|
กลุ่มอีจีวียกขบวนซื้อหุ้น IRCP มนตรีนำเงินลดภาระดอกเบี้ย
ผู้จัดการรายวัน(15 พฤศจิกายน 2547)
กลับสู่หน้าหลัก
ผู้บริหารอีจีวีเข้าถือหุ้นในไออาร์ซีพี 11.3% ในราคาหุ้นละ 7.70 บาท ได้เงินจำนวน 53.9 ล้านหุ้น เพื่อหวังนำเงินไปลดภาระดอกเบี้ยปีละ 3 ล้านบาท และนำเงินไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ชี้ปีนี้รายได้พลาดเป้า เหตุจากงานภาครัฐเลื่อนการประมูลมูลค่ากว่า 4 พันล้านบาท ชี้ปีหน้าเข้าร่วมประมูลไม่ต่ำกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท
นายมนตรี ฐิรโฆไท ประธานเจ้าหน้าที่ ปฏิบัติการบริษัทอินเตอร์เนชั่นแนล รีเสริช คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (IRCP) เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติให้เสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ ให้กับนักลงทุนเฉพาะเจาะจง (PP) จำนวน 7 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 11.3% ของทุนจดทะเบียน
ซึ่งจะเสนอขายให้แก่กลุ่มผู้บริหารของบริษัทอีจีวี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ (EGV) ซึ่งประกอบด้วย นายวิชัย พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จำนวน 3 ล้านหุ้น, นางนลินรัตน์ พูลวรลักษณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานกรรมการและผู้ถือหุ้น จำนวน 3 ล้านหุ้น และนายวิชิต เครือวัฒนกุล จำนวน 1 ล้านหุ้น เสนอขายในราคาหุ้นละ 7.70 บาท คิดเป็นจำนวนเงินที่ได้รับจากการขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 53.9 ล้านบาท
สำหรับราคาจอง 7.70 บาทนั้น มาจากราคาเฉลี่ย 10 วัน ซึ่งจะอยู่ที่ระดับ 9.53 บาท และมีส่วนลดไม่เกิน 20% ซึ่งจะอยู่ในระดับ 7.72 บาท ดังนั้น ระดับราคาที่เสนอขาย 7.70 บาท จึงถือเป็นระดับราคาที่ต่ำสุดแล้ว
ทั้งนี้ เงินที่ได้จากการระดมทุนจะสามารถนำไปใช้ในการลดภาระดอกเบี้ยจ่ายของบริษัทได้ประมาณ 3 ล้านบาทต่อปี จากปัจจุบันที่บริษัทมีหนี้สินหมุนเวียนจำนวน 268 ล้านบาท และเงินที่เหลือจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อขยายธุรกิจ สิ้นปี 2546 บริษัทมีหนี้สินต่อทุนประมาณ 0.87 เท่า ขณะที่ใน 9 เดือนแรกของปี 2547 จำนวนหนี้สินต่อทุนเพิ่มขึ้นเป็น 1.26 เท่า
นอกจากนี้ บริษัทยังมีมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นสามัญจำนวน 2.75 ล้านหุ้น ให้แก่กรรมการและพนักงานของบริษัทไม่เกิน 35 ราย และอนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นสามัญให้แก่กรรมการและพนักงานที่ได้รับการจัดสรรหุ้นเกินกว่า 5% ทุกราย รวมทั้งจะออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ (วอร์แรนต์) เพื่อจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 100 หุ้นเดิมต่อ 44 วอร์แรนต์
คณะกรรมการยังได้อนุมัติการลงทุนในบริษัทย่อยใหม่ คือบริษัทอินเทลลิเจนท์ เอ็นเตอร์ไพรส์ คอมพิวติ้ง (INEC) ซึ่งมีทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท และบริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 60% และกลุ่มผู้บริหาร INEC ถือหุ้น 40% โดยวัตถุประสงค์การลงทุนเพื่อขยายการให้บริการแบบครบวงจรในธุรกิจ Software Solution
นายมนตรีกล่าวว่า คณะกรรมการบริษัทยังได้มีมติอนุมัติการลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) กับบริษัท Scandent Group Pte.Ltd, Singapore (SCANDENT) โดยทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกันเพื่อพัฒนาและขยายฐานการให้บริการรวมไปถึง กิจกรรมการรวบรวมระบบ, ผลิตภัณฑ์, โครงงานและระบบงานด้านไอซีทีตลอดจนความร่วมมือ
นายจำรัส สว่างสมุทร ประธานกรรมการบริหาร บริษัทอินเตอร์เนชั่นแนล รีเสริช คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในปีนี้คาดว่าจะมียอดขายประมาณ 830 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าประมาณการที่กำหนดไว้ช่วงต้นปีที่คาดว่าจะมียอดขายประมาณ 1 พันล้านบาท เนื่องจากโครงการของภาครัฐที่ได้เลื่อนไปซึ่งมีมูลค่ากว่า 4 พันล้านบาท
ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้ 2 ด้าน คือจากงานประมูลภาครัฐประมาณ 348 ล้านบาท หรือ 57.9% และจากโครงการประมูลภาคเอกชนจำนวน 253 ล้านบาท และโครงการประมูลภาคเอกชนจำนวน 253 ล้านบาท หรือ 42.1% นอกจากนี้บริษัทจะมี รายได้เข้ามาอีก 91.5 ล้านบาท โดยในไตรมาสที่ 4 จะมีการรับรู้จำนวน 80% โดยคาดว่าภายในปีนี้บริษัทจะมีรายได้ทั้งปีเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 16% ซึ่งสูงกว่าอัตราอุตสาหกรรมโดยรวมที่คาดว่าจะโต 10%
สำหรับภายในปีหน้านั้นบริษัทจะเข้าประมูลงานภาครัฐมากกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งได้แก่การเข้าร่วมประมูลโครงการพัฒนาระบบให้บริการหนังสือเดินทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ของประเทศไทย ซึ่งมีมูลค่าโครงการประมาณ 7 พันล้านบาท และมีโครงการที่เลื่อนจากปีนี้อีก 4 พันล้านบาท
นายวิชัย พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทอีจีวี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สาเหตุที่บริษัทเข้าถือหุ้นในบริษัทไออาร์ซีพีเนื่องจากถือเป็นบริษัทที่มีศักยภาพและมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการลงทุนจะได้รับผลตอบแทนทั้งในแง่ของเงินปันผลซึ่งในปีที่ผ่านมาบริษัทได้จ่ายปันผล 0.75 บาท หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนประมาณ 6%
นอกจากนี้ ภายในปีหน้าบริษัทจะมีการประมูลงานภาครัฐไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งทำให้บริษัทมีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดด ทั้งนี้ การที่บริษัทได้งานประมูลทำให้มีฐานะการเงินมั่นคง โดยผลตอบแทนที่ได้รับไม่ใช่ในแง่ของเงินปันผลเท่านั้น แต่ยังได้เป็นการสร้างโอกาสในการลงทุนที่ดี และที่ผ่านมาโรงภาพยนตร์อีจีวีจะมีรายจ่ายจากด้านไอทีค่อนข้างมาก ซึ่งการที่ไออาร์ซีพีเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านซอฟต์แวร์ ทำให้สามารถพัฒนาวิสัยทัศน์การดำเนินงานร่วมกันได้
นายวิชัยกล่าวว่า การลงทุนในบริษัทไออาร์ซีพีครั้งนี้เป็นการลงทุนส่วนตัวเท่านั้นและไม่ได้เข้าไปร่วมเป็นกรรมการของบริษัทแต่อย่างใด และถ้ามีโอกาสก็พร้อมที่จะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นอีก เพราะภาวะตลาดหุ้นโดยรวมขณะนี้ราคาหุ้น ปรับตัวลดลง จึงถือว่ามีความน่าสนใจและขณะนี้ยังไม่มีความสนใจที่จะลงทุนในธุรกิจอื่นๆ เพิ่มเติมแต่อย่างใด
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|