สมถวิล นักวิชาการสิ่งแวดล้อมของเชลล์


นิตยสารผู้จัดการ( กรกฎาคม 2535)



กลับสู่หน้าหลัก

สำหรับนักวิจัยด้านสิ่งแวดล้อมระดับประเทศ ชื่อ สมถวิล ปธานวนิช เป็นชื่อที่จะได้ยินผ่านหูเห็นผ่านตาอย่างน้อยที่สุดหนึ่งครั้ง

โดยเฉพาะผู้ที่ติดตามความเคลื่อนไหวของเนื้อหา และท่าทีของไทยในการประชุมสุดยอดสิ่งแวดล้อมโลกของสหประชาชาติ หรือที่เรียกกันว่า Earth Summit

เพราะเธอเป็นหนึ่งในคณะอนุกรรมการศึกษาข้อมูลและหานโยบายแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมโลก เพื่อใช้พิจารณาในการกำหนดบทบาทของประเทศไทยในเวทีโลกให้ชัดเจนขึ้น

ในขณะนั้นเธอเป็นนักวิจัยของมูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ TDRI นำทีมวิจัยหัวข้อเรื่องการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก หรือ Global Climate Change โดยศึกษาการใช้พลังงานในประเทศไทยว่า มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gas) ซึ่งมีตัวหลักๆ ก็คือคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่อากาศในปริมาณจำนวนเท่าไร และส่งผลกระทบต่ออุณหภูมิของโลกสูงขึ้น (Global Warming) มากหรือน้อยเพียงใด

ผลงานวิจัยทั้งหมดพิมพ์เสร็จเป็นเล่มเรียบร้อยแล้วก่อนที่การประชุม Earth Summit จะเริ่มขึ้นเมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

ในระหว่างที่เอกสารเหล่านี้อยู่ในมือของผู้ร่วมประชุมที่ริโอ เดอ จาเนโร ประเทศบราซิล เธอกำลังอยู่ในระหว่างเริ่มงานใหม่ในตำแหน่ง Business & Strategic Planning Manager ที่บริษัทเชลส์

เป็นการทำงานครั้งแรกในภาคธุรกิจเอกชน

"งานที่เชลส์ต่างจากงานเก่าตรงที่ เมื่อก่อนทำวิจัยทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวม เพื่อกำหนดแนวทางนโยบายเสนอต่อรัฐบาล แต่พอมาทำที่เชลส์งานวิจัยจะแคบลงเป็นระดับเอกชน ไม่ใช่ระดับประเทศ และบริษัทเป็นบริษัทใหญ่ ดิฉันเป็นเพียงผู้จัดการเท่านั้นเองที่พอใจได้ทำสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน งานตรงนี้เป็นงานวิเคราะห์และวางแผนข้อมูล และข้อเสนอแนะต่างๆ ก็จะเสนอผู้บริหารระดับสูงขึ้นไปเท่านั้น" สมถวิลเปรียบเทียบงานใหม่กับที่เดิมซึ่งเคยร่วมงานอยู่นานถึง 3 ปีเศษให้ "ผู้จัดการ" ฟัง

สำหรับเธอแล้วอาจจะเห็นว่าบทบาทการทำงานจำกัดวงแคบลงกว่าเดิม จากที่เคยร่วมประชุมระดับชาติหลายครั้ง เล็กลงสู่ระดับเอกชนเท่านั้น

แต่ถ้าหมุนมามองในด้านของบริษัทแล้ว การได้เธอมาร่วมงานนับว่าเป็นการเข้ามาในช่วงจังหวะที่เหมาะ ที่เอกชนจำต้องใส่ใจต่อข้อตกลงเรื่องสิ่งแวดล้อมในระดับโลกให้มากขึ้น

โดยเฉพาะบริษัทเชลส์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมน้ำมันซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีการถกเถียงในการประชุมEarth Summit จนมีผลสรุปและเขียนอยู่ในแผนปฏิบัติการสิ่งแวดล้อมโลกสำหรับศตวรรษที่ 21 (Agenda 21) ว่าน้ำมันและแก๊สเป็นตัวการอันดับหนึ่งที่เป็นสาเหตุให้โลกมีอุณหภูมิสูงขึ้น ฉะนั้นจึงควรหาหนทางใช้พลังงานอื่นที่บริสุทธิ์กว่าทดแทน

รายละเอียดเกี่ยวกับข้อผูกพันเรื่องนี้ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องคงต้องศึกษาให้กระจ่าง เพราะรัฐบาลไทยได้ลงนามเซ็นรับรองอนุสัญญาว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลกแล้วในการประชุม Earth Summit ที่เพิ่งเสร็จสิ้นไป

ที่จริงแล้วปัญหาที่เกิดจากความไม่ลงตัวระหว่างสิ่งแวดล้อมกับธุรกิจ สำหรับบริษัทเชลส์เคยมีประสบการณ์เรื่องนี้มาแล้วในอดีตเมื่อ 4 ปีก่อน ตอนนั้นเชลส์มีโครงการลงทุนปลูกป่ายูคาลิปตัส ชื่อว่า "โครงการสวนป่าวนาธร" ในบริเวณป่าสงวนแห่งชาติขุนซ่อง อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี บนพื้นที่ขนาดใหญ่ถึง 282,500 ไร่

แต่โครงการดังกล่าวมีเหตุต้องล้มเลิก เพราะมีเสียงคัดค้านแรงมากจากนักอนุรักษ์และประชาชนในแถบนั้น อีกทั้งในระยะเวลาไล่เลี่ยกันที่เชลส์กำลังจะเริ่มโครงการ ก็เกิดกรณีปัญหาสวนป่ายูคาลิปตัสของ กิตติ ดำเนินชาญวนิชย์ บุกรุกพ้นที่ในเขตของกรมป่าไม้ จนทำให้เกิดการทบทวนเรื่องการปลูกป่าประเภทนี้ว่า มีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมอย่างไรบ้าง เชลส์จึงตัดสินใจล็อกกุญแจปิดตายโครงการสวนป่า

จากปัญหาเรื่องจุดสมดุลยของสิ่งแวดล้อมกับธุรกิจของเชลส์ในอดีตและที่กำลังจะมีมาอีกในอนาคตอันใกล้นี้ การมีบุคลากรที่เข้าใจเรื่องสิ่งแวดล้อมและสังคมไทยเช่นนี้ นับว่าเป็นความฉลาดของเชลส์

ด้วยเหตุนี้เมื่อกลับมามองในมุมของสมถวิลแล้ว เธอมีประสบการณ์ด้านนี้มากทีเดียว นอกจากจะมีความเชี่ยวชาญเรื่องการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศโลก เพราะว่าทำวิจัยมากับมือ และเคยร่วมการเจรจาต่อรอง ก่อนการลงนามหลายครั้งหลายครา เธอยังเคยศึกษาระดับปริญญาเอกด้าน Energy management % Policy จากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย เคยทำารศึกษาเรื่องผลกระทบของซัลเฟอร์ไดออกไซด์ที่เกิดจากโรงไฟฟ้าพลังความร้อนที่ใช้ลิกไนต์ อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง เมื่อครั้งที่อยู่ TDRI

บวกด้วยปริญญาโททางด้านเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ความรู้วิทยาศาสตร์ทางทะเล จากคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และความเป็นนักปฏิบัติที่ผ่านงานกิจกรรมสังคมมากพอควร เริ่มตั้งแต่เป็นประธานเชียร์รุ่นแรกของนักเรียนบดินทรเดชา

เป็นอาสาสมัครศูนย์ฝึกเยาวชนแบบผสมผสานที่อุทัยธานีหนึ่งปีเต็ม หลังจากจบชีวิตนิสิต ต่อด้วยเป็นผู้ช่วยวิจัยโครงการศึกษาประวัติศาสตร์จากการบอกเล่า (Oral History Project) โดยมีหน้าที่สัมภาษณ์นักการเมืองและบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องเหตุการณ์การเมืองสำคัญ นับตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 จนถึงวันมหาวิปโยค 6 ตุลาคม 2519 เพื่อค้นหาว่า อะไรเป็นปัญหาและอุปสรรคของการพัฒนาระบอบประชาธิปไตยไทย

จากประวัติการทำงานของเธอ ซึ่งครอบคลุมทั้งเศรษฐกิจ การเมือง สังคมและสิ่งแวดล้อม นับว่าเธอมีความพร้อมในด้านวิชาการเต็มที่ที่จะสามารถทำประโยชน์ให้กับบริษัทเชลส์ ส่วนทางเชลส์ก็มีโลกธุรกิจให้เธอเรียนรู้และฝึกปรือเพิ่มขึ้นไม่แพ้กัน

"บางคนพูดว่าเคยทำงานในองค์กรเพื่อส่วนรวม แล้วเปลี่ยนมาทำกับเอกชนจะกลายเป็นคนขายตัว เสียความคิดความอ่านของตัวเอง ดิฉันคิดว่ามันคนละเรื่องกัน เขาถึงมีคำพูดว่าทำธุรกิจต้องมีจริยธรรมด้วย คนเราถ้ามีคุณธรรมและจริยธรรมแล้ว ไม่ว่าจะทำอะไรก็คงไม่เสียส่วนนี้ไปง่ายๆ" สมถวิลบอกเล่าความคิดกับ "ผู้จัดการ"

การประสานมือกันระหว่างธุรกิจและสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ในยุคสมัยนี้ การปรับทิศทางแนวบริหารงานและเตรียมบุคลากรตอบรับ จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นที่ปฏิเสธไม่ได้เช่นกัน



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.