อดีตอาจารย์คณะนิติศาสตร์ และรองอธิการบดีฝ่ายการนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ซึ่งผันตัวเข้ามาเป็นสมาชิกวุฒิสภา จากการเลือกตั้งในเขตกรุงเทพมหานคร และได้ชื่อว่าเป็น
"ผู้มีฝีปากคมพอๆ กับความคิด"
เขาเข้าเรียนชั้น ม.ศ. 2 ในสวนกุหลาบฯ เมื่อปี พ.ศ. 2508 จากผลของการย้ายตามบิดา
(ศิริ อติโพธิ อดีตประธานศาลฎีกา) และมีผลการเรียนดีเป็นที่ 1 ของนักเรียนชั้น
ม.ศ. 1 จากโรงเรียนเบญจมราชูทิศ จังหวัดอุบลราชธานี
"ชื่อเสียงของสวนกุหลาบฯ อาจเป็นผลมาจากต้นทุนที่มีเด็กเก่งๆ จากทุกสารทิศเข้ามาเรียน
และทำให้เกิดความหลากหลาย แต่ส่วนประกอบสำคัญน่าจะอยู่ที่ครู ซึ่งมีความภาคภูมิใจในความเป็นครู
ไม่ได้คิดที่จะแสวงหารายได้จากการกวดวิชาเหมือนปัจจุบัน" เป็นความรู้สึกที่แก้วสรรสะท้อนออกมา
และบ่งบอกนัยของความรู้สึกกังวลต่อปัญหาการศึกษาของชาติได้อย่างตรงไปตรงมา
ความทรงจำและความรู้สึกนึกคิดของเขาที่มีต่อสวนกุหลาบฯ ดูจะกว้างไกลออกไปและเกี่ยวเนื่องกับระบบการศึกษาไทยทั้งระบบ
มากกว่าที่จะพร่ำพรรณาถึงความรัก ความผูกพันที่ศิษย์เก่าคนหนึ่งมีต่ออิฐ
ปูน ทราย ที่ก่อขึ้นมาเป็นโรงเรียน
"สิ่งที่ผมได้จากสวนกุหลาบฯ เป็นความรู้สึกถึงความเป็นสามัญ บรรยากาศของความเสมอภาพ
และเสรีภาพที่ประกอบกันขึ้นมาเป็นวินัยที่ไม่ได้เกิดจากการบังคับ สวนกุหลาบฯ
ในอดีต เปิดให้เด็กคิด และเติบโตโดยไม่สูญเสียตัวตน ซึ่งโรงเรียนในอดีตส่วนใหญ่ก็มีลักษณะเช่นนี้"
แม้เขาจะไม่ใช่นักการศึกษา แต่เขาได้เปิดเผยให้เห็นอยู่เสมอว่า เป็นผู้สนับสนุนการกระจายโอกาส
กระจายมาตรฐานทางการศึกษา และจากประสบการณ์ในฐานะอาจารย์ในรั้วมหาวิทยาลัยนานกว่า
20 ปี ทำให้เขาประเมินปัญหาของการศึกษาไทยว่า เป็นผลมาจากการลืมอดีต ขณะที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปฏิรูปการศึกษา
ก็สนใจที่จะพิจารณาปัญหาจากสภาพปัจจุบัน และมุ่งที่จะเสนอแต่อนาคต
"เวลานี้เหมือนคนที่ขับรถหลงทาง ถ้าไม่ย้อนกลับมาเริ่มต้นที่ทางแยกเพื่อหาทิศทางใหม่
แต่ยังดึงดันจะไปตามทาง ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันผิด มันหลงทาง โอกาสที่จะมีการศึกษาที่พึงประสงค์มันก็เกิดยาก
สิ่งที่สมควรกระทำคือการนำพาบรรยากาศของโรงเรียนและการเรียนในอดีตกลับมา
ไม่ใช่การเรียน ที่หมายถึงการแข่งขัน ข่มขืนยัดเยียดเด็ก ทำลายเสรีภาพทางความคิด
หรือการได้ทำมาหากิน อย่างที่เป็นอยู่"
ขณะที่ทัศนะของเขาต่อบทบาทของสวนกุหลาบฯ และตึกยาว ซึ่งกำลังจะเป็นสถานที่จัดสร้างพิพิธภัณฑ์การศึกษาของชาติ
และที่แสดงเกียรติประวัติของสวนกุหลาบฯ ก็เป็นไปในลักษณะที่ไม่ต้องการให้เป็นเพียงการแสดงความรักสถาบัน
ที่จำกัดอยู่เฉพาะคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น
"ตึกยาว ไม่ควรเป็นเพียงสิ่งที่ตายไปแล้ว และสวนกุหลาบฯ ก็น่าที่จะได้ใช้โอกาสนี้ทบทวนบทบาทของโรงเรียน
และทิศทางการศึกษาของประเทศชาติมากกว่า"
เป็นข้อเสนอของแก้วสรร อติโพธิ ศิษย์เก่าสวนกุหลาบฯ เนื่องในโอกาสครบ 120
ปี ของการสถาปนาโรงเรียนที่น่ารับฟังยิ่ง