ไนเน็กซ์-ซีพี ต่างที่มาแต่เป้าหมายเดียวกัน


นิตยสารผู้จัดการ( กรกฎาคม 2538)



กลับสู่หน้าหลัก

"การดำเนินงานที่ประสบความสำเร็จของไนเน็กซ์กับกลุ่มซีพีในเมืองไทย ซึ่งร่วมกันพัฒนาสร้างโครงข่ายสื่อสารขนาดใหญ่ที่จะมีบริการเสริมหลากหลายรูปแบบ ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาล่าสุด เป็นตัวอย่างที่ดีของความสัมพันธ์ที่เราต้องการขยายความร่วมมือในลักษณะนี้มากขึ้นในประเทศอื่นๆ"

ในการแถลงข่าวเพื่อประกาศนโยบายของไนเน็กซ์ ท่ามกลางผู้สื่อข่าวในประเทศกลุ่มภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกราว 50 คน ที่ถูกเชิญเข้าร่วมงานในครั้งนี้ ไนเน็กซ์ได้ประกาศนโยบายการรุกภูมิภาคนี้ ด้วยการขยายความร่วมมือกับกลุ่มซีพี และกล่าวว่ากลุ่มซีพี คือกลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพมากที่สุด

ไมเคิล ฮีท กรรมการผู้จัดการกลุ่มพัฒนาธุรกิจ ผู้รับผิดชอบการขยายธุรกิจของไนเน็กซ์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวถึงความสัมพันธ์ของยักษ์ใหญ่ระดับโลก ไนเน็กซ์ คอร์ปอเรชั่น กับกลุ่มซีพี จะไม่มีทางยุติอยู่เพียงแค่โครงการโทรศัพท์ 2 ล้านเลขหมาย ในเมืองไทยเท่านั้น

เพราะการที่ได้เล็งเห็นพ้องกันถึงศักยภาพในธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งจะมีมูลค่ามากมายมหาศาล ทำให้ไนเน็กซ์และซีพี วางแผนขยายกิจกรรมและความร่วมมือกันอย่างต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง โดยมีเป้าหมายในภูมิภาคนี้ ซึ่งเป็นตลาดใหม่ที่ใหญ่รองลงมาจากตลาดยุโรป ซึ่งกำลังเริ่มถดถอย

แต่การขยายไปยังขุมข่ายธุรกิจแห่งใหม่ ซึ่งไม่ใช่แหล่งกำเนิดของตน ผู้ประกอบการจำต้องหาพันธมิตรที่มีศักยภาพและควมแข็งแกร่งเพื่อเป็นแขนขาช่วยในการขยายธุรกิจ

เช่นเดียวกับไนเน็กซ์ที่เลือกซีพี ยักษ์ทางด้านเกษตรกรรม และได้ก้าวขึ้นมาสู่ยักษ์ในธุรกิจโทรคมนาคมในช่วงเวลาเพียงไม่กี่ปี ศักยภาพของซีพีเป็นที่รู้จักและยอมรับเป็นอย่างดี เพราะนอกเหนือขุมข่ายธุรกิจทางด้านเกษตรกรรมที่มีอยู่แทบทุกมุมในภูมิภาคนี้แล้ว ซีพียังวางแผนขยายธุรกิจในกลุ่มโทรคมนาคมอย่างต่อเนื่อง

เมื่อเป้าหมายต้องการ ความร่วมมืออย่างเหนียวแน่นจึงเกิดขึ้น และขณะนี้ทั้งสองฝ่ายได้มีความร่วมมือเกิดขึ้นแล้วในหลายประเทศและหลายโครงการด้วยกัน

โครงการสร้างเครือข่ายเคเบิลใยแก้วเชื่อมทวีปยุโรปกับเอเชีย หรือโครงการ FLAG (Fiber optic Link Around the Globe) เป็นโครงการถัดจาก 2 ล้านเลขหมายที่ซีพี โดยบริษัทเทเลคอมโฮลดิ้งเข้าร่วมลงทุนในสัดส่วน 18% กับกลุ่มไนเน็กซ์ และประเทศที่เครือข่ายเคเบิลดังกล่าวจะพาดผ่านอีกจำนวน 12 ประเทศ เริ่มจากสหราชอาณาจักร ผ่านทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มหาสมุทรอินเดีย และไปสิ้นสุดที่ประเทศญี่ปุ่น รวมระยะทางกว่า 30,000 กิโลเมตร

พร้อมกันนี้กลุ่มซีพียังได้ผลักดันให้มีการตั้งสถานีเชื่อมต่อภาคพื้นดินขึ้นในประเทศไทยอีกด้วย ซึ่งยังไม่เป็นที่เปิดเผยอย่างเป็นทางการ ว่าหากโครงการเสร็จสิ้นสมบูรณ์แบบแล้ว เครือข่ายดังกล่าวจะเชื่อมกับเครือข่ายโทรศัพท์ 2 ล้านเลขหมายอย่างไร และซีพีจะสร้างมูลค่าเพิ่มภายในเครือข่ายดังกล่าวได้อย่างไร

แต่ที่แน่ๆ ไนเน็กซ์กล่าวว่า หากเชื่อมโยงเครือข่ายทั้งสองเข้าด้วยกัน ก็จะกลายเป็นขุมข่ายในธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมของกลุ่มซีพี ที่ชาตินี้ก็หาเงินได้ไม่จบสิ้น และจะพลิกโฉมหน้าซีพีให้ก้าวขึ้นเป็นยักษ์โทรคมนาคมในแถบนี้ได้อย่างไม่มีใครกล้าปฏิเสธ

และด้วยเหตุนี้นี่เอง ที่ทำให้ไนเน็กซ์เชื่อมั่นในศักยภาพของซีพี และเกาะติดเพื่อร่วมขยายธุรกิจกันในประเทศอื่นอีกหลายแห่ง

จีน ตลาดใหญ่แห่งใหม่ของธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม ถิ่นฐานของกลุ่มซีพี กลายเป็นเป้าหมายแรกของไนเน็กซ์ที่จะร่วมกันขยายธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริการโทรศัพท์พื้นฐาน ที่มีสัดส่วนต่อประชากรเพียง 3:100 ทำให้ไนเน็กซ์และซีพี ซึ่งเล็งเห็นถึงแนวโน้มความต้องการในอนาคต

จึงได้ร่วมลงทุนกันตั้งบริษัทโอเรียน เทเลคอม แอนด์เทคโนโลยี โฮลดิ้ง หรือ โอทีที โดยไนเน็กซ์ถือหุ้นจำนวน 23.1% ส่วนซีพีถือหุ้นในนามเทเลคอม โฮลดิ้ง 22.5% รวมทั้งได้ชักชวนนักลงทุนรายย่อยภายในประเทศจีนเข้าร่วมด้วยอีกส่วนหนึ่ง

ในเวียดนามเป็นเป้าหมายรองจากประเทศจีน และเป็นตลาดแห่งใหม่ที่ผู้ประกอบการหลายรายหมายปอง แต่เนื่องจากเวียดนามยังไม่เปิดกว้างสำหรับนักลงทุนต่างชาติ สำหรับกิจการโทรคมนาคมมากนัก แต่ไนเน็กซ์ก็ยังมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของกลุ่มซีพี ซึ่งได้หยั่งรากธุรกิจทางด้านเกษตรกรรมและอาหารสัตว์ที่นั่นอยู่แล้ว และขณะนี้ซีพียังได้มีการเข้าไปเจรจากับระดับผู้นำประเทศ เพื่อขอเป็นผู้ร่วมพัฒนาโครงการระบบสื่อสาร

สำหรับการวางรากฐานทางด้านความพร้อมในการขยายธุรกิจร่วมกันนั้น ขณะนี้ไนเน็กซ์ได้ทำการขยายศูนย์วิจัยและพัฒนาทางด้านเทคโนโลยี ซึ่งได้ตั้งขึ้นในเมืองไทยเมื่อครั้งเริ่มติดตั้งโครงการ 2 ล้านเลขหมาย เพื่อให้กลายเป็นศูนย์กลางการวิจัยและพัฒนาทางด้านเทคโนโลยี ซึ่งจะนำไปขยายในประเทศอื่นในภูมิภาคนี้

และขณะนี้ศูนย์ดังกล่าวได้เริ่มทำงานอย่างขะมักเขม้น เพื่อพัฒนาบริการเสริมรูปแบบต่างๆ ที่จะนำมาให้บริการในเครือข่าย 2 ล้านเลขหมาย และที่เริ่มขึ้นมาเป็นรูปเป็นร่างแล้วก็คือ บริการเคเบิลทีวี

ยังไม่รวมบริการเสริมอีกหลายร้อยรูปแบบที่กำลังจะเปิดขึ้นมา อาทิ บริการสมุดโทรศัพท์อิเล็กทรอนิกส์ บริการซื้อสินค้าผ่านสาย ฯลฯ ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้จะเริ่มในเมืองไทย ก่อนที่จะถ่ายทอดไปสู่ประเทศอื่น ภายหลังที่ทั้งคู่ได้โครงการร่วมกัน

สุดท้ายของการประกาศนโยบาย นายฮีทกล่าวสรุปว่า ทั้งซีพีและไนเน็กซ์ต่างก็มีที่มาที่ต่างกัน ไนเน็กซ์แตกออกมาจากเอทีแอนด์ที ผู้ซึ่งมีประสบการณ์ทางด้าน โทรคมนาคมมานานแสนนาน ในขณะที่ซีพีคือ ยักษ์ทางด้านเกษตรกรรมในโลกซีกตะวันออก ที่ใครๆ ก็รู้จัก และทั้งสองฝ่ายก็จำเป็นต้องพึ่งพากันและกัน

เมื่อรวมความต่างกันและเป้าหมายที่พ้องกันของทั้งสองเข้าด้วยกันแล้ว จึงเกิดเป็นความร่วมมือย่างต่อเนื่องและจะไม่หยุดยั้ง

"เพราะแม้เราจะต่างที่มา แต่ก็มีเป้าหมายเดียวกัน"



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.