|
ธอส.แบ่งกองโละหนี้หมื่นล. เปิดช่องเอกชนช่วยขาย
ผู้จัดการรายวัน(26 พฤศจิกายน 2547)
กลับสู่หน้าหลัก
ธอส.โละเอ็นพีแอลหมื่นล้าน โดยวิธีแบ่งกองขายประเดิมต้นปีหน้า หวังลดยอดเหลือ 7-8% จาก 10.09% เผยเตรียมเปิดทางให้เอกชนเข้ามาบริหารงานขาย ฟุ้งยอดปล่อยสินเชื่อโครงการปรส.-ธอส. เฉียด 2 แสนล้าน เตรียมเจรจาคลัง-กระทรวงแรงงานฯ ขอเพิ่มวงเงินกู้ ล่าสุดจับมือบบส.ปล่อยกู้ลูกค้าซื้อบ้านในโครงการ Consortium เบื้องต้น 5,000 ล้านบาท
นายขรรค์ ประจวบเหมาะ กรรมการ ผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยถึงแนวทางการบริหารจัดการหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ว่า ปัจจุบันธนาคารมีเอ็นพีแอลจำนวน 40,000 ล้านบาท คิดเป็น 10.09% ของสินเชื่อทั้งพอร์ต โดยล่าสุดบริษัทหลักทรัพย์ฟาร์อีส จำกัด เป็นที่ปรึกษาการแก้ไขเอ็นพีแอล ได้เสนอแผนต่อคณะกรรมการและที่ประชุมธอส.มีมติให้ขาย เอ็นพีแอล ด้วยวิธีการแยกเอ็นพีแอลออกเป็นกองๆ ละประมาณ 3,000-5,000 ล้านบาท ทั้งนี้ในแต่ละกองจะประกอบด้วยเอ็นพีแอลที่อยู่ในเขตกรุงเทพฯและส่วนภูมิภาค
ทั้งนี้ ในต้นปี 2548 ธอส.มีแผนที่จะขายเอ็นพีแอลอย่างน้อย 3 กอง มูลค่าร่วมประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้พอร์ต เอ็นพีแอลของธอส.ลดลงเหลือประมาณ 7-8% อย่างไรก็ดี ภายในสิ้นปีนี้คาดว่าเอ็นพีแอลจะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 9.90%
"แผนการระบายเอ็นพีแอล นอกจากวิธีแยกกองขายดังกล่าวแล้ว ธอส. ยังเตรียมที่จะให้บริษัทเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญด้านการขาย เอ็นพีแอลเข้ามาบริหารงานขายให้ระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งหากขายดีหรือผลงานเข้าตาก็จะให้ขายต่อไป อย่างไรก็ดีธอส.ยังไม่มีแผนจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ หรือเอเอ็มซีของตัวเองในตอนนี้ เพราะขัดต่อพระราชบัญญัติธอส.ที่ไม่อนุญาตให้ดำเนินการได้" นายขรรค์กล่าว
สำหรับยอดปล่อยสินเชื่อใหม่ของธอส. ในช่วง 10 เดือนของปี 2547 (1 ม.ค.-15 พ.ย.) มีทั้งสิ้น 90,000 ล้านบาท โดยเฉลี่ย เดือนละ 9,000 ล้านบาท คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะสามารถปล่อย สินเชื่อได้ 1 แสนล้านบาท ซึ่งนับว่าเป็นปีแรกนับจาก ปี 2540 ที่ธอส.สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้สูงถึง 1 แสนล้านบาท อย่างไรก็ดี ธอส.มีสินเชื่อคงค้างจำนวน 3.9 แสนล้านบาท และคาดว่าสิ้นปีจะมี สินเชื่อคงค้างอยู่ในพอร์ตถึง 4 แสนล้านบาท
ในส่วนของโครงการปรส.-ธอส. สำหรับ ผู้ประกันตนนั้นขณะนี้มียอดผู้ขอสินเชื่อเข้ามาประมาณ 1.6 แสนราย มูลค่า 1.1 แสนล้านบาท และอยู่ระหว่างการพิจารณาอีก 50,000 ราย รวมแล้วคาดว่าจะมีผู้ประกันตนผ่านการพิจารณาประมาณ 2 แสนราย มูลค่า 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งผู้ประกันตนที่เข้ามาขอสินเชื่อเฉลี่ยรายละ 6 แสนบาท และจากความต้องการที่มีจำนวนมากดังกล่าว ทำให้ธอส.ได้รายงานเรื่องดังกล่าวให้กับทางกระทรวงการคลังและกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมรับทราบ เพื่อพิจารณาอนุมัติวงเงินเพิ่มเติม
จับมือบบส.ปล่อยกู้รายย่อย Consortium
วานนี้ (25) ธอส.ได้ลงนามในข้อตกลงเบื้องต้น (เอ็มโอยู) กับบรรษัทบริหารสินทรัพย์สถาบันการเงิน (บบส.) ในการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้กับลูกค้าที่ซื้อบ้านในโครงการกิจการร่วมทำ (Consortium) เพื่อสนับสนุนให้ผู้บริโภคมีบ้านเป็นของตนเองได้เร็วขึ้น โดยธอส.จะให้การสนับสนุนสินเชื่อรายย่อยสำหรับลูกค้าที่ซื้อบ้านในโครงการ Consortium ที่ร่วมกับ บบส.ในทุกโครงการ
สำหรับอัตราดอกเบี้ยที่ธอส.คิดกับลูกค้ารายย่อยในโครงการ Consortium จะคิดอัตราดอกเบี้ยปกติ คงที่ 3 โดยปีที่ 1 คิด 3%, ปีที่ 2 คิด 4% ปีที่ 3 คิด 5% หลังจากนั้นคิดตามอัตราดอกเบี้ย MRR ปกติของธอส. อย่างไรก็ดี ธนาคารอยู่ระหว่างการพิจารณาออกผลิตภัณฑ์สินเชื่อใหม่ในปี 2548 โดยจะคิดเป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 5.25-5.55%
"ลูกค้าต้องเข้าใจว่าการคงอัตราดอกเบี้ยระยะยาวอัตราดอกเบี้ยก็ต้องสูงตาม แต่ในปัจจุบันธนาคารมีโครงการที่ร่วมกับสำนักงานประกันสังคมในโครงการสปส.-ธอส.สำหรับผู้ประกันตน ซึ่งคิดดอกเบี้ย 2.5% คงที่ 5 ปี คงจะต้องรอให้โครงการนี้เสร็จสิ้นก่อนถึงจะออกโปรดักต์สินเชื่อใหม่ได้ คาดประมาณต้นปีหน้า"
นายขรรค์ กล่าวต่อว่า ความร่วมมือดังกล่าวจะทำให้ธอส.สามารถขยายฐานการปล่อยสิเชื่อได้มากขึ้น อีกทั้งจะได้ลูกค้าสินเชื่อและหลักประกันที่มีคุณภาพโดยผ่านการกลั่นกรองจากบบส. ทำให้ลด ขั้นตอนการประเมินราคาหลักประกัน นอกจากนี้บบส.ยังควบคุมงานก่อสร้างให้เป็นไปตามกำหนดเวลา
นายสิน เอกวิศาล กรรมการผู้จัดการ บรรษัทบริหารสินทรัพย์สถาบันการเงิน (บบส.) กล่าวว่า สินเชื่อที่ธอส.ปล่อยให้ครั้งนี้จะรองรับโครงการ Consortium ที่ผ่านมาในทุกโครงการ และที่กำลังจะพัฒนาขึ้นในอนาคต ที่ปัจจุบันมีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการดังกล่าวรวมทั้งสิ้น 12 โครงการ มูลค่า 3,146 ล้านบาท และในปี 2548 บบส.ได้กำหนดเป้าหมายเปิดให้เอกชนเข้าร่วมโครงการอีกอย่างน้อย 14 โครงการ โดยเน้นไปที่ส่วนภูมิภาค ซึ่งขณะนี้ได้มีการเจรจาเบื้องต้นแล้วจำนวน 15 ราย มูลค่าโครงการรวม 2,648 ล้านบาท
และเพื่อเป็นการรองรับการขยายตัวดังกล่าวบบส.ได้ร่วมมือกับธอส.ซึ่งเป็นสถาบันการเงินแห่งแรกที่ให้การสนับสนุนสินเชื่อรายย่อยในโครงการ Consortium โดยในเบื้องต้นมีจำนวน 6,500 ยูนิต คิดเป็นวงเงินสินเชื่อประมาณ 5,000 ล้านบาท นอกจากนี้ กรณีที่บ้านยังสร้างไม่สร้าง ธอส.จะให้สิทธิพิเศษ โดยพิจารณาอนุมัติสินเชื่อระหว่างก่อสร้างซึ่งจะส่งผลให้เจ้าของโครงการได้รับการสนับสนุนด้านแหล่งทุนทางอ้อมเพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนค่าก่อสร้าง เป็นต้น
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|