|
รวมเมเจอร์ฯ-อีจีวีพ่นพิษผู้บริหารยกโขยงออก
ผู้จัดการรายวัน(1 ธันวาคม 2547)
กลับสู่หน้าหลัก
ผู้บริหารอีจีวียกโขยงตบเท้าลาออกรวด 8 คน ผลพวงควบรวมเมเจอร์ฯ "ประสงค์-โสภัชย์-เกรียงศักดิ์" แห่งอีจีวีเรียงคิวยื่นใบลาออกมีผล 1 ม.ค. 48 ดันเสริมศักดิ์ขึ้นแท่นกรรมการผู้จัดการ เผยหลังรวมกับเมเจอร์ลดค่าใช้จ่ายการตลาด 30% ล่าสุดจับมือเมเจอร์จัดแคมเปญใหญ่ฉลองเทศกาลปีใหม่ หวังขยายฐานลูกค้าใหม่เพิ่ม 20% ส่วนทิศทางปีหน้ามีแผนจัดเกรดโรงภาพยนตร์ 3-5 ดาวและทำแคมเปญร่วมกันมากขึ้น
นายเสริมศักดิ์ ขวัญพ่วง กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีจีวี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากที่อีจีวีควบรวมกิจการกับเมเจอร์แล้วได้มีการปรับเปลี่ยนในส่วนโครงสร้างภายในองค์กรหลายตำแหน่งด้วยกัน ขณะนี้ได้มีการปรับทีมผู้บริหารใหม่ 8 ราย แทนผู้บริหารเก่าที่ได้ลาออกไป 8 ราย อาทิ นายประสงค์ รุ่งสมัยทอง ผู้อำนวยการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่สายงานการตลาด นายโสภัชย์ สิทธิสมวงศ์ ผู้อำนวยการบริหารกลุ่มการตลาด และนายเกรียงศักดิ์ เครือวัฒนกุล ผู้อำนวยการบริหาร สายการพัฒนาธุรกิจ และรายอื่นๆ ซึ่งจะมีผลอย่างเป็นทางการตั้งแต่ 1 มกราคม 2548 เป็นต้นไป
สำหรับโครงสร้างใหม่ของอีจีวีในปัจจุบันจะมีนายวิชัย พูลวรลักษณ์เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นายเสริมศักดิ์ ขวัญพ่วง เดิมตำแหน่งผู้อำนวยการสายการเงิน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ นางสาวนิชากร อันมหาพงษ์ เดิมดูด้านไอเอ็มซีย้ายมาดูแลด้านการตลาดในตำแหน่งผู้จัดการอาวุโสสายการตลาด และนางสาวหทัยชล ติวะสุริยะเดช ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายปฏิบัติการ
ส่วนคณะทำงานส่วนกลางของทั้งอีจีวีและเมเจอร์จากเดิมที่มี 6 คน แบ่งเป็นผู้บริหารจากอีจีวี 3 คน คือ นายประสงค์ รุ่งสมัยทอง นายโสภัชย์ สิทธิสมวงศ์ และนายเสริมศักดิ์ ขวัญพ่วง และผู้บริหารจากเมเจอร์ 3 คน คือ นายไบรอัน ฮอลล์ นายอนวัช องค์วาสิฎฐ์ และนายฉัตรภูมิ ขันติวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีการเงิน โดยมีนายวิชัย พูลวรลักษณ์ และนายวิชา พูลวรลักษณ์ เป็นประธานร่วมของคณะทำงาน ปัจจุบันปรับเป็นตัวแทนจากเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ 3 คน ได้แก่ นายวิชา พูลวรลักษณ์ นายไบรอัน ฮอลล์ และนายเฮสเตอร์ ชิว ส่วนอีจีวีเหลือ 2 คน คือ นายวิชัย พูลวรลักษณ์ และนายเสริมศักดิ์ ขวัญพ่วง
ปัจจุบันบริษัทเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ถือหุ้นของอีจีวี เอนเตอร์เทนเมนท์ 100% ส่วนอีจีวี เอนเตอร์เทนเมนท์ถือหุ้นของเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ 17% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ซึ่งสัดส่วน 17% มาจากการที่เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์เพิ่มทุนจดทะเบียนประมาณ 1,500-1,600 ล้านบาท เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา
นายอนวัช วงค์วาสิฏฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัทเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปีหน้าซึ่งถือว่าเป็นปีแห่งเซ็กเมนต์เทชั่นของ เมเจอร์และอีจีวีจึงมีแนวคิดขยายโรงภาพยนตร์โดยการแบ่งระดับโรงเป็น 3-5 ดาวตามทำเลที่ตั้งและกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งขณะนี้ทั้ง 2 ค่ายมีแต่โรงระดับ 4-5 ดาวแล้วและสยามพารากอนระดับ 6 ดาว ส่วนระดับ 3 ดาวกำลังศึกษาความเป็นไปได้ของการสร้างแบรนด์ 3 ดาวอยู่ ภายใต้คอนเซ็ปต์อี-ซีเนม่า ซึ่งจะขายตั๋วราคาถูกประมาณ 80 บาท โดยคอนเซ็ปต์นี้จะเหมาะกับสาขาเดิมตามรอบๆ กรุงเทพฯ หรือปริมณฑล
"ทิศทางการทำตลาดในปีหน้าปีหน้าเมเจอร์และอีจีวีมีโครงการทำแคมเปญขนาดกลางและใหญ่ร่วมกันมากขึ้น โดยจะเน้นการทำตลาดในส่วนของการเพิ่มจำนวนฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น และสร้างความถี่ให้คนมาดูหนังมากขึ้น โดยมีแผนนำระบบความคิดจากต่างประเทศซึ่งเป็นของใหม่เข้ามาพัฒนาระบบความคิดของเรา คาดว่าจะได้เห็นในช่วงต้นปี 2548"
ล่าสุดเมเจอร์และอีจีวีทุ่มงบ 10 ล้านบาท จัดแคมเปญร่วมกันเป็นครั้งแรก "มูฟวี่ กิฟท์ เซเลเบรชั่น" โดยได้ออกบัตรของขวัญอิเล็กทรอนิส์ "กิฟท์ การ์ด" เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่ ในกลุ่มที่ต้องการเลือกซื้อของขวัญในช่วงเทศกาลปีใหม่ และกระตุ้นให้คนมาดูหนังของ2 ค่ายมากขึ้นตลอดปี 2548 โดยบัตรนี้สามารถชมภาพยนตร์ได้ทั้งเมเจอร์และอีจีวีรวม 27 สาขา 240 โรง และ 55,576 ที่นั่ง บัตรขายในราคา 1,000 บาท มี10 ที่นั่ง เปิดขายตั้งแต่ 1 ธ.ค. 47 -31 ม.ค. 48 รวมถึงการจัดโปรโมชั่นพิเศษให้ส่วนลดค่าตั๋วหนังในกลุ่มนักเรียนและผู้หญิง
"แคมเปญนี้คาดว่าจะทำให้ฐานลูกค้าใหม่ที่ยังไม่เคยมาใช้บริการเพิ่มขึ้น 20% และลูกค้าเก่ากลับมาใช้บริการเพิ่มขึ้น คาดว่าจะขายบัตรกิฟท์ การ์ดได้ 40,000 ใบ"
ทั้งนี้ หลังจากการควบรวมกิจการของ 2 ค่ายพบว่า สามารถช่วยลดค่าการตลาดลงประมาณ 30% และมีส่วนแบ่งทางการตลาดรวมเป็น 70% จากตลาดรวมของธุรกิจโรงภาพยนตร์ 3,500 ล้านบาท คาดว่าปีหน้าแชร์จะเพิ่มเป็น 75% ในขณะที่อุตสาหกรรมรวมคาดการณ์ว่าจะโต 15%
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|