|
"ศุภาลัย"รุกตลาดลูกค้าระดับกลางผุดคอนโดฯ Low Rise ราคา 9.5 แสนย่านรัชดาฯ
ผู้จัดการรายวัน(20 ธันวาคม 2547)
กลับสู่หน้าหลัก
"ศุภาลัย" ลุกตลาดคอนโดฯระดับกลาง เตรียมผุดคอนโดฯ Low Rise จำนวน 1,460 ยูนิต มูลค่ากว่า 1,600 ล้านบาท ราคาขาย 9 แสนถึง 2 ล้าน ชี้ต้องการขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น ในขณะที่ศุภาลัย อิสาน บริษัทในเครือเปิดโครงการ "ศุภาลัย รอยัล ริเวอร์" ริมแม่น้ำชี จ.ขอนแก่น จำนวน 500 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท
นายประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เมื่อเดือนที่ผ่านมาได้ซื้อที่ดิน 2 แปลงติดกัน พื้นที่รวม 14 ไร่ ในราคา กว่า 300 ล้านบาท ที่รัชดาฯ ซ. 10 ฝั่งตรงข้ามห้างสรรพสินค้าโรบินสัน รัชดาฯ โดยโอนที่ดินเข้ามาแล้ว 1 แปลงในราคา 150 ล้านบาท ส่วนอีกแปลงจะสามารถโอนได้ในเร็วๆ นี้
สำหรับที่ดินแปลงดังกล่าว บริษัทจะนำไปพัฒนาคอนโดมิเนียมสูง 8 ชั้น 10 อาคาร จำนวน 1,460 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท ราคาขายยูนิตละ 9.5 แสน-2 ล้านบาท สามารถเปิดขายได้ในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน 2548 โดยต้องการตอกเสาเข็มและโครงการสร้างบางส่วนก่อนที่จะเปิดขาย ซึ่งบริษัทเชื่อว่าจะสามารถปิดการขายได้ภายในเวลา 2 ปี
นายประทีป กล่าวว่า การพัฒนาคอนโดมิเนียมระดับราคา 9.5 แสน-2 ล้านบาท ถือเป็นคอนโดฯระดับกลาง ที่บริษัทหันมาให้ความสนใจเพิ่มขึ้น เนื่องกลุ่มลูกค้าในระดับนี้ถือเป็นฐานที่กว้างที่สุดในตลาด และเพื่อเป็นการพัฒนาสินค้าของบริษัทให้ออกมาครอบคลุมกลุ่มลูกค้าให้กว้างมากขึ้น
อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมาศุภาลัยจะพัฒนาคอนโดมิเนียมในแบบ High Rise และแบบ Middle Rise ในเขตกรุงเทพฯ ซึ่งการพัฒนาคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise ยังไม่เคยพัฒนาในกรุงเทพฯ มาก่อน แต่นั้นก่อนหน้านี้บริษัทได้พัฒนาที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เป็น คอนโดมิเนียม 2 อาคาร จำนวน 300 กว่ายูนิต ซึ่งปิดการขายภายใน 2-3 เดือน จึงไม่ใช่เรื่องยากในการพัฒนาคอนโดฯ Low Riseในเขตกรุงเทพ
ด้านนายประศาสน์ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย อิสาน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัท ในเครือ บมจ. ศุภาลัย เปิดเผยว่า ศุภาลัย อิสานฯ ได้ร่วมทุนกับนักธุรกิจท้องถิ่น ได้เปิดโครงการบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ริมแม่น้ำชี ที่จ.ขอนแก่น ภายใต้ชื่อ "ศุภาลัย รอยัล ริเวอร์" ตั้ง อยู่บนถนนมิตรภาพสายเก่า ห่างจากตัวเมืองขอนแก่น 8 กิโลเมตร
โครงการศุภาลัย รอยัล ริเวอร์ มีขนาดที่ดิน 170 ไร่ จำนวนประมาณ 500 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 1,000 ล้านบาท แบ่งการพัฒนาออกเป็น 4 เฟส โดยในเฟสแรก ประมาณ 70 ไร่ จำนวน 200 ยูนิต ซึ่งในช่วงแรก ที่เปิดขายประมาณ 25 ไร่ ขนาดที่ดิน ตั้งแต่ 50-400 ตร.ว. สำหรับแบบบ้านที่เปิดขายนั้น ลูกค้าสามารถสั่งสร้างบ้านตามมาตรฐานของบมจ. ศุภาลัย ได้ทุกแบบ ส่วนบ้านพร้อมขายในขณะนี้มีให้เลือก 9 แบบ ใน ช่วงเปิดตัวโครงการบริษัทได้ให้ส่วนลดพิเศษ 1 แสนบาท ถึง 1 ล้านบาท โดยราคาเริ่มตั้งแต่ 1.73 สำหรับที่ดินขนาด 50 ตร.ว. ถึง 11.48 ล้านบาท ขนาดที่ดิน 409 ตร.ว. นอกจากนี้ยังแถมตกแต่งสนามหญ้าภายในบริเวณบ้านฟรี
สำหรับการทำตลาดที่จังหวัดขอนแก่นนั้น บริษัทได้ใช้จุดขาย 3 ข้อ คือ 1. ไม่แพงอย่างที่คิด เนื่องจากคนท้องถิ่นส่วนใหญ่จะรู้จักว่า ศุภาลัย ถือเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ลำดับต้นๆ ของกรุงเทพฯ ทำให้เข้าใจว่าราคาบ้านที่ขอนแก่นจะต้องสูง จนไม่กล้าที่จะซื้อบ้านในโครงการ 2. บรรยากาศริมแม่น้ำชี และ 3 คุณภาพศุภาลัย
นอกจากนี้ ยังชูจุดขายด้วยการลงทุนกว่า 10 ล้านบาท สร้างสะพานข้ามแม่น้ำชี ที่มีความยาวเกือบ 100 เมตร รวมถึงสร้างสวนกลางสะพาน โดยสะพานดังกล่าวเป็นการเชื่อมโครงการของบริษัททั้งสองฝั่งของแม่น้ำชีให้สามารถเดินทางข้ามไปมาได้สะดวก
นายประประศาสน์ กล่าวว่า ที่จังหวัดขอนแก่น ถือเป็นจังหวัดที่มีอัตราการเติบโตของอสังหาฯ มากที่สุดในภาคอีสาน ส่วนเมืองใหญ่ๆ เช่น นครราชสีมา อุบลราชธานี และอุดรธานี ยังมีอัตราการเติบโตไม่มากนักเมื่อเทียบกับขอนแก่น โดยเฉลี่ยในแต่ละปีขอนแก่นจะมีบ้านจัดสรรเข้าสู่ตลาดไม่ต่ำกว่า 5,000 ยูนิตต่อปี โดยกลุ่มผู้ประกอบการส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจท้องถิ่น อาทิ กลุ่มบริษัท ราชา ลากูน่า และ วิมานกรุ๊ป เป็นต้น ส่วนผู้ประกอบการ ที่มาจากกรุงเทพฯ มีเพียง 2 บริษัท คือศุภาลัย และ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ซึ่งการแข่งขันถือว่าไม่สูงมากนัก ส่วนเงินลงทุนบริษัทใช้สินเชื่อเพื่อซื้อที่ดินจากธนาคารไทยพาณิชย์ จำนวน 100 ล้านบาท บริษัทอยู่ระหว่างลดทุนจดทะเบียนจากเดิม 70 ล้านบาท เหลือ 4.375 ล้านบาท เพื่อนำเงินไปชำระหนี้ในส่วนนี้ หลังจากนั้นจะทำการเพิ่มทุนจดทะเบียนขึ้นมาเป็น 20 ล้านบาท สำหรับสินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการได้กู้จากศุภาลัย จำนวน 20 ล้านบาท
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|