|

BAYฟันธงธปท.ขึ้นอาร์/พีหลังเฟดปรับดอกเบี้ยวันนี้
ผู้จัดการรายวัน(15 ธันวาคม 2547)
กลับสู่หน้าหลัก
ผู้ว่าฯแบงก์ชาติ เผยธปท.จะนำผลการเปลี่ยนแปลงดอกเบี้ยของเฟดมาประกอบการพิจารณาการกำหนดดอกเบี้ยอาร์/พี หากส่งผลกระทบต่อตลาดเงินในประเทศ ด้านบิ๊กแบงก์กรุงศรีอยุธยา "จำลอง อติกุล" มั่นใจวันนี้ธปท.ปรับขึ้นอาร์/พี อีก 0.25% ขณะที่ดอกเบี้ยธนาคารพาณิชย์จะปรับตามในปี 2548 แต่จะไม่ส่งผลกระทบทำให้ธุรกิจชะงัก
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงกรณีที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าการประชุมเพื่อพิจารณาอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 14 ธันวาคมนี้ อาจปรับขึ้นว่าผลการประชุมของเฟดเป็นปัจจัยหนึ่งที่ ธปท.จะนำมาประกอบการพิจารณา หากการปรับดอกเบี้ยของเฟดส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย และการไหลเข้าออกของเงินทุนต่างประเทศ
ส่วนการประชุมเพื่อพิจารณาอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (อัตราดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 14 วัน) ของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธปท.ที่จะมีขึ้นในวันที่ 15 ธันวาคมนี้ จะปรับขึ้นหรือไม่นั้น ทางคณะกรรมการจะพิจารณาโดยคำนึงถึงปัจจัยภายในประเทศเป็นหลัก เช่นผลที่จะเกิดขึ้นต่อการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจไทย ผลที่จะเกิดขึ้นต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะอัตราเงินเฟ้อเป็นสำคัญ
"การประชุมเพื่อพิจารณาอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่จะถึงนี้จะพิจารณาหลายปัจจัย โดยเฉพาะปัจจัยภายในไทยมากกว่าความกดดันจากต่างประเทศเหมือนครั้งที่ผ่านมา เช่นดูว่าผลของการไหลเข้าหรือออกของเงินทุนจากต่างประเทศ เป็นไปในทิศทางที่เอื้อต่อเศรษฐกิจไทยหรือไม่" ผู้ว่าการธปท. กล่าว
สำหรับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินในขณะนี้เริ่มนิ่งแล้ว จึงส่งผลให้ค่าเงินสกุลบาทของไทยอ่อนค่าลงเล็กน้อย และกลับมานิ่งอีกครั้งตามค่าเงินสกุลหลักของโลก โดยค่าเงิน ยูโรได้อ่อนลงจาก 1.34 ยูโรต่อดอลลาร์สหรัฐมาเป็น 1.32 ยูโรต่อดอลลาร์สหรัฐในส่วนค่าเงินเยน ญี่ปุ่นอ่อนค่าจาก 104 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐมาอยู่ที่ 102 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐ
"ภาวะที่เกิดขึ้นในตลาดเงินโลกในตอนนี้ทำให้สบายใจขึ้นมาได้ระดับหนึ่ง บาทก็เริ่มนิ่งแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาสหรัฐฯใช้วิธีดึงให้ค่าเงินดอลลาร์ให้อ่อนลง จนใครๆ ก็รู้ในที่สุด ดังนั้นค่าเงินก็ต้องกลับมาแข็ง โดยค่าเงินดอลลาร์ในปัจจุบันก็กลับมาแข็งค่าขึ้นแล้ว" ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าว
ด้านนายจำลอง อติกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า คาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะทำการปรับขึ้น อัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินที่จะถึงนี้ตามธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ที่จะมีการประชุมครั้งล่าสุด ส่วนการขึ้นดอกเบี้ยโดยรวมในปี 2548 นั้น เชื่อว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเช่นกันแต่คงไม่ขึ้นมากจนถึงขั้นส่งผลทำให้ธุรกิจชะงัก
"คิดว่าทางการคงจะค่อยๆ ขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อให้ตลาดปรับตัวได้ทัน ส่วนธนาคารเองมองว่าประมาณไตรมาสแรกของปีหน้า น่าจะได้เห็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากระยะสั้น" นายจำลองกล่าว
สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทในระยะสั้นยังผันผวนอยู่ ซึ่งเป็นเพราะนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ทั้งนี้อัตราดอกเบี้ยที่ขึ้นของไทยนั้นจะอิงกับเงินเฟ้อมากกว่า ประกอบกับดัชนีผู้บริโภคในปีนี้สูงกว่า 3% การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของไทยก็เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ หากอัตราดอกเบี้ยขึ้น ก็ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น แต่หากปรียบเทียบกับค่าเงินยุโรปและออสเตรเลียแล้วจะพบว่าดอกเบี้ยของไทยยังต่ำอยู่
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย ให้ความเห็นที่แตกต่างกันว่า บอร์ดกนง.ในวันนี้จะไม่มีการปรับอัตราดอกเบี้ยอาร์/พี แม้ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) จะปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น เนื่องจากมีแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อและเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ทำให้การไหลของเงินอยู่ในระดับที่รองรับได้ ขณะที่อัตราเงินเฟ้ออยู่ในกรอบที่กำหนดไว้
"หากการประชุมบอร์ดกนง.ครั้งที่จะถึงนี้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จะทำให้มีเงินไหลเข้ามาจากต่างประเทศมากขึ้น และจะเป็นอันตรายต่อเศรษฐกิจ รวมทั้งทำให้ธปท.ต้องดูดซับสภาพคล่องออกไป ทำให้ต้องมีต้นทุนในการดูดสภาพคล่อง"
ส่วนอัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์ของธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ อาจมีการทยอยปรับขึ้นในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2548 หลังจากที่สภาพคล่องส่วนเกินในระบบเริ่มลดลง และได้รับแรงกดดันจากธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็กที่ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปก่อนหน้านี้ โดยคาดว่าอัตราดอกเบี้ยออมทรัพย์ จะอยู่ที่ระดับไม่เกิน 1.50% จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 0.75%
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|