เซ็นทรัลกรุ๊ปปรับโครงสร้างองค์กร ดันคนรุ่นใหม่สานต่อ 5 กลุ่มธุรกิจ


ผู้จัดการรายวัน(5 มีนาคม 2545)



กลับสู่หน้าหลัก

นายวันชัย จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการ เซ็นทรัล กรุ๊ป เปิดเผยว่า เหตุการณ์วิกฤตเศรษฐกิจตั้งแต่ปี 2540 ที่ผ่านมาทำให้ผู้บริหารระดับสูงของเซ็นทรัลได้พิจารณาถึงความมั่นคงในธุรกิจ และเห็นว่าการแข่งขันในยุคนี้ต้องเผชิญกับการแข่งขันทั้งภายในและภายนอกประเทศ จึงทำให้คณะผู้บริหารของเซ็นทรัล ตัดสินใจที่จะปรับโครงสร้างการบริหารงานอย่างจริงจัง โดยได้นายวิโรจน์ ภู่ตระกูล ที่ปรึกษาของเซ็นทรัลกรุ๊ป เข้ามาช่วยจัดระบบโครงสร้างการบริหารงานใหม่ให้

“การปรับโครงสร้างครั้งนี้ นอกจากจะทำให้เกิดความชัดเจนในเรื่องการบริหารงานมากขึ้นแล้ว ยังเป็นการเปิดโอกาสให้คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ในตระกูลที่มีความรู้ ความสามารถ และความพร้อม ได้แสดงฝีมือให้เต็มที่อีกด้วย”

ทางด้านนายสุทธิชัย จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร เซ็นทรัลกรุ๊ป เปิดเผยว่า สาเหตุของการปรับโครงสร้างในครั้งนี้เป็นเพราะแต่เดิม ธุรกิจของเซ็นทรัลเป็นธุรกิจแบบครอบครัว ของตระกูลจิราธิวัฒน์ ที่ไม่มีคณะกรรมการบริหาร หรือที่เรียกว่า บอร์ด เช่นการบริหารขององค์กรขนาดใหญ่ ที่เป็นมืออาชีพ ทำให้การตัดสินใจทำธุรกิจที่ผ่านมาใช้การติดสินใจเพียงกลุ่มคนไม่กี่คน และบางครั้งก็ขาดการศึกษาที่ละเอียดในการทำธุรกิจ

ดังนั้น ทางครอบครัวจิราธิวัฒน์ จึงมีความเห็นที่จะให้จัดตั้งบริษัทผู้ถือหุ้นขึ้น (Holding Company) ซึ่งขณะนี้เรียกชื่อว่า เซ็นทรัลกรุ๊ป หรือ ซีจี และเมื่อเดือนตุลาคม 2544 ได้มีการตั้ง ซีจีบอร์ด เพื่อทำหน้าที่กำหนดนโยบายและทิศทางของเซ็นทรัลกรุ๊ป ในระยะยาว มีอำนาจแต่งตั้งและถอดถอนผู้บริหารตามองค์กร โดยมีคณะกรรมการทั้งหมด 15 คน มี นายวันชัย จิราธิวัฒน์ เป็นประธานกรรมการ คณะกรรมการชุดนี้จะประชุมปีละ 4-5 ครั้ง

สำหรับการกำหนดยุทธศาสตร์ซึ่งเป็นหัวใจของการบริหารจัดการนั้น ได้ตั้งคณะกรรมการบริหารที่เรียกว่า Executive Committee ขึ้นมาชุดหนึ่ง มีหน้าที่รับผิดชอบยุทธศาสตร์ระยะยาว และกำกับดูแลการดำเนินธุรกิจให้เป้นไปตามเป้าหมายและความต้องการของผู้ถือหุ้น หรือ ซีจีบอร์ด

ปัจจุบันซีจี บอร์ด ได้แต่งตั้งกรรมการของ Executive Committee ไปแล้ว 7 คน (จาก 10 คน) โดยมีนายสุทธิชัย จิราธิวัฒน์ เป็นประธานกรรมการบริหาร นายสุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์ เป็นรองประธาน นายสุทธิชาติ ดูแลด้านทรัพยากรมนุษย์ นายสุทธิศักดิ์ และนายสุทธิธรรม ดูแลด้านปฏิบัติการ นายปริญญ์ ดูแลด้านการเงิน และนายวิโรจน์ ภู่ตระกูล เป็นกรรมการบริหารทั่วไป

คณะกรรมการของ Executive Committee ชุดนี้ เมื่อพิจารณาแล้วจะเห็นว่าคือกลุ่มอาวุโสของตระกูลจิราธิวัฒน์ ที่ผ่านการบริการธุรกิจของเซ็นทรัลกรุ๊ปมาอย่างยาวนาน และคณะกรรมการชุดนี้จะทำหน้าที่คัดเลือกกรรมการผู้จัดการใหญ่ ของทั้ง 5 สายธุรกิจ ประกอบด้วย สายธุรกิจการค้าปลีก ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจการค้าส่ง และธุรกิจอาหาร

โดยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ของ 5 กลุ่มธุรกิจที่ถูกวางตัวเอาไว้แล้วนั้น ได้แก่ นายทศ จิราธิวัฒน์ ที่จะมารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายธุรกิจการค้าปลีก (เซ็นทรัลรีเทล) แทนนายสุทธิชาติ ที่นั่งบริหารงานมานานกว่า 5 ปี

ส่วนสายธุรกิจการค้าส่ง นายพิชัย จิราธิวัฒน์ เดิมเป็นกรรมการผู้จัดการ บริษัท เซ็นทรัลเทรดดิ้ง มารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่สายธุรกิจการค้าส่ง แทนนายสุทธิศักดิ์

สำหรับอีก 3 ธุรกิจหลักที่เหลือนั้นยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ เนื่องจากเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แจ่ก็เป็นที่คาดการณ์ว่า ในกลุ่มธุรกิจโรงแรม นายสุทธิเกียรติ ยังได้รับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ เช่นเดิม เนื่องจากนายวันชัย ให้เหตุผลว่า กลุ่มธุรกิจโรงแรม มีโครงการจะสร้างโรงแรมใหม่อีก 3 แห่ง จึงต้องการให้คนที่มีความรู้ความเข้าใจงานด้านนี้ดูแลอย่างใกล้ชิด

ส่วนสายธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หรือบริษัทเซ็นทรัลพัฒนานั้น คาดว่าบุคคลที่มีความเหมาะสมที่จะมารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่แทนนายสุทธิธรรม น่าจะเป็นนายกอบชัย ซึ่งเป็นบุตรชายของนายวันชัย จิราธิวัฒน์ ส่วนสายธุกิจอาหารนั้น ยังไม่ยืนยันว่าจะเป็นบุคคลใดเป็นผู้บริหาร

นอกจากการตั้งคณะกรรมการบริหารสองชุดนี้แล้ว ยังตั้งสมัชชาครอบครัวขึ้น เพื่อทำหน้าที่ดูแลผลประโยชน์ให้แก่ตระกูลจิราธิวัฒน์ ที่ปัจจุบันมีถึง 150 คน โดยคณะกรรมการชุดนี้จะทำหน้าที่ดูแลด้านการศึกษา ด้านสุขภาพ และความเป็นอยู่ เพื่อให้สมาชิกทุกคนได้รับผลประโยชน์จากการลงทุนของตระกูล ที่มีทรัพย์สินอยู่ในเซ็นทรัลกรุ๊ปกว่า 20,000 ล้านบาท ให้มีความเท่าเทียมกัน

นายสุทธิชัย กล่าวว่า สำหรับทิศทางของเซ็นทรัลกรุ๊ป ในช่วง 2 ปีนับจากนี้ไป จะไม่มีการขยายธุรกิจเนื่องจากโครงการที่ดำเนินการอยู่ก็มีมากพอแล้ว โดยโครงการของกลุ่มเซ็นทรัลพัฒนาจะมีอยู่ 2 โครงการ ที่กำลังก่อสร้าง คือ ซูนย์การค้าเซ็นทรัล พระราม 2 และศูนยการค้า เซ็นทรัล แอร์พอร์ต เชียงใหม่ และในปีนี้คาดว่าจะมีอีก 2 โครงการที่มีความเป็นไปได้ก็คือ โครงการเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ส่วนอีกโครงการหนึ่งคาดว่าน่าจะเป็นศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ หรือโซโก้ โดยจะใช้เงินลงทุนประมาณ 10,000 ล้านบาท

สำหรับธุรกิจโรงแรมที่จะมีการก่อสร้างอีก 3 โครงการประกอบด้วย โรงแรมเซ็นทรัล กระบี่ ,กะรน และพัทยา ซึ่งจะใช้เงินลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาท

ด้านสายธุรกิจค้าปลีกนั้น ในส่วนของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ก็จะเปิดตามศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า เป็นหลัก และยังไม่มีแผนที่จะขยายเพิ่มในช่วงนี้

ส่วนธุรกิจค้าส่ง ก็เป็นการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยเป็นหลัก ส่วนสายธุรกิจอาหารก็ยังดำเนินการไปตามเดิม

ด้านเป้าหมายการเติบโตของเซ็นทรัลกรุ๊ปนั้น นายสุทธิชัย กล่าวว่า ได้มีการตั้งเป้าหมายการเติบโตไว้ปีละ 15% โดยแต่ละกลุ่มธุรกิจจะต้องเติบโตไม่น้อยกว่าปีละ 10% โดยปี 2540 เซ็นทรัลกรุ๊ปมียอดรายได้ 30,000 ล้านบาท ส่วนปี 2544 มีรายได้ 42,000 ล้านบาท และในปีนี้คาดว่าจะมีรายได้ 50,000 ล้านบาท



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.