|
กลุ่มสหวิริยาเดินหน้าโรงถลุงเหล็กยื่นขอส่งเสริมบีโอไอกลางธันวาคม
ผู้จัดการรายวัน(1 ธันวาคม 2547)
กลับสู่หน้าหลัก
กลุ่มสหวิริยาเตรียมยื่นขอบีโอไอโครงการถลุงเหล็ก 30 ล้านตันมูลค่ากว่า 5 แสนล้านบาทในอีก 1-2 สัปดาห์ข้างหน้านี้ ฟุ้งสถาบันการเงินทั้งไทยและเทศแห่เสนอเงินกู้เพียบ พร้อมวอนรัฐสนับสนุนโดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อมที่จะต้องผ่านความเห็นชอบจากสผ. เพราะต้องทำท่าเรือน้ำลึก 3แสนตันและโรงถลุงเหล็ก 2 โรง
นายวิทย์ วิริยประไพกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เครือสหวิริยา เปิดเผยความคืบหน้าโครงการโรงถลุงเหล็กขนาด 30 ล้านตันต่อปี มูลค่ากว่า 5 แสนล้านบาทว่า กลุ่มสหวิริยาเตรียมยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากคณะการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ภายใน 1-2 สัปดาห์ข้างหน้านี้ ซึ่งกลุ่มสหวิริยาต้องการให้รัฐสนับสนุนโครงการดังกล่าว โดยเฉพาะประเด็นการจัดทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ที่จะต้องได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม (สผ.)จำนวน 6 รายการ แบ่งเป็นโครงการถลุงเหล็ก 2โรง โครงการท่าเรือน้ำลึกขนาด 3 แสนตัน 2 ท่า และโครงการนิคมอุตสาหกรรม 2 นิคมฯ
ทั้งนี้โครงการโรงถลุงเหล็กจำเป็นต้องลงทุนสร้างท่าเรือน้ำลึกขนาด 3แสนตัน เพื่อรองรับการนำเข้าสินแร่เหล็กจากต่างประเทศ เพราะท่าเรือประจวบที่กลุ่มสหวิริยาใช้บริการอยู่นั้นไม่สามารถรองรับโครงการดังกล่าวได้ ขณะเดียวกันรัฐควรจัดหาแหล่งน้ำเพื่อใช้ในโครงการด้วยจำนวน 150-200 ล้านลบ.ม./ปี และกระแสไฟฟ้าขนาด 2,000 เมกะวัตต์ ซึ่งสหวิริยาจะลงทุนโรงไฟฟ้าเอง 50%ที่เหลือจะซื้อจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค
"เราคงต้องดูว่าจะมีเงื่อนไขพิเศษให้กับโครงการนี้มากแค่ไหน เพราะโครงการดังกล่าวใช้เงินสูงถึง 5 แสนกว่าล้านบาท และถ้าเต็มโครงการจะใช้เงินถึง 7 แสนล้านบาท หากรัฐให้สิทธิประโยชน์เท่าโครงการอื่น ก็จะไม่ดึงดูดให้ลงทุน และหากประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมไม่ผ่านก็ไม่สามารถดำเนินการได้ ซึ่งขณะนี้ต่างประเทศต้องการให้เราไปลงทุนโครงการโรงถลุงเหล็ก เช่นจีนเสนอให้ทั้งที่ดิน ท่าเรือ ไฟฟ้า น้ำ ถนนและเส้นทางรถไฟ แต่เราเกิดในไทยอยากสร้างโรงถลุงในไทย" นายวิทย์กล่าว
หลังจากโครงการดังกล่าวผ่านการอนุมัติด้านสิ่งแวดล้อมแล้ว บริษัทฯก็จะดำเนินการหาแหล่งเงินกู้ ซึ่งขณะนี้มีสถาบันการเงินทั้งไทยและต่างประเทศสนใจที่จะปล่อยสินเชื่อโครงการดังกล่าว โดยโครงการดังกล่าวจะมีสัดส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 2 ต่อ 1 เท่า ซึ่งการลงทุนในเฟสแรก คาดว่าจะกลุ่มสหวิริยาจะลงทุนเองทั้งหมด โดยไม่จำเป็นต้องหาพันธมิตรร่วมทุน แต่เฟสถัดไปจะพิจารณาหาพาร์ทเนอร์ร่วมทุนด้วย ซึ่งขณะนี้มีนักลงทุนจากญี่ปุ่น จีนและยุโรปสนใจที่จะเข้าร่วมทุนโครงการดังกล่าว
ทั้งนี้ สหวิริยาได้ยื่นเสนอของลงทุนโครงการถลุงเหล็กขนาด 30 ล้านตันต่อปีต่อกระทรวงอุตสาหกรรม โดยจะแบ่งการก่อสร้างออกเป็น 5 เฟสภายในเวลา 15 ปี ใช้เงินลงทุนประมาณ 5.24 แสนล้านบาท และถ้าเต็มโครงการจะใช้เงินลงทุนสูงถึง 7 แสนล้านบาท โดยเฟสแรกจะดำเนินการโรงถลุงขนาด 5 ล้านตัน เสร็จในปี 2550 ใช้เงินลงทุนประมาณ 1 แสนล้านบาท เฟส 2 ลงทุน 1,685 ล้านเหรียญสหรัฐ กำลังผลิต 4. 5 ล้านตันต่อปีในปี 2553 เฟส 3 ลงทุน 1,875 ล้านเหรียญสหรัฐ กำลังการผลิต 5 ล้านตันต่อปีเสร็จปี 2556 เฟส 4 ลงทุนประมาณ 3,495 ล้านเหรียญสหรัฐ กำลังการผลิต 8 ล้านตันต่อปีเสร็จในปี 2559 และเฟสที่ 5 ลงทุน 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ กำลังผลิต 8 ล้านตันต่อปี เสร็จในปี 2562
"โรงเหล็กใหญ่ๆ ติดอันดับโลกจะมีกำลังการผลิตระดับ 30-40 กว่าล้านตันขึ้นไป เราจึงเลือกขนาด 30 ล้านตัน เพื่อความคุ้มทุน ซึ่งการลงทุนดังกล่าวจะต้องสร้างท่าเรือรองรับการขนส่งสินแร่เหล็กขนาด 3 แสนตันด้วย และที่เหมาะก็คือที่บางสะพาน เพราะเป็นน้ำลึก ส่วนเทคโนโลยีเราจะต้องเปิดประมูลการแข่งขันใครเสนอมาดีสุดเราก็จะเลือก" นายวิทย์เคยกล่าว
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|