ท่ามกลางซากปรักหักพังทางเศรษฐกิจ จีอี แคปปิตอล กลายเป็นบริษัทที่ได้รับการกล่าวถึงทั้งในแง่ชื่นชมและทางลบ
จากนี้ไปยักษ์ใหญ่สัญชาติอเมริกันแห่งนี้ต้องการลบภาพหลังออก แล้วทำตัวสนิทสนมกับคนไทยมากขึ้น
ชื่อของจีอี แคปปิตอลได้รับการพูด ถึงอย่างกว้างขวางในประเทศไทย เมื่อได้เป็นผู้บริหารสินทรัพย์ที่ประมูลมาจาก
ปรส. หลังจากเศรษฐกิจไทยล่มสลายไป อีกธุรกิจหนึ่ง คือ สินเชื่อเพื่อการพาณิชย์เป็นการปล่อยสินเชื่อให้กับธุรกิจขนาด
ใหญ่ โดยทั้งสองธุรกิจนี้บริษัทมองเพียงระยะสั้นๆ
"การบริหารสินทรัพย์ในที่สุดก็ต้องเลิกกิจการไป หากเศรษฐกิจกลับคืนสู่ภาวะปกติ"
สจ๊วต ดีน ประธานจีอี เอเชีย ตะวันออกเฉียงใต้และผู้บริหารสูงสุด จีอี ประเทศไทยชี้
"ส่วนธุรกิจที่สองไม่ใช่เป้าหมายหลักของเราทุกวันนี้"
ธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค คือ เป้าหมายหลักและระยะยาวของจีอี แคปปิตอล
ภารกิจของบริษัทอยู่ที่การสนับสนุนให้คนที่ต้องการทำสิ่งดีๆ เพื่อตนเอง แต่ไม่สามารถดำเนินการได้
เพราะไม่มีเงินทุนในการสร้างความใฝ่ฝันให้เป็นจริงได้
ที่ผ่านมา การขอสินเชื่อเป็นสิ่งที่เป็นไปได้เฉพาะคนที่มีฐานะดี มีที่ดินหรือทรัพย์สินเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน
มีน้อยคนที่จะกล้าเดินเข้าไปในธนาคารเพื่อขอกู้เงินก้อนเล็กๆ หรือขอสินเชื่อมาซื้อของหรือดำเนินกิจกรรมต่างๆ
"ทุกวันนี้ใครก็ได้ที่บรรลุนิติภาวะ มีความรับผิดชอบ และมีคุณสมบัติครบถ้วนสามารถเดินมาหาเรา
เพื่อขอสินเชื่อได้ในเวลาไม่นานและส่วนใหญ่ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน"
ริด้า วีระกุสุมา ประธานธุรกิจสินเชื่อ เพื่อผู้บริโภค-เอเชียของจีอี แคปปิตอล
อธิบาย
เศรษฐกิจไทยได้ผ่านกระบวนการเปิดเสรีในหลายๆ ธุรกิจ ทำให้อยู่ในวิสัยที่ครอบครัวจะเข้าไปทำธุรกิจนั้นได้เป็นครั้งแรกหลังจากที่เมื่อ
2-3 ทศวรรษ ก่อนแทบเป็นไปไม่ได้ "ธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคของเราส่วนใหญ่ต้องการสนับสนุนเศรษฐกิจให้เติบใหญ่"
วีระบอก "เราคาดหวังเพียงแค่ให้ผู้บริโภคเป็นผู้กู้ยืมที่มีความรับผิดชอบ
ชำระหนี้คืนตามกำหนด"
ความเชื่อมั่นการดำเนินธุรกิจของจีอี แคปปิตอล เกิดจากโอกาสการขยายตัวที่ยังมีช่องว่างอีกมาก
หากพิจารณาอัตรากู้ยืมของคนไทยเมื่อเทียบกับรายได้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน
ในปี 2543 คนไทยกู้ยืมเงินเพียง 29% ของรายได้ของครัวเรือน ขณะที่คนไต้หวันตัวเลขดังกล่าวอยู่ที่ระดับ
78%, เกาหลีใต้ 79%, มาเลเซีย 81%, ฮ่องกง 109% และสิงคโปร์ 180% จากสถิติธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคในเมืองไทยมีขนาดเล็กมาก
สินเชื่อผู้บริโภคมีสัดส่วนเพียง 13% ของสินเชื่อทั้งระบบ เมื่อเทียบกับฮ่องกงที่มีสัดส่วน
40% หรือสิงคโปร์ที่อยู่ในระดับ 56%
"หากมองไปในอนาคต หลังปีนี้เราเห็นศักยภาพการเติบโตอย่างมาก มายและมั่นคงด้วย
หลังปี 2540 พบว่าลูกค้าสินเชื่อของบริษัทมีแนวโน้มจะเป็นลูกหนี้ที่มีความรับผิดชอบมากขึ้น"
วีระเล่า
การเติบโตของตลาดสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคในประเทศไทย จะได้รับการสนับสนุนจากบริการที่ดีและสะดวกขึ้น
อีกทั้งพวกเขาจะเรียกร้องมากขึ้น จากความต้องการผลิตภัณฑ์เฉพาะตัว แทนที่จะเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับทุกกลุ่มแบบเมื่อก่อน
ดังนั้น ความท้าทายของจีอี แคป ปิตอล หนีไม่พ้นการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์
เพื่อความสอดคล้องกับผู้บริโภคคนไทย ในยุคที่เห็นความสำคัญด้านบริหารการเงิน
และสิ่งที่ลืมไม่ได้คือ บริษัทต้องทำอีกหลายอย่างในการดึงคนไทยให้เข้ามาเป็นลูกหนี้ที่มีความรับผิดชอบมากขึ้น