เมื่อแบงก์ชาติต้องรับบทหลักในการฟื้นเศรษฐกิจ

โดย ปัณฑพ ตั้งศรีวงศ์
นิตยสารผู้จัดการ( มีนาคม 2545)



กลับสู่หน้าหลัก

ตัวเลขงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ 2546 จำนวน 1 ล้านล้านบาท ที่มีการลดสัดส่วนการขาดดุลงบประมาณลงมาเหลือ เพียง 175,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงบประมาณรายจ่ายปี 2545 จำนวน 1.023 ล้านล้านบาท และขาดดุล 2 แสนล้านบาท นอกจาก จะบ่งบอกถึงความวิตกกังวลต่อตัวเลขหนี้สาธารณะของรัฐบาลแล้ว ยังมีความหมายว่าต่อไปนี้ นโยบายการคลังจะไม่ใช่ยาหลักที่จะนำมาฉีดให้คนไข้ในการฟื้นเศรษฐกิจอีกต่อไป

การลดตัวเลขการขาดดุลงบประมาณลง แสดงให้เห็นว่าหลังจากนี้การอัดฉีดเม็ดเงินจากภาครัฐเพื่อใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่ง เริ่มกระทำมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ประเทศเข้าสู่วิกฤติในปี 2540 กำลัง จะถูกลดบทบาทลงไป และนำไปสู่การทำงบประมาณแบบสมดุลในอนาคต

ยาหลักในช่วงต่อจากนี้ จึงจำเป็นต้องใช้พลังจากภาคเอกชน ทั้งจากการลงทุน และการบริโภค ให้เป็นตัวขับเคลื่อนภาวะเศรษฐกิจ ให้เดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคง

แต่พลังจากภาคเอกชน จำเป็นต้องได้รับการเกื้อหนุนจากนโยบายการเงินที่จะต้องผ่อนคลายความเข้มงวดลง ดังนั้นตั้งแต่ช่วง ปลายปี 2544 เป็นต้นมา การดำเนินนโยบายการเงินของแบงก์ชาติได้เริ่มผ่อนคลายมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

แตกต่างจากช่วงที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล เข้ามารับตำแหน่ง ผู้ว่าแบงก์ชาติใหม่ๆ มีนโยบายค่อน ข้างเข้มงวด เพื่อรักษาเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจ ค่าเงินบาทและ ทุนสำรองระหว่างประเทศเป็นหลัก

อย่างไรก็ตามการใช้นโยบาย การเงินแบบผ่อนคลายเพียงอย่างเดียว จำเป็นต้องใช้เวลาจึงจะเห็นผล

แม้ว่าที่ผ่านมากลไกภาครัฐทุกส่วนจะพยายามออกข่าวในแง่บวก เพื่อหวังผลทางจิตวิทยาให้คนเกิดความมั่นใจมากขึ้น แต่การที่ภาค เอกชนจะตัดสินใจเพิ่มการลงทุน จำเป็นต้องอาศัยปัจจัยอีกหลายส่วนมาประกอบ

ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือการสอดประสานกันระหว่างแบงก์ชาติผู้กำกับนโยบายกับธนาคารพาณิชย์ ซึ่งต้องทำหน้าที่อัดฉีดเม็ดเงินเข้าไปในระบบแทนรัฐบาล

การผ่อนคลายนโยบายการเงินของแบงก์ชาติ ทั้งการลดอัตรา ดอกเบี้ยในตลาดซื้อคืนพันธบัตรหรือการคลายกฎการตั้งสำรองสำหรับ หนี้จัดชั้น ดูเหมือนจะได้รับการตอบสนองจากธนาคารพาณิชย์ไม่มาก เท่าไรนัก

น่าเชื่อว่าอีกไม่นาน แบงก์ชาติคงจะมีมาตรการอื่นๆ ที่จะนำ ออกมาใช้อีก

บทบาทของแบงก์ชาติช่วงหลังจากนี้ เป็นเรื่องน่าติดตาม



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.