคเอเชียและโอเชียเนีย ในปี 2548 ว่า จากอัตราการขยายตัวของตลาดรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ในภูมิภาคเอเชีย และโอเชียเนีย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นมาก ฮอนด้าจึงเตรียมลงทุนในภูมิภาคนี้อย่างต่อเนื่อง
"ในปี 2548 นี้ เพื่อรองรับการขยายตัวของตลาดรถยนต์และจักรยานยนต์ในภูมิภาคเอเชีย และโอเชียเนีย ฮอนด้าเตรียมลงทุนขยายกำลังการผลิตในภูมิภาคนี้หลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นอินโดนีเซีย อินเดีย และฟิลิปปินส์ รวมถึงไทยที่มีแผนลงทุน 1,000 ล้านบาท ในการสร้างไลน์ผลิตชิ้นส่วนทดแทนการนำเข้า"
โดยการลงทุนในไทยจะผลักดันให้ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์ฮอนด้าในไทย มีบทบาทสำคัญเพิ่มขึ้นในการเป็นศูนย์การผลิตชิ้นส่วน เพื่อประกอบ (CKD) และส่งออก โดยในอีก 2 ปีข้างหน้า ฮอนด้าจะลงทุน 1,000 ล้านบาท เพื่อสร้างสายการผลิตใหม่ สำหรับการปั๊มขึ้นรูปชิ้นส่วน ตัวถังรถยนต์ โรงผลิตชิ้นส่วนที่เป็นพลาสติก และสายการผลิตปลอกสูบ
เดิมชิ้นส่วนปั๊มขึ้นรูปตัวถังรถยนต์ จะเป็นการนำเข้าจากมาเลเซีย ปากีสถาน และไต้หวัน ขณะที่ชิ้นส่วนพลาสติก และปลอกสูบ นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นแต่ปัจจุบันกำลังการผลิตจากประเทศดังกล่าวไม่เพียงพอกับความต้องการฮอนด้าจึงได้เตรียมลงทุนสร้างสายการผลิตชิ้นส่วนขึ้นในไทยแทน
ขณะที่ประเทศอินโดนีเซีย ฮอนด้าวางแผนที่จะขยายกำลังการผลิตรถจักรยานยนต์เพิ่มเป็น 1 ล้านคันต่อปี ด้วยการก่อสร้างโรงงานผลิตแห่งที่ 3 ซึ่งจะเริ่มเดินสายการผลิตได้ในช่วงครึ่งหลังของปีหน้า และยังจะเพิ่มกำลังการผลิตโรงงานประกอบรถยนต์ในอินโดนีเซีย จาก 40,000 คัน เป็น 50,000 คันต่อปี
ส่วนในประเทศอินเดียจะเพิ่มกำลังการผลิตโรงงานประกอบรถยนต์ฮอนด้า จากเดิม 30,000 คันต่อปี เพิ่มเป็น 50,000 คันต่อปีเช่นกัน นอกจากนี้ฮอนด้ายังมุ่งเน้นให้ความรู้ด้านการขับขี่อย่างปลอดภัยแก่ผู้ใช้รถจักรยานยนต์ โดยจะเปิดศูนย์ฝึกอบรมขับขี่ปลอดภัยแห่งใหม่ ในประเทศอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ด้วย
นายโตชิดะกล่าวว่า สำหรับภาพรวมการดำเนินงานของฮอนด้าในประเทศไทยถึงสิ้นปี 2547 นี้ คาดว่าจะมียอดการผลิตรถจักรยานยนต์ 1.4 ล้านคัน รถยนต์จำนวน 120,000 คัน (ในประเทศ 7.5 หมื่นคัน ที่เหลือส่งออก) และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ 1.3 ล้านเครื่อง
ผลจากความสำเร็จดังกล่าว ทำให้มูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์ฮอนด้า จากฐานการผลิตในไทยขยายตัวอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว จากมูลค่า 18,400 ล้านบาท ในปีพ.ศ. 2545 มาเป็น 38,700 ล้านบาท ในปี พ.ศ.2546 และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 52,400 ล้านบาท ในปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาสูงถึง 35%
นายโตชิดะกล่าวว่า ในส่วนเป้าหมายการดำเนินงานปี 2548 ฮอนด้าคาดว่าจะสามารถผลิตรถจักรยานยนต์รองรับความต้องของลูกค้าในภูมิภาคเอเชีย-โอเชียเนีย ได้เกือบ 9 ล้านคน เฉพาะตลาดในประเทศไทยน่าจะมียอดการจำหน่าย จำนวน 1.45 ล้านคัน โดยในช่วงกลางปีหน้า บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ในไทย จะเปิดตัวรถจักรยานยนต์ระบบหัวฉีดในราคาที่สมเหตุสมผลสู่ตลาดเพิ่มอีกรุ่น
ด้านตลาดรถยนต์ ฮอนด้าวางแผนที่จะจำหน่ายในภูมิภาคนี้จำนวน 310,000 คัน เพิ่มขึ้น 12% จากปี 2547 โดยในประเทศไทยฮอนด้าตั้งเป้าจำหน่ายไว้ที่ 80,000 คัน หรือเพิ่มขึ้น 6% จากปี 2547 นี้ พร้อมกันนี้จะขยายเครือข่ายผู้แทนจำหน่าย รถยนต์ทั่วประเทศจาก 112 แห่ง เป็น 150 แห่งภายในปี 2549
ขณะที่เครื่องยนต์อเนกประสงค์ บริษัท ไทยฮอนด้า แมนูเฟคเจอริ่ง จำกัด ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ จะผลิตเครื่องยนต์อเนกประสงค์ขนาดเล็กเพิ่มขึ้นอีก 480,000 เครื่อง หรือขยายจากเดิม 1.32 ล้านเครื่อง เป็น 1.8 ล้านเครื่อง ในจำนวนนี้ 90% ของเครื่องยนต์อเนกประสงค์ขนาดเล็ก จะถูกส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ
สำหรับการส่งออกรถจักรยานยนต์ รถยนต์ และเครื่องยนต์อเนกประสงค์ของฮอนด้า จากฐานการผลิตในประเทศไทยสู่ 70 กว่าประเทศทั่วโลก ในปีนี้คาดว่าจะมีมูลค่าเกิน 1 พันล้านเหรียญสหรัฐเป็นครั้งแรก และปี 2548 น่าจะมียอดการส่งออกเพิ่มขึ้นเป็น 1.45 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 58,000 ล้านบาท
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|