GE Capital in Thailand

โดย ฐิติเมธ โภคชัย
นิตยสารผู้จัดการ( เมษายน 2545)



กลับสู่หน้าหลัก

ท่ามกลางซากปรักหักพังทางเศรษฐกิจ จีอี แคปปิตอล กลายเป็นบริษัทที่ได้รับการกล่าวถึงทั้งในแง่ชื่นชมและทางลบ จากนี้ไปยักษ์ใหญ่สัญชาติอเมริกันแห่งนี้ต้องการลบภาพหลังออก แล้วทำตัวสนิทสนมกับคนไทยมากขึ้น

ชื่อของจีอี แคปปิตอลได้รับการพูด ถึงอย่างกว้างขวางในประเทศไทย เมื่อได้เป็นผู้บริหารสินทรัพย์ที่ประมูลมาจาก ปรส. หลังจากเศรษฐกิจไทยล่มสลายไป อีกธุรกิจหนึ่ง คือ สินเชื่อเพื่อการพาณิชย์เป็นการปล่อยสินเชื่อให้กับธุรกิจขนาด ใหญ่ โดยทั้งสองธุรกิจนี้บริษัทมองเพียงระยะสั้นๆ

"การบริหารสินทรัพย์ในที่สุดก็ต้องเลิกกิจการไป หากเศรษฐกิจกลับคืนสู่ภาวะปกติ" สจ๊วต ดีน ประธานจีอี เอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้และผู้บริหารสูงสุด จีอี ประเทศไทยชี้ "ส่วนธุรกิจที่สองไม่ใช่เป้าหมายหลักของเราทุกวันนี้"

ธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค คือ เป้าหมายหลักและระยะยาวของจีอี แคปปิตอล ภารกิจของบริษัทอยู่ที่การสนับสนุนให้คนที่ต้องการทำสิ่งดีๆ เพื่อตนเอง แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะไม่มีเงินทุนในการสร้างความใฝ่ฝันให้เป็นจริงได้

ที่ผ่านมา การขอสินเชื่อเป็นสิ่งที่เป็นไปได้เฉพาะคนที่มีฐานะดี มีที่ดินหรือทรัพย์สินเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน มีน้อยคนที่จะกล้าเดินเข้าไปในธนาคารเพื่อขอกู้เงินก้อนเล็กๆ หรือขอสินเชื่อมาซื้อของหรือดำเนินกิจกรรมต่างๆ

"ทุกวันนี้ใครก็ได้ที่บรรลุนิติภาวะ มีความรับผิดชอบ และมีคุณสมบัติครบถ้วนสามารถเดินมาหาเรา เพื่อขอสินเชื่อได้ในเวลาไม่นานและส่วนใหญ่ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน" ริด้า วีระกุสุมา ประธานธุรกิจสินเชื่อ เพื่อผู้บริโภค-เอเชียของจีอี แคปปิตอล อธิบาย

เศรษฐกิจไทยได้ผ่านกระบวนการเปิดเสรีในหลายๆ ธุรกิจ ทำให้อยู่ในวิสัยที่ครอบครัวจะเข้าไปทำธุรกิจนั้นได้เป็นครั้งแรกหลังจากที่เมื่อ 2-3 ทศวรรษ ก่อนแทบเป็นไปไม่ได้ "ธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคของเราส่วนใหญ่ต้องการสนับสนุนเศรษฐกิจให้เติบใหญ่" วีระบอก "เราคาดหวังเพียงแค่ให้ผู้บริโภคเป็นผู้กู้ยืมที่มีความรับผิดชอบ ชำระหนี้คืนตามกำหนด"

ความเชื่อมั่นการดำเนินธุรกิจของจีอี แคปปิตอล เกิดจากโอกาสการขยายตัวที่ยังมีช่องว่างอีกมาก หากพิจารณาอัตรากู้ยืมของคนไทยเมื่อเทียบกับรายได้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน

ในปี 2543 คนไทยกู้ยืมเงินเพียง 29% ของรายได้ของครัวเรือน ขณะที่คนไต้หวันตัวเลขดังกล่าวอยู่ที่ระดับ 78%, เกาหลีใต้ 79%, มาเลเซีย 81%, ฮ่องกง 109% และสิงคโปร์ 180% จากสถิติธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคในเมืองไทยมีขนาดเล็กมาก สินเชื่อผู้บริโภคมีสัดส่วนเพียง 13% ของสินเชื่อทั้งระบบ เมื่อเทียบกับฮ่องกงที่มีสัดส่วน 40% หรือสิงคโปร์ที่อยู่ในระดับ 56%

"หากมองไปในอนาคต หลังปีนี้เราเห็นศักยภาพการเติบโตอย่างมาก มายและมั่นคงด้วย หลังปี 2540 พบว่าลูกค้าสินเชื่อของบริษัทมีแนวโน้มจะเป็นลูกหนี้ที่มีความรับผิดชอบมากขึ้น" วีระเล่า

การเติบโตของตลาดสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคในประเทศไทย จะได้รับการสนับสนุนจากบริการที่ดีและสะดวกขึ้น อีกทั้งพวกเขาจะเรียกร้องมากขึ้น จากความต้องการผลิตภัณฑ์เฉพาะตัว แทนที่จะเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับทุกกลุ่มแบบเมื่อก่อน

ดังนั้น ความท้าทายของจีอี แคป ปิตอล หนีไม่พ้นการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ เพื่อความสอดคล้องกับผู้บริโภคคนไทย ในยุคที่เห็นความสำคัญด้านบริหารการเงิน และสิ่งที่ลืมไม่ได้คือ บริษัทต้องทำอีกหลายอย่างในการดึงคนไทยให้เข้ามาเป็นลูกหนี้ที่มีความรับผิดชอบมากขึ้น



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.