เดี่ยวมือหนึ่งแห่งไทยพาณิชย์


นิตยสารผู้จัดการ( สิงหาคม 2539)



กลับสู่หน้าหลัก

ธนาคารไทยพาณิชย์ถือว่าเป็นธนาคารอันดับหนึ่งที่ทุ่มเทงบประมาณ เพื่อพัฒนาระบบเทคโนโลยีให้มีความทันสมัย เท่าทันกับต่างประเทศ โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีการสื่อสารอิเล็คทรอนิกส์สมัยใหม่มาใช้ ที่เราเรียกว่า "อินเตอร์เน็ต" หรือระบบที่ใช้งานแคบลงมาหน่อยก็คือ "อินทราเน็ต" แต่การจะปรับปรุงให้ทันสมัยเพียงใดคงต้องขึ้นอยู่กับวิสัยทัศน์ของผู้บริหารด้วย ว่าให้ความสำคัญในเรื่องนี้มากน้อยเพียงใด

แต่สำหรับผู้บริหารระดับสูงของธนาคารไทยพาณิชย์แล้ว ล้วนให้ความสำคัญกับเรื่องนี้อย่างมาก หนึ่งในคณะผู้บริหารระดับสูงที่ดูแลสายงานทางด้านนี้ก็คือ วิชิต อมรวิรัตนสกุล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานเทคโนโลยี (First Executive Vice President Technology Group) ซึ่งอาจถือว่าเป็นCIO ของธนาคารไทยพาณิชย์ที่ดูแลรับผิดชอบงานใน 4 หน่วยด้วยกันคือ 1.ฝ่ายวิศวกรรมและสารสนเทศ 2.ฝ่ายประมวลผลและเทคโนโลยี 3.ฝ่ายธุรกิจสัมพันธ์ 4.ฝ่ายสำนักงานเทคโนโลยีประยุกต์

วิชิตเล่าว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาธนาคารไทยพาณิชย์มีการปรับปรุงทางด้านเทคโนโลยีเยอะมาก ซึ่งถือว่าเป็นการรีเอ็นจิเนียริ่งอย่างหนึ่งเช่นกัน พร้อมทั้งเล่าว่า

"โครงสร้างของเราที่น่าสนใจก็คือ เราพยายามให้เทคโนโลยีไอทีได้อยู่ใกล้ชิดกับพนักงานทุกๆ คน ไม่ใช่ฝ่ายเทคโนโลยีเท่านั้นที่รู้เรื่องไอทีเป็นอย่างดี"

เดิมฝ่ายเทคโนโลยีมีพนักงานอยู่กว่า 400 คน แต่เมื่อปีที่แล้วทางผู้บริหารเห็นว่าควรเกลี่ยฝ่ายเทคโนโลยีไปอยู่ฝ่ายอื่นๆ บ้าง เช่น ไปอยู่ฝ่ายธุรกิจเพื่อที่ฝ่ายธุรกิจจะได้รู้เรื่องเทคนิค ขณะที่ฝ่ายเทคนิคก็รู้เรื่องธุรกิจและใช้มันได้อย่างดี ปัจจุบันนี้สายงานเทคโนโลยีมีอยู่เพียง 200 คนเท่านั้น และจากการประเมินผลออกมาก็เป็นเรื่องที่น่าพอใจ

และเมื่อความเจริญก้าวหน้าพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว วิชิตเชื่อว่าในอนาคตไทยพาณิชย์น่าจะมีสาขาธนาคารเปิดผ่านอินเตอร์เน็ตได้ ซึ่งขณะนี้ไทยพาณิชย์กำลังอยู่ในขั้นทดลองและคาดว่าจะมีความเป็นไปได้ประมาณปลายปีนี้ หรืออย่างช้าต้นปี 2540 ซึ่งขณะนี้ทางธนาคารมีความพร้อมอยู่แล้ว แต่อยากให้มั่นใจกว่านี้ โดยเฉพาะเรื่องของความปลอดภัย

"อย่างการบริการแบบ SCB Trade ที่เรามีอยู่ก็ถือว่าเป็นการให้บริการแบบอินเตอร์เน็ตอย่างหนึ่ง เพียงแต่ว่าไม่ครอบคลุมเท่านั้น เชื่อว่าอีกสักระยะหนึ่งคงทำได้แบบครบวงจร"

สำหรับปัญหาที่มีอยู่ขณะนี้มี 3 ประการคือ ความพร้อมของลูกค้า ว่ามีความพร้อมเพียงพอหรือยัง ตอนนี้ลูกค้ายังถือว่าเป็นกลุ่มที่แคบมาก ประการต่อมาคือ เรื่องการ License ซึ่งทางธนาคารต้องช่วยกันผลักดันให้มีการแก้กฎหมายบางอย่างที่เกี่ยวกับเรื่อง License เพื่อให้มีความสอดคล้องและคล่องตัวในการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยกฎหมายจะต้องปรับตามให้ทันด้วย ซึ่งในต่างประเทศได้มีการแก้กฎหมายในลักษณะดังกล่าวนี้แล้ว

ประการสุดท้ายคือ เรื่องของความปลอดภัย หากมีการใช้บริการผ่านอินเตอร์เน็ตแบงกิ้งแล้วจะมีความปลอดภัยเพียงไร มีการรั่วไหลหรือไม่

"ซึ่งทางแบงก์เองจะต้องป้องกันไว้อย่างรัดกุม ไม่ให้มีพวกอาชญากรทางคอมพิวเตอร์หรือพวก Hacker หลุดเข้ามากได้ ระยะแรกที่เราจะทำได้ก็คือ การโอนเงินจะต้องเป็นบัญชีเดียวกัน โอนไปมาระหว่างกัน ห้ามโอนข้ามบัญชีเพื่อป้องกันความเสี่ยงในระยะแรก ซึ่งการทำแบบนี้ลูกค้าจะไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควร ดังนั้นหากจะให้บริการแบบนี้อย่างจริงจัง คงต้องพัฒนากันไปอีกสักพัก แต่เรามี Homepage ของเราอยู่ในอินเตอร์เน็ตแล้ว ส่วนอินทราเน็ตกำลังศึกษาคงเห็นเป็นรูปเป็นร่างได้ในปีหน้า"

วิชิตเล่าต่อไปว่า ถึงแม้การเปิดบริการผ่านอินเตอร์เน็ตยังไม่สมบูรณ์แบบในขณะนี้ แต่ไทยพาณิชย์ก็ได้พัฒนาในเรื่องเทคโนโลยีไปไม่น้อยแล้ว เช่น การบริการด้วยระบบ EDI หรือการบริการสื่อสารข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็นเทเลแบงกิ้ง หรือ อินโฟร์แบงกิ้ง หรือวีดิโอแบงกิ้ง

สำหรับการพัฒนาทางด้านนี้ วิชิตบอกว่า ยังคงมีมีต่อไปเรื่อยๆ ทั้งเรื่องใกล้ตัวและไกลตัว รวมทั้งพยายามที่จะนำเอาไอทีมาใช้ในชีวิตประจำวันให้ได้มากที่สุด และให้เห็นว่าเป็นการใช้งานง่ายๆ ไม่ซับซ้อน พร้อมทั้งกล่าวอย่างเชื่อมั่นว่า อินเตอร์เน็ตยังต้องพัฒนาไปอีกไกล และต่อไปจะตองนำมาใช้กับเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ ภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นทีวีหรือวีดีโอ จะเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่พ้น อินเตอร์เน็ตจะไม่ได้หยุดอยู่ที่เครื่องคอมพิวเตอร์เท่านั้น ซึ่งพัฒนาการพวกนี้ไปเร็วมาก

เช่น ธนาคารมีบริษัทลูกที่ชื่อว่า ซิบโก้ ที่รับจองตั๋วเครื่องบินและชำระค่าตั๋วผ่านธนาคาร ใช้ระบบคล้ายอินเตอร์เน็ต เป็นบริการตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งมีข้อมูลอื่นๆ ประกอบ เรียกดูได้ตลอดเวลา

อีกบริษัทหนึ่งคือ แซมโก้ ที่ตั้งมาเพื่อรองรับงานในเครือของไทยพาณิชย์ทั้งหมด ซึ่งเป็นบริษัทที่รับจัดการเรื่องการจัดชากาแฟเพื่อการประชุม

"เรามีบริษัทในเครือเยอะ มีประชุมกันทุกวัน ดังนั้นจึงตั้งบริษัทมารองรับ ดูความพร้อมเรื่องชากาแฟ เค้ก ผลไม้ เมื่อก่อนยุ่งยาก สิ้นเดือนมีบิลใบเสร็จต่างๆ มาเคลียร์เงินเป็นจำนวนมาก ตอนนี้เรา set เข้าคอมพิวเตอร์เป็นราคามาตรฐานไว้เลย ประชุมกี่ที่ เอาเค้กกี่ชิ้น ราคาเท่าไหร่ สิ้นเดือนคิดเงินไม่ต้องใช้กระดาษมากมายเหมือนที่ผ่านมา เราพยายามใช้ไอทีในทุกๆ ส่วนของงาน"

ทางด้านประวัติส่วนตัวนั้น วิชิตถือเป็นผู้ที่คร่ำหวอดในวงการไอทีมาเกือบ 20 ปี โดยจบด้านสถิติ จากจุฬาลงการณ์มหาวิทยาลัย เริ่มงานครั้งแรกที่สำนักงานสถิติแห่งชาติ หลังจากนั้นได้ทุน ADI ขอสหรัฐอเมริกาไปต่อทางด้านคอมพิวเตอร์ที่ไอโอวา จนสำเร็จปริญญาโท กลับมารับราชการที่สำนักงานสถิติต่ออีกกว่า 10 ปี จึงออกมาอยู่ที่ภาคเอกชน โดยทำงานที่บริษัทน้ำมันบางจากในสมัยที่ยังเป็นบริษัทน้ำซัมมิท จนรัฐบาลเอาโรงกลั่นคืนจึงย้ายไปอยู่บริษัทเชลส์ ต่อมาเจอคุณบรรณวิทย์ บุญญรัตน์ ก็ได้ชักชวนมาอยู่ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ในตำแหน่งแรกคือ รองผู้จัดการฝ่ายคอมพิวเตอร์ ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นฝ่ายสารสนเทศและคอมพิวเตอร์ จนปัจจุบันรวมเวลากว่า 12 ปีในตำแหน่งล่าสุดคือผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่อาวุโส



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.