แบงก์กรุงเทพปรับแผนสาขาต่างประเทศครั้งใหญ่ เร่งลดต้นุทน หารายได้เพิ่ม
เพื่อแข่งขันกับธนาคารจากซีกโลกตะวันตกที่ซื้อกิจการในเอเชียเป็นว่าเล่น
วางสาขาฮ่องกงเป็นศูนย์กลางคุมสาขาเอเชียตะวันออก และสาขาสิงคโปร์คุมสาขาอินโดนีเซียและมาเลเซีย
รวมถึงการสร้างศูนย์คอมพิวเตอร์ ที่แบงก์มีสิทธิโยกย้ายพนักงานครั้งใหญ่
นายประสงค์ อุทัยแสง กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ สายกิจการธนาคารต่างประเทศ
ธนาคารกรุง
เทพ เปิดเผยผลดำเนินงานส่วนกิจการธนาคารต่างประเทศปี 2544 ว่า กำไรสุทธิมากกว่า
700 ล้านบาท ซึ่งดีขึ้นเทียบกับปี 2543 เนื่องจากปรับเปลี่ยนระบบการทำงานองค์กร
และผลจากการทำงานหนักของทุนฝ่ายในธนาคาร
นโยบายดำเนินกิจการธนาคารต่างประเทศปีนี้ มุ่งไม่ให้เกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นขณะเดียวกันพยายามปรับโครงสร้างหนี้รายเดิมให้ลดมากที่สุด
และเน้นตั้งเงินสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจำนวนหนึ่ง ทำให้ฐานะการเงินสายงานต่างประเทศมีความมั่นคงสูง
นอกจากนี้จะเริ่มเปลี่ยนแปลงโครงสร้างระบบการทำงาน (Infrastructure) พร้อมกับการทำ
Bualuang Transformation (BT) กิจการในประเทศ คาดว่าใช้เวลาดำเนินการ 3 ปี
ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ถือว่าจำเป็นมาก เพราะการทำธุรกิจในเอเชียกำลังเปลี่ยนอย่างมาก
ธนาคารจากตะวันตกซื้อธนาคารท้องถิ่นในเอเซียจำนวนมาก ธนาคารจากตะวันตกเหล่านี้มีวิธีทำงานแตกต่างออกไป
ดังนั้นหากธนาคารไม่มีการเปลี่ยนแปลงวิธีทำงาน ย่อมจะอยู่ไม่ได้ หรือไม่สามารถรักษาความเป็นดับหนึ่งได้ต่อไป
นายประสงค์กล่าวต่อไปว่าหลักการปรับโครงสร้างพื้นฐานครั้งนี้ จะเปลี่ยนแปลง
2 ส่วน
ประการแรกคือลดส่วนที่เป็นต้นทุน และต้องขยายส่วนหารายได้ให้มากขึ้น ประการที่
2 การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐาน ระบบงาน คือการสร้างศูนย์คอมพิวเตอร์ระดับภูมิภาค
เพื่อลดต้นทุน สามารถกำกับควบคุมทั้งองค์กรง่ายขึ้น และให้บริการเร็วขึ้น
โดยจะตั้งศูนย์คอมพิวเตอร์ทางทิศเหนือกรุงเทพที่ฮ่องกง เพื่อครอบคลุมกลุ่มสาขาในเอเชียตะวันออกและจีนทั้งหมด
ได้แก่ สาขาในจีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น และฟิลิปปินส์ สาขาทั้งหมดนี้ โซนเวลาเดียวกัน
ยกเว้นญี่ปุ่น ซึ่งเวลาต่างกันเพียง 1 ชั่วโมง
สำหรับศูนย์ฯ สาขาทางใต้ จะตั้งที่สาขาสิงคโปร์ เพื่อให้คุมสาขาในอินโดีนีเซียและมาเลเซีย
ซึ่งมีโซนเวลาเดียวกัน อย่างไรก็ตามส่วนระบบงานคอมพิวเตอร์สาขานิวยอร์ก ลอนดอน
และในประเทศในอินโดจีน จะขึ้นตรงกับศูนย์คอมพิวเตอร์สำนักงานใหญ่ธนาคาร เนื่องจากศูนย์ฯ
นี้ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง
นายประสงค์กล่าวว่าการเลือกสาขาฮ่องกงและสิงคโปร์ให้เป็นศูนย์ระบบงานคอมพิวเตอร์ทางเหนือและใต้กรุงเทพ
เนื่องจากทั้ง 2 สาขาตั้งอยู่จุดศูนย์กลางของเอเชียที่ทรงอิทธิพลอย่างยิ่ง
และเป็นประเทศที่มีระบบกฎหมาย และระบบภาษีที่มีมาตรฐาน ชัดเจน เอื้อในการทำธุรกิจได้ง่าย
และสะดวก
"เมื่อสร้างศูนย์คอมพิวเตอร์เสร็จแล้ว สาขาต่างประเทศอื่น จะทำหน้าที่เป็นจุดบริการ
และจุดขาย การเป็นจุดขายไม่จำเป็นต้องลดขนาด บางแห่งอาจขยายใหญ่ขึ้น พนักงานมากกว่าเดิมก็ได้
เช่น สาขาเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางธุรกิจของจีน ประชากรมาก สามารถทำธุรกิจได้มาก
ธนาคารเตรียมเพิ่มทุน และขยายขอบเขตการทำงานธุรกิจสาขานี้" นายประสงค์กล่าว
กรรมการรองผู้จัดการใหญ่แบงก์กรุงเทพกล่าวต่อไปว่าหลังจากที่ระบบงานมารวมศูนย์แล้ว
งานทุกสาขาจะลดลง ซึ่งเป็นไปได้ที่จะโยกย้ายบุคลากรบ้าง แต่พนักงานไม่ต้องตื่นตระหนก
เพราะย้ายที่ที่เหมาะสม และขอให้พนักงานเข้าใจว่าการที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้
เป็นสิ่งที่ดี หากไม่มีการปรับองค์กร ธนาคารจะสู้กับคู่แข่งไม่ได้
นอกจากนี้ธนาคารยังมีแผนตั้งศูนย์ตรวจสอบภายในที่ฮ่องกง เพื่อให้เป็นหน่วยงานตรวจสอบสาขาในจีน
และฟิลิปปินส์ โดยสามารถส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ หลังจากตั้งศูนย์ตรวจสอบแล้ว
จะศึกษาเพื่อจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติงานกลาง เพื่อรองรับงานฝ่ายสนับสนุนงาน (Back
Office) สาขาในเขตทั้งหมด