ไทยน๊อคซ์ต่ำจอง14%ประยุทธยันไม่ขายหุ้น


ผู้จัดการรายวัน(15 ธันวาคม 2547)



กลับสู่หน้าหลัก

หุ้นไทยน๊อคซ์ฯเทรดวันแรกราคาหลุดจอง 14.28% "ประยุทธ" ยันกอดหุ้นแน่นไม่ขายออกมา เตรียมนำเงิน 750-800 ล้านบาท มาจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ด้านที่ปรึกษาเชื่อหากภาวะหุ้นไม่ผัน ผวนหุ้นไทยน๊อคซ์สูงกว่าราคาจอง ย้ำความเชื่อมั่นไม่ขายหุ้นที่ราคา 1.30 แน่นอน ส่วนหุ้นเดิม 5.5 พันล้านหุ้นติดไซเลนต์พีเรียด 6 เดือน

เมื่อวานนี้ (14 ธ.ค.) หุ้นบริษัทไทยน๊อคซ์ สเตนเลส (TNX) เข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯเป็นวันแรก โดยเปิดตลาดที่ระดับ 2.14 บาท สูงกว่าราคาจองที่กำหนดไว้หุ้นละ 2.10 บาท หลังจากนั้นก็มีแรงซื้อเข้ามาทำให้ราคาขึ้นมาสูงสุดที่ระดับ 2.16 บาท ต่อมาก็มีแรงเทขายทำกำไรออกมาจนทำให้ราคาอ่อนตัวลดลงและมาปิดที่ระดับ 1.80 บาทลดลง 0.30 บาท หรือ 14.28%

นายประยุทธ มหากิจศิริ ประธานกรรมการ บริษัทไทยน๊อคซ์สเตนเลส จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ในระดับราคาช่วงเช้าที่อยู่ในระดับ 2.12 บาทนั้น ซึ่งเหนือกว่าราคาจองเล็กน้อย โดยส่วนตัวแล้วในระดับราคาดังกล่าวจะไม่ขายหุ้นไทยน๊อคซ์ฯออกมาแน่นอน ส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อยจะพอใจกับ ระดับราคาหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละคนแต่ก็มีความเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานของบริษัทซึ่งเป็นบริษัทที่มีผลประกอบการที่ดีและไม่มีหนี้ โดยในงวด 9 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 1,570 ล้านบาท และจากผลประกอบการดังกล่าวคาดว่าบริษัท จะมีเงินนำมาปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้ประมาณ 750-800 ล้านบาท นอกจากนี้ยังเชื่อว่าภายในไตรมาส 4 จะมีผลประกอบการที่ดีขึ้น

"เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ได้รับประมาณ 4,000 ล้านบาท โดยจะนำเงินไปใช้ส่วนตัว และบางส่วนไปชำระหนี้โดยไม่ได้นำไปใช้การเมืองแต่อย่างใด ในส่วนของราคา 2.10 บาท เพื่อนฝูงสนใจจะจองสูงกว่า 2 พันล้านหุ้น ก็เป็นโอกาสที่ดีที่จะเข้ามาซื้อในช่วงที่ราคาต่ำกว่าราคาจอง" นายประยุทธกล่าว

สำหรับกรณีที่มีกระแสข่าวลือก่อนหน้านี้ว่ามีการเสนอขายหุ้นไทยน๊อคซ์สเตนเลสในระดับหลายราคานั้น นายประยุทธกล่าวว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใดหุ้นที่เสนอขายทั้งหมด 2.5 พันล้านหุ้นนั้น เสนอขายในระดับราคาเดียวที่ระดับหุ้นละ 2.10 บาทเท่ากันหมด

นอกจากนี้ การขายหุ้นบริษัทไทยน๊อคซ์ สเตนเลสในครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่ได้จัดสรรหุ้นให้แก่ผู้มีอุปการคุณหรือกลุ่มเพื่อน ฝูงมากกว่าจำนวนหุ้นที่จัดสรรผ่านบริษัทหลักทรัพย์ที่เป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายจำนวน 22 ราย ซึ่งแสดงให้เห็นว่า เจ้าของหุ้นมีความเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานจึงได้จัดสรรหุ้นให้แก่ผู้มีอุปการคุณดังกล่าว

"ระดับราคาหุ้นในปัจจุบันนี้คงจะไม่เข้าไปซื้อเพิ่มเพราะขณะนี้ผมมีหุ้นไทยน๊อคซ์ สเตนเลสจำนวนมากอยู่แล้ว แต่ถ้าผมซื้อหุ้นในกระดานเพิ่ม ก็จะต้องรายงานไปยังสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้" นายประยุทธกล่าว

นายวันชัย มโนสุทธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นไทยน๊อคซ์ กล่าวว่า ปัจจัยหลักที่ทำให้หุ้นไทยน๊อคซ์ต่ำกว่าราคาจองส่วนหนึ่ง มาจากปัจจัยที่ภาวะตลาดหุ้นยังคงผันผวน แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าบริษัทที่มีพื้นฐานดีหากราคาหุ้นปรับตัวลดลงก็เป็นเพียงชั่วขณะ แต่ทั้งนี้เชื่อว่าหาก นักลงทุนเริ่มคลายความกังวลทั้งจากภาวะตลาดหุ้นที่ผันผวนและข่าวในทางลบของบริษัท นักลงทุนจะเริ่มกลับเข้ามาลงทุนอีกครั้ง

นายชวลิต จินดาวณิค ผู้อำนวยการฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า ตัวภาวะตลาดหุ้นที่ผันผวนทำให้ราคาหุ้นบริษัทไทยน๊อคซ์ปรับขึ้นไม่แรง แต่ทั้งนี้บทวิเคราะห์ หลายแห่งยังให้ราคาเป้าหมายในระดับที่สูงกว่าราคาจองแต่คงต้องใช้เวลา เพราะปกติบทวิเคราะห์จะมองไปล่วงหน้า 12 เดือน

นอกจากนี้ยังกล่าวว่า ในส่วนของราคาหุ้นที่เสนอขายให้กับนักลงทุนทั้ง 2,500 ล้านหุ้น เป็นราคาเดียวกันที่ 2.10 บาท และในส่วนของผู้ถือหุ้นเดิม 5,500 ล้านหุ้น จะติดไซเลนต์พีเรียดเป็นเวลา 6 เดือน สำหรับข่าวเรื่องการขายหุ้นให้ผู้มีอุปการคุณในราคา 1.30 บาทนั้น ขอให้นักลงทุนมั่นใจว่าไม่มีการขายราคาดังกล่าว และส่วนหนึ่งที่ทำให้ราคาไม่ปรับขึ้นมากนักน่าจะมาจากเรื่องดังกล่าว

รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แจ้งว่า วานนี้ได้มีการซื้อขายรายการใหญ่ในหุ้นบริษัทไทยน๊อคซ์ สเตนเลส จำนวน 2 รายการ จำนวนหุ้น 55 ล้านหุ้น มูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 115.50 ล้านบาท โดยราคาซื้อขายโดยเฉลี่ยหุ้นละ 2.10 บาท ซึ่งเป็นระดับราคาจอง

ด้านความเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหลักทรัพย์วานนี้ (14 .ธ.ค.) ตลอดวันดัชนีแกว่งตัวอยู่ในแดน บวกก่อนจะมีแรงขายออกมาในช่วงท้ายตลาด ส่งผลให้ดัชนีปิดที่ 646.08 จุด เพิ่มขึ้น 0.33 จุด หรือ 0.05% ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดของวัน ขณะที่จุดสูงสุดของวันอยู่ที่ 651.35 จุด มูลค่าการซื้อขาย 12,811.31 ล้านบาท

นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1.23 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 70.22 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 68.98 ล้านบาท

นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก กล่าวถึงการคาดหมายว่าหากผลการประชุมออกมาตามที่คาดไว้ว่าเฟดน่าจะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีก 0.25% เป็น 2.25% นั้น เรื่องดังกล่าวคงไม่ส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ เนื่องจากที่ผ่านมาตลาดหุ้นได้รับรู้ข่าวนานแล้วว่าเฟดจะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น

ทั้งนี้คงต้องรอดูว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ ขึ้นตามการปรับอัตราดอกเบี้ยของเฟดหรือไม่ โดยเชื่อว่าธปท. จะยังไม่ปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นตามเฟด เพราะหากมีการปรับขึ้นตามเฟดจะส่งผลทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอีกครั้ง หลังจากที่ผ่านมา ธปท. พยายามเข้าแทรกแซงค่าเงินให้อ่อนค่าลงบ้างแล้ว

แต่อย่างไรก็ตาม หากธปท.ปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นตามเฟดจะส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มธนาคาร ทำให้ธนาคารพาณิชย์มีรายได้เพิ่มขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับขึ้น ซึ่งเรื่องดังกล่าวน่าจะทำให้ดัชนีฯของหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่ทั้งนี้คงส่งผลกระทบต่อหุ้นบางกลุ่มที่ต้นทุนทาง การเงินปรับตัวเพิ่มขึ้น

กลยุทธ์การลงทุน แนะนำให้ลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคาร กลุ่มวัสดุก่อสร้าง กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และกลุ่มเดินเรือ


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.