Exchangeable Bond ตัวแทนการแปรรูป?

โดย ฐิติเมธ โภคชัย
นิตยสารผู้จัดการ( เมษายน 2545)



กลับสู่หน้าหลัก

มีความเป็นไปได้ที่การกระจายหุ้นรัฐวิสาหกิจจะถูกเลื่อนออกไป ขณะที่รัฐบาลยังไม่มีรายได้จากการแปรรูป จำเป็นต้องหาเงินทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจมาชดเชยชั่วคราวก่อน แล้วช่องทางอยู่ตรงไหน?

นับตั้งแต่การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยถูกกล่าวถึงอย่างกว้างขวาง เกี่ยวกับกระบวนการแปรรูป ทำให้รัฐบาลชุดนี้ต้องพิจารณาถึงการกระจายหุ้นรัฐวิสาหกิจแห่งอื่นเกี่ยวกับความพร้อม แม้ว่ารายได้ขาดหายไปในช่วงระยะเวลา ที่ต้องเลื่อนการกระจายหุ้นออกไปก็ตาม

เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และรองปลัดกระทรวงการคลัง สมหมาย ภาษี ออกมาประกาศถึงแนวทางการระดมทุนรูปแบบ อื่น เพื่อทดแทนในระหว่างที่รัฐวิสาหกิจ ไม่สามารถกระจายหุ้นให้กับนักลงทุนได้ โดยทั้งสองได้เรียกเครื่องมือชนิดใหม่นี้ว่า "Exchangeable Bond" หรือ ECB

ECB ที่ว่าเป็นพันธบัตรชนิดหนึ่ง และหากรัฐวิสาหกิจจะระดมทุนระหว่างที่ยังไม่สามารถกระจายหุ้นได้ ผู้ถือหุ้นใหญ่จะต้องเป็นผู้ออกพันธบัตรนี้ โดยนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนในรูปของอัตราดอกเบี้ย หรือสิทธิในการแปลงสภาพพันธบัตร เป็นหุ้นทุนของรัฐวิสาหกิจเมื่อมีการแปรรูปแล้ว

อย่างไรก็ตาม หากมีการออก ECB แล้วการกำหนดอายุพันธบัตรในระยะเวลายาว เช่น 3 ปี 5 ปีอาจจะไม่เหมาะสมกับรัฐวิสาหกิจบางแห่งที่นักลงทุนมีความ คาดหวังการแปรรูปในระยะเวลาไม่นาน "มีข้อสงสัยว่าการแปรรูปจะถูกเลื่อนไปเท่ากับอายุของ ECB หรือไม่" อมตา อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้กล่าว "ECB อายุยาวเหมาะสมกับรัฐวิสาหกิจที่มีโครง การแปรรูปในอีก 3-5 ปีข้างหน้า"

ขณะที่พันธบัตรดังกล่าวที่มีอายุ สั้นๆ ไม่เกิน 2 ปี มีความเหมาะสมกับรัฐวิสาหกิจที่จะถูกแปรรูปในอีกไม่นาน แต่ข้อจำกัดอยู่ที่ความสนใจจากนักลงทุน "พวกเขาน่าจะรอซื้อหุ้นสามัญ ดังนั้นรัฐบาลต้องกำหนดอายุ ECB ให้สอดคล้องกับช่วง เวลาการกระจายหุ้นรัฐวิสาหกิจ" เธอชี้

สำหรับความคาดหวังของนักลงทุน ส่วนใหญ่จะรอแปลงสภาพพันธบัตร เนื่องจากราคาแปลงสภาพจะเท่ากับราคาขายหุ้นให้แก่ประชาชนครั้งแรก หรือ IPO ถ้าตัดสินใจแปลง ECB เป็นหุ้นทุนอาจจะได้รับผลตอบแทนเพิ่มในรูปของกำไรจากการขายหุ้น (capital gain) หากราคาตลาดสูงกว่าราคา IPO

ตรงกันข้ามถ้าราคาตลาดต่ำนักลงทุนจะมีผลขาดทุนจากการขายหุ้น (capital loss) เมื่อหักกลบดอกเบี้ยที่ได้รับแล้วทำให้ผลตอบแทนทั้งหมดลดลง นักลงทุนบางส่วนไม่สนใจแปลงสภาพด้วยการขอไถ่ถอนเงินต้นคืน ผลตอบแทนที่ได้รับทั้งหมดจะเท่ากับอัตราดอกเบี้ยของพันธบัตรเท่านั้น

"ปกติบริษัทที่สนใจออก ECB มักจะมีศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่ดี ตลาดจึงคาดหวังว่าในอนาคตราคาหุ้นจะมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ นักลงทุนจึงใฝ่ฝันถึงคำว่า capital gain" อมตา อธิบาย

เมื่อเป็นเช่นนี้นักลงทุนจึงมีความต้องการที่จะรับผลตอบแทนจากดอกเบี้ยเพียงเล็กน้อย "ข้อดีของผู้ออก ECB คือ ต้นทุนอัตราดอกเบี้ยต่ำ" เธอบอก นั่นหมายถึงภาระดอกเบี้ยจ่ายของรัฐจะต่ำด้วย แต่เมื่อกำหนดอัตราดอกเบี้ยต่ำเท่าใดนักลงทุนยิ่งต้องการผลตอบแทนจาก capital gain สูงๆ มาชดเชยสูงเท่านั้น "พวกเขาคาดหมาย ว่าราคาแปลงสภาพจะต้องต่ำ"

ปัญหาที่ตามมาคือ การกำหนด ราคา IPO ในการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ แต่ถ้ากำหนดราคาแปลงสภาพสูงมีแนวโน้มว่านักลงทุนจะไม่ยอมรับอัตราดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งไม่ต่างไปจากการออกพันธบัตรรัฐบาลทั่วไป

ดังนั้นเงื่อนไขของ ECB ต้องมีความดึงดูดต่อการลงทุน เพราะแสดงถึงความสนใจต่อการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ ในอนาคตด้วย



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.