|
ธปท.เล็งฟ้องวิโรจน์ชี้ปล่อยกู้หละหลวม
ผู้จัดการรายวัน(9 ธันวาคม 2547)
กลับสู่หน้าหลัก
แบงก์ชาติเตรียมฟ้องร้องผู้บริหารและบอร์ดแบงก์กรุงไทยที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยสินเชื่อฉาว เผยกำลังหาหลักฐานเพิ่มเติมหลังผลตรวจสอบสินเชื่อทั้ง 12 ราย พบปล่อยกู้หละหลวมแบบปกติและไม่ปกติ เชื่อแบงก์ชาติฟ้อง "วิโรจน์ นวลแข" แน่ ด้านตลาดหุ้นตกรับข่าวร้าย เฉพาะกลุ่มแบงก์ร่วง 2.97%
จากกรณีธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ตรวจสอบสินเชื่อธนาคารกรุงไทยจำนวน 12 ราย โดยใช้เวลาประมาณ 2 เดือนนั้น นางธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่าฯสายเสถียรภาพสถาบันการเงิน เปิดเผยเมื่อวานนี้ (8 ธ.ค.) ว่า สามารถแยกสินเชื่อดังกล่าวออกเป็น 2 ส่วน คือ สินเชื่อที่ปล่อยกู้อย่างหละหลวมกับสินเชื่อที่ปล่อยกู้มากกว่าหละหลวม
โดยธปท.ก็จะพิจารณาทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยสินเชื่อดังกล่าว รวมทั้งนายวิโรจน์ นวลแข อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย และลูกหนี้ของธนาคารกรุงไทยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องที่ทำให้เกิดความหละหลวมในการปล่อยสินเชื่อหรือไม่
"แบงก์ชาติต้องดูทุกคนที่เกี่ยวข้อง แล้วแต่ว่ากรณีไหนเกี่ยวข้องกับใคร แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าการขอสินเชื่อที่ทำให้เกิดความหละหลวมนี้จะโยงไปถึงการขอยกระดับเป็นธนาคารพาณิชย์ของบริษัทในเครือของลูกหนี้ของกรุงไทยหรือไม่" นางธาริษากล่าว
ทั้งนี้ ขั้นตอนในการดำเนินการส่วนที่ 1 ซึ่งเป็นสินเชื่อหละหลวมทั่วไป ธปท.ได้ส่งกลับไปยังคณะกรรมการของธนาคารกรุงไทย เพื่อนำไปพิจารณาถึงสาเหตุที่เกิดความหละหลวมแล้ว ขณะเดียวกันธปท. จะต้องดำเนินการตรวจสอบต่อไปว่า มีการทุจริตเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ความหละหลวมที่เกิดขึ้นมีทั้งจากความประมาทของผู้ปล่อย และความหละหลวมที่เกิดขึ้นจากจุดอ่อนของระบบในการปล่อยสินเชื่อ ซึ่งคณะกรรมการธนาคารกรุงไทยจะต้องพิจารณาว่าจะแก้จุดที่ก่อให้เกิดความหละหลวมของการปล่อยสินเชื่ออย่างไร ซึ่งอาจจะต้องปรับเปลี่ยนระบบการปล่อยสินเชื่อให้รัดกุมมากขึ้น
ส่วนที่ 2 คือสินเชื่อที่มากกว่าหละหลวม ธปท. จะหาหลักฐานเพิ่มเติมว่าเป็นการปล่อยสินเชื่อที่มีการกระทำที่ส่อไปทางทุจริต หรือเอื้อประโยชน์ให้แก่ใครหรือไม่ รวมทั้งฝ่ายเจ้าหน้าที่ของธนาคารกรุงไทย ก็ต้องดำเนินการพิจารณาเพิ่มเติมเช่นกัน และทั้งธปท. เจ้าหน้าที่ของธนาคารกรุงไทยจะประสานงานร่วมกัน ต่อจากนั้นคงจะต้องมาพิจารณาร่วมกันว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
"ขึ้นอยู่กับหลักฐานที่จะหาได้ แต่ธปท.ไม่กำหนดเวลาในการค้นหาหลักฐาน โดยทางผู้บริหารของแบงก์กรุงไทยก็อยากรู้ด้วยว่า ขั้นตอนไหนที่ทำให้ธนาคารเกิดความเสียหาย ซึ่งผู้บริหารของเขาก็ให้ความร่วมมือที่จะช่วยกันหาความจริงอย่างเต็มที่ แต่จะดำเนินไปได้ถึงขั้นไหนยังไม่สามารถบอกได้ขึ้นอยู่กับหลักฐานที่หามาได้" นางธาริษากล่าว
เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. ที่ผ่านมา ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าฯธปท. เปิดเผยว่าผลการตรวจสอบสินเชื่อธนาคารกรุงไทยจำนวน 12 ราย ได้ข้อสรุปแล้วพบว่าเป็นหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ทั้ง 12 ราย แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียด เนื่องจากยังไม่ครบ 2 เดือนตามกำหนดหรือต้องรอหลังวันที่ 10 ธ.ค. ดังนั้น ถ้าจำเป็นต้องฟ้องร้องใคร ก็จะดำเนินการวันที่ 10 ธ.ค
แหล่งข่าวใกล้ชิดนายวิโรจน์เชื่อว่าธปท.จะต้องฟ้องร้องนายวิโรจน์อย่างแน่นอน เนื่องจากก่อนหน้านี้ นายวิโรจน์ได้ฟ้องร้องธปท.ต่อศาลปกครอง และศาลปกครองรับฟ้องไปแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการเรียกสอบพยาน คาดว่าปัญหาการฟ้องร้องของทั้งสองฝ่ายจะขยายวงออกไปและไม่จบลงง่ายๆ
"คุณวิโรจน์ยังคงมั่นใจในความบริสุทธิ์พร้อมที่จะให้มีการตรวจสอบการทำงานในแบงก์กรุงไทยตลอด 3 ปี และเชื่อว่าถึงที่สุดแล้วสามารถเอาผิดผู้บริหารธปท.ที่ใช้อำนาจมิชอบได้"
ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าการให้ข่าวของธปท. วานนี้ส่งผลลบต่อตลาดหุ้น โดยตลาดหุ้นลบ 10.42 จุด หรือลดลง 1.59% มูลค่าการซื้อขาย 16,861 ล้านบาท ปิดที่ 645.41 จุด โดยกลุ่มธนาคารติดลบ 7.04 จุด หรือลดลง 2.97% มูลค่าการซื้อขาย 2,977 ล้านบาท ปิดที่ 230.11 จุด เฉพาะธนาคารกรุงไทย (KTB) ลดลง 0.2 บาท หรือลดลง 2.29% ปิดที่ 8.55 บาท
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|