ศาลอนุมัติแผนฟื้นฟูโพลีน นัดตัดสินชี้ขาดทีพีไอวันนี้


ผู้จัดการรายวัน(10 พฤศจิกายน 2547)



กลับสู่หน้าหลัก

ศาลล้มละลายกลางเห็นชอบแผนฟื้นฟูฯฉบับแก้ไข TPIPL แล้ว "อรพิน เลี่ยวไพรัตน์" เตรียมหารือคลังเจรจาสว็อปหุ้น TPIPL กับโรงเม็ดพลาสติก LDPE หลังคลังได้ข้อยุติ TPI และต้นปีหน้าเจรจาคณะกรรมการเจ้าหนี้อนุมัติการขยายโรงปูนไลน์ 4 อีก 3.3 ล้านตัน รองรับความต้องการใช้ที่เพิ่มสูงขึ้น ล่าสุด KFW ไฟเขียวขยายกำลังผลิตปูนมอลต้าไลน์ 3 อีก 1.5 ล้านตัน เผยวันนี้ (10 พ.ย.) ศาลล้มละลายกำหนดนัดฟังคำสั่งรับแผนฟื้นฟูฯฉบับแก้ไข TPI วันนี้ หลังเลื่อนจากวันที่ 1 พ.ย. เนื่องจาก "ประชัย" ผู้บริหารลูกหนี้ยื่นคัดค้านการแก้ไขแผนฯ

วานนี้ (9 พ.ย.) ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูฉบับแก้ไขของบริษัท ทีพีไอโพลีน จำกัด (มหาชน) (TPIPL) ตามมติที่ประชุมเจ้าหนี้ หลังจากศาลกำหนดนัดพิจารณาแล้วไม่มีผู้คัดค้าน และแผนฟื้นฟูกิจการที่แก้ไขชอบด้วยมาตรา 90/63 ประกอบมาตรา 90/58 แห่งพ.ร.บ. ล้มละลายกลาง พ.ศ. 2483

รายละเอียดการแก้ไขแผนฟื้นฟูฯ ทีพีไอโพลีนดังกล่าวมีสาระสำคัญดังนี้ คือ ให้เจ้าหนี้สามารถรับชำระหนี้ดอกเบี้ยค้างจ่ายวงเงินประมาณ 5.1 พันล้านบาท เป็นเงินสดได้แทนการชำระเป็นหุ้นเพิ่มทุน และขยายเวลาการฟื้นฟูกิจการออกไปอีก 1 ปี จากเดิมที่จะสิ้นสุด 31 ธ.ค.47 เป็นวันที่ 31 ธ.ค.48

นางอรพิน เลี่ยวไพรัตน์ ตัวแทนผู้บริหารแผนฯทีพีไอโพลีน กล่าวว่า หลังจากศาลมีคำสั่งรับการแก้ไขแผนฯทีพีไอโพลีนแล้ว บริษัทฯจะดำเนินการเจรจากับกระทรวงการคลังเพื่อขอสว็อปหุ้น TPIPL ที่บริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) (TPI) ถือหุ้นอยู่กับโรงงานผลิตเม็ดพลาสติก LDPE ซึ่งก่อนหน้านี้ บริษัทฯได้มีการเจรจากับผู้บริหารแผนฯของทีพีไอแล้ว แต่ทางผู้บริหารแผนฯทีพีไอได้เสนอให้คลังเป็นผู้ดูแลจัดการ โดยจะต้องรอให้คลังแก้ปัญหาทีพีไอเสร็จก่อน

ทั้งนี้ เครื่องจักร LDPE ได้มีการปรับปรุงซ่อมแซมมาตลอด ซึ่งโรงงานผลิตเม็ดพลาสติกจะแพงที่ฐานราก และการวางท่อก๊าซฯที่ผ่านมา ยังไม่มีการตีมูลค่าของแบรนด์เนมเม็ดพลาสติก LDPE ซึ่งแบรนด์ ทีพีไอมีส่วนแบ่งการตลาดสูงสุด ดังนั้นหากมีการสว็อปหุ้นกันคงต้องมีการเจรจาที่เหมาะสมกันใหม่

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ KFW ได้ทำหนังสืออนุมัติให้บริษัทฯเพิ่มการผลิตปูนมอลต้าไลน์ที่ 3 อีก 1.5 ล้านตัน/ปี จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิตอยู่ 7.5 แสนตัน ใช้เงินลงทุน 400 ล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2548 เพื่อสนองความต้องการใช้ปูนที่เพิ่มสูงขึ้นตามโครงการก่อสร้างของภาครัฐ ส่งผลให้บริษัทฯมีผลการดำเนินงานเติบโตขึ้นด้วย รวมทั้งจะเจรจาคณะกรรมการเจ้าหนี้เพื่อขออนุมัติการขยายกำลังการผลิตปูนซีเมนต์ไลน์ 4 เพิ่มอีก 3.3 ล้านตัน ซึ่งปัจจุบันโรงงานดังกล่าวได้มีการก่อสร้างฐานรากแล้ว เพียงแต่ลงทุนด้านเครื่องจักรเท่านั้น คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 150 ล้านเหรียญสหรัฐ

ส่วนความคืบหน้าในการเจรจารีไฟแนนซ์หนี้ 680 ล้านเหรียญสหรัฐ ว่าหลังจากศาลมีคำสั่งเห็นชอบการแก้ไขแผนฯ จะทำให้การรีไฟแนนซ์หนี้ทำได้ง่ายขึ้น ซึ่งบริษัทฯจะเริ่มหารือกับเจ้าหนี้เพื่อเจรจาขอลดดอกเบี้ยจากปัจจุบันที่มีภาระดอกเบี้ยจ่าย 4.8-4.9%ในต้นปี 48 หากเจ้าหนี้ยอมลดดอกเบี้ยให้ก็ไม่ต้องรีไฟแนนซ์ใหม่ ซึ่งสาเหตุที่บริษัทฯต้องการรีไฟแนนซ์เพื่อลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยจะหันมากู้เงินสกุลบาทแทน

สำหรับผลการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทฯคาดว่าจะมีรายได้สูงขึ้นกว่าปีก่อน เนื่องจากได้เพิ่มปริมาณการขายในประเทศมากขึ้นเป็นกว่า 90%ของปริมาณการผลิตปูน 9 ล้านตัน สูงกว่าปีก่อนที่มีการจำหน่ายในประเทศเพียง 80% ซึ่งราคาปูนที่ขายในประเทศจะสูงกว่าราคาส่งออก

ชี้ชะตา "ประชัย" วันนี้

อย่างไรก็ตาม วันนี้ (10 พ.ย.) ศาลล้มละลายกลางได้กำหนดนัดฟังคำสั่งการขอแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการทีพีไอ หลังจากได้เลื่อนการพิจารณาออกไปเมื่อวันที่ 1 พ.ย.47 เนื่องจากมีผู้บริหารลูกหนี้ได้ยื่นคำร้องคัดค้านการแก้ไขแผนฟื้นฟูฯดังกล่าว โดยเสนอขอให้ศาลส่งคำร้องไปให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา แต่ศาลล้มละลายกลางได้ยกคำร้องดังกล่าว ซึ่งในวันที่ 4 พ.ย.ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยชี้ขาดว่าพ.ร.บ.ล้มละลายมาตราที่ 90/17 วรรคสอง ไม่ขัดกฎหมายรัฐธรรมนูญ

ซึ่งผู้บริหารแผนฯทีพีไอมีความมั่นใจว่าศาลล้มละลายกลางจะมีคำสั่งเห็นชอบการแก้ไขแผนฯตามที่เจ้าหนี้โหวตรับแผนฯก่อนหน้านี้ เว้นแต่นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ผู้บริหารลูกหนี้จะมีการยื่นคำร้องคัดค้านการแก้ไขแผนฯเพิ่มเติม

นายสุวิช นิวาตวงศ์ แทนผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด (มหาชน) (TPI) จากภาวะราคาผลิตภัณฑ์น้ำมัน รวมทั้งค่าการกลั่น ซึ่งได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี 2547 หลังจากบริษัทฯ ได้ทำการศึกษาและวิเคราะห์ด้านการตลาดแล้ว บริษัทได้ปรับอัตราการกลั่นเพิ่มขึ้นจากแผนเดิมซึ่งวางไว้ที่ระดับเฉลี่ย 160,000 บาร์เรลต่อวัน เป็นที่ระดับ เฉลี่ย 180,000 บาร์เรลต่อวัน เพื่อให้ได้รับประโยชน์ สูงสุดจากสถานการณ์ราคาน้ำมันดังกล่าว การที่บริษัทได้เพิ่มปริมาณการผลิตมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพิ่มกำลังการกลั่นน้ำมันดิบโดยเฉลี่ยจาก 160,000 บาร์เรลต่อวัน เมื่อไตรมาส 1 มาอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 180,000 บาร์เรลต่อวันนั้น ทำให้ความ ต้องการน้ำมันดิบของบริษัทเพิ่มขึ้นมาก

บริษัทฯจึงได้เจรจาและทำสัญญาซื้อขายน้ำมันดิบระยะยาวเพิ่มเติมจากประเทศตะวันออกกลาง เพื่อป้องกันการขาดแคลนน้ำมันดิบซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักที่ใช้ในการผลิต

นอกจากนี้ ผู้บริหารแผนฯอยู่ระหว่างการเจรจากับสถาบันการเงินต่างเพื่อให้ได้วงเงินสินเชื่อเงินทุนหมุนเวียน (Working Capital) เพิ่มเติม หลังจากปัจจุบัน บริษัทได้รับสินเชื่อเงินทุนหมุน เวียนเพิ่มขึ้นเป็น 140 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งก่อนหน้านี้ สถาบันการเงินบางแห่งได้ระงับวงเงินสินเชื่อส่วนหนึ่ง จำนวน 79.67 ล้านเหรียญสหรัฐในช่วงการบริหารของผู้บริหารแผนชั่วคราว

โบรกฯเตือนอย่าเก็งกำไรตามข่าวศาล

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่ง กล่าวว่า ในวันที่ 10 พ.ย.นี้ ศาลล้มละลายกลางน่าจะมีคำสั่งเห็นชอบต่อแผนฟื้นฟูฯฉบับแก้ไขของทีพีไอ เนื่องจากแผนฟื้นฟูฉบับแก้ไขโดยกระทรวงการคลัง จัดว่าเป็นแผนที่สมบูรณ์เพราะเจ้าหนี้จะได้รับการชำระหนี้ และธุรกิจของลูกหนี้ก็สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ ในส่วนของผู้ถือหุ้นทีพีไอก็มีความเป็นไปได้ที่จะได้รับการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนให้เพื่อรักษาสัดส่วนของผู้ถือหุ้นรายย่อยตามที่ผู้บริหารแผนฯเคยกล่าวไว้

หากศาลล้มละลายกลางเห็นชอบการแก้ไขแผนฯแล้ว ทีพีไอจะดำเนินการลดทุนจากมูลค่าพาร์จาก 10 บาท เหลือเพียง 1 บาท ซึ่งการลดทุนครั้งนี้จำนวนหุ้นและมูลค่าทางบัญชีต่อหุ้นจะไม่เปลี่ยนแปลง และบริษัทสามารถนำเงินส่วนเกินจากการลดทุนไปล้างขาดทุนสะสมได้ ต่อจากนั้น บริษัทจะดำเนินการเพิ่มทุนต่ออีกประมาณ 1.1 หมื่นล้านหุ้น รวมกับหุ้นที่เจ้าหนี้ใช้สิทธิในการแปลงดอกเบี้ยเป็นทุนอีกจำนวนหนึ่ง ขายให้พันธมิตรเข้ามาร่วมถือหุ้น เพื่อนำเงินไปชำระหนี้ ซึ่งในส่วนพันธมิตรดังกล่าว คือปตท. และ กบข.

อย่างไรก็ตาม ไม่แนะนำให้นักลงทุนเข้าเก็งกำไรหุ้น TPI ตามข่าวการพิจารณาของศาลล้มละลายกลางในวันนี้ เพราะที่ผ่านมาราคาหุ้น TPI ปรับตัวขึ้นมารับข่าวมากแล้ว อีกทั้ง แนวโน้มตลาดหุ้นยังมีโอกาสที่จะปรับตัวลง

ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น TPI ปิดตลาดที่ 7.85 บาท เพิ่มขึ้น 45 สตางค์ เปลี่ยนแปลง 6.08% มูลค่าการซื้อขายรวม 183.60 ล้านบาท ส่วนหุ้น TPIPL ปิดตลาดที่ 26.25 บาท เพิ่มขึ้น 50 สตางค์ เปลี่ยนแปลง 1.94% มูลค่าการซื้อขายรวม 38.76 ล้านบาท


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.