|

กรุงไทยเบรกนำบริษัทลูกเข้าตลาดรื้อโครงสร้างครั้งใหญ่หนุนกำไรพุ่ง
ผู้จัดการรายวัน(17 ธันวาคม 2547)
กลับสู่หน้าหลัก
แบงก์กรุงไทย ตั้งเป้าปี 48 กำไรโตต่อเนื่อง เพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมจาก 10% เป็น 20% พร้อมประกาศทบทวนแผนนำหุ้นบริษัทในเครือเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งใหญ่ และรื้อโครงสร้างองค์กรใหม่ให้เสร็จภายในกลางปี ขณะเดียวกันศึกษาออกหุ้นกู้ 1 หมื่นล้านบาท เพิ่มเงินกองทุนขั้นที่ 2 ขณะที่ผลสอบวินัยพนักงานอนุมัติสินเชื่อด้อยคุณภาพ 14 รายรู้ผลเดือนหน้า
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ในปี 2548 ธนาคารมีแผนการดำเนินงานเพื่อสร้างกำไรเพิ่มขึ้นจากปีนี้ โดยจะเดินหน้าแผนเดิมคือการเป็นคอนวีเนียนแบงก์ หรือธนาคารสะดวกซื้อให้บริการผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ครบวงจร ทั้งนำผลิตภัณฑ์ทางการเงินของธนาคารและบริษัทในเครือ รวมทั้งของบริษัทอื่นๆ มาขายด้วย เพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมให้ธนาคาร
"การเป็นคอนวีเนียนแบงก์ จะเป็นการเสริมรายได้ค่าธรรมเนียมให้กับธนาคาร เพราะขนาดของกรุงไทยถือว่ามีฐานลูกค้าอยู่ 12 ล้านคน ปัจจุบันธนาคารมีรายได้ค่าธรรมเนียมแค่ 10% เป้าหมายในปีหน้าต้องการให้รายได้ค่าธรรมเนียมเติบโต 30% เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมเป็น 20%"
นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า ธนาคารจะขยายการให้บริการด้านบริหารการเงินให้กับภาคเอกชนมากขึ้น เพื่อเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียม จากปัจจุบันที่ให้บริการด้านบริหารเงินสดและงบประมาณให้กับรัฐบาลอยู่แล้ว ซึ่งทำให้ธนาคารไม่ต้องมีการลงทุนระบบข้อมูลเพิ่ม
"หากธนาคารมีรายได้ค่าธรรมเนียม ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปเน้นการเติบโตของรายได้จากดอกเบี้ยรับ ซึ่งกระบวนการนี้ในที่สุดจะต้อง เกิด แต่ต้องมีอย่างอื่นเพิ่มอีกหรือไม่นั้น ต้องรอคำปรึกษาให้ที่ปรึกษาทางการเงิน โดยแผนนี้ธนาคารวางไว้ระยะยาว 5 ปี แต่จะต้องรับรู้รายได้ค่าธรรมเนียมในปี 2548 ก่อน"
สำหรับด้านการลงทุนในปี 2548 นั้น ธนาคารจะลงทุนเพิ่มตู้เอทีเอ็มอีก 600 เครื่อง เปิดสาขาย่อยอีก 40 สาขา ในปี 2547 ได้เพิ่มตู้เอทีเอ็มไปแล้ว 250 เครื่อง ในขณะที่สินเชื่อ ก็ตั้งเป้าปีหน้าเติบโต 7-8% หรือโตสุทธิ 70,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นสินเชื่อสำหรับภาครัฐ 10,000 ล้านบาทด้วย ขณะที่ปี 2547 สินเชื่อมีการเติบโต 14-15% หรือประมาณกว่า 1 แสนล้านบาท
"สินเชื่อในปีหน้าจะเน้นเรื่องคุณภาพมากกว่า โดยเฉพาะสินเชื่อเอสเอ็มอีที่ต้องเป้าโต 15% ในขณะที่รายใหญ่ตั้งเป้าเติบโต 7% สินเชื่อทั้งหมดที่จะปล่อยในปีหน้าเน้นคุณภาพเป็นหลัก"
ขณะเดียวกันธนาคารจะพิจารณาเพิ่มความแข็งแกร่งของธนาคารการดำเนินงาน ด้วยการเพิ่มเงินกองทุนขั้นที่สองจากปัจจุบันอยู่ที่ 2% โดยการออกหุ้นกู้ 1 หมื่นล้านบาท เพื่อให้เงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง หรือบีไอเอส โดยรวมอยู่ที่ 12% จากปัจจุบันอยู่ที่ 10% ทั้งนี้ในปีหน้าได้ตั้งเป้าลดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ เอ็นพีแอลแล้วว่าต้องลดลงจาก 12% ในปัจจุบันเหลือต่ำกว่า 10% ให้ได้ แม้ว่าในใจได้ตั้งเป้าเอาไว้ให้เหลือ 7%
สำหรับนโยบายการนำบริษัทในเครือเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ นั้น ต้องมีการทบทวนใหม่ทั้งหมด เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของธนาคารที่ต้องการเป็นคอนวิเนียนแบงก์ และภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่เอื้ออำนวย และที่สำคัญในปัจจุบันธนาคารยังขาดการประสานงานกับบริษัทในเครือซึ่งจะต้องปรับโครงสร้างองค์กรในบางจุดใหม่ด้วย โดยกำหนดจะปรับโครงสร้างองค์กรเสร็จภายในกลางปีนี้
สำหรับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนั้น ธนาคารกรุงไทยจะพิจารณาปรับขึ้นประมาณกลางปี เพราะสภาพคล่องทางการเงินยังเหลืออยู่จำนวนมาก แม้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยอาร์พีไปแล้ว 0.25% แล้ว แต่การที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าส่งผลให้สภาพคล่องในตลาดเพิ่มสูงมาก เพราะฉะนั้นในระยะนี้ธนาคารกรุงไทยจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่จะขึ้นกลางปีหน้าทั้งเงินกู้และเงินฝาก
สำหรับความคืบหน้าการสอบสวนความผิดทางวินัยพนักงานธนาคารที่อนุมัติสินเชื่อให้กับลูกหนี้ 14 รายนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนที่คณะกรรมการตรวจสอบทางวินัยกำลังสอบสวนว่าพนักงานรายใดทำผิดหรือไม่ โดยคาดว่าจะได้รับทราบผลสอบในเดือนหน้า
"เท่าที่ได้รับทราบมีลูกหนี้หลายรายที่เป็นลูกหนี้ธรรมดา และมี 2-3 ราย ที่น่าจะแก้ไขให้เป็นหนี้ที่ดีได้ ส่วนการตรวจสอบสินเชื่อทั้งหมดของธนาคารพบว่าส่วนใหญ่ได้มีการกันสำรองครบถ้วน ไม่น่ามีปัญหา ขณะที่กรณีบริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ N-PARK มีกำหนดชำระหนี้สิ้นปีนี้ประมาณ 300 ล้านบาท ซึ่งไม่น่าจะก่อให้เกิดปัญหาแต่อย่างใด"
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|