เปิดยุทธศาสตร์ใหม่ Epson

โดย ศศิธร นามงาม
นิตยสารผู้จัดการ( พฤศจิกายน 2547)



กลับสู่หน้าหลัก

ท่ามกลางลมทะเล แดดอ่อนๆ ยามสาย ริมชายหาดหัวหิน แต่ในห้องบอลรูม โรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ หัวหิน กำลังเป็นที่บรรยายเชิงทดสอบเทคโนโลยีหมึกรุ่นใหม่... แต่นั่นไม่ใช่ถ้อยคำที่ Epson ต้องการบอกออกไป

Epson กำลังจะเลิกผลิตเครื่องพิมพ์ ราคาถูกที่ใช้หมึกชนิด dye ในอีก 3 ปีข้างหน้า มุ่งหน้าเข้าสู่การพัฒนาหมึกชนิด pigment ที่ใช้ในเครื่องพิมพ์ระดับกลางไปถึงขนาดใหญ่อย่างเต็มตัว เพราะเล็งเห็น โอกาสทางธุรกิจ และการพัฒนาที่ดีกว่า นั่นจึงทำให้หมึก dye ไม่ถูกกล่าวถึงในงานวันนั้นมากนัก

กลยุทธ์การพัฒนาหมึกพิมพ์ของ Epson แบ่งได้เป็น 2 ส่วน คือ หมึกพิกเม้นท์ (Pigment Ink) และหมึกดาย (Dye Ink)

หมึก pigment ของ Epson ได้มีการพัฒนาให้มีส่วนผสมและการกระจายตัวของน้ำหมึกที่เหมาะสม เพื่อให้ได้คุณภาพการพิมพ์ที่สูงสุดบนสื่อหลากหลาย ประเภท ควบคู่ไปกับการพัฒนาการพิมพ์ให้คมชัด ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่มีเรซิ่นเคลือบอยู่ที่ผิวเม็ดหมึก จึงทำให้ทนต่อน้ำ แก๊ส และการซีดจางจากแสง

หมึก dye ของ Epson ได้มีการปรับปรุงให้พิมพ์ภาพด้วยสีสันสดใส สามารถพิมพ์บนกระดาษผิวมัน ซึ่งโดยปกติหมึก dye จะให้คุณภาพงานพิมพ์ที่สวยงาม แต่งานพิมพ์ซีดจางได้ง่ายกว่า

ภาพตลาดรวมของหมึกพิมพ์ที่เติบโตขึ้น 40-50% ต่อปี ซึ่งมากกว่าการเติบโตของเครื่องพิมพ์ ส่วนหนึ่งมาจากกระแสการใช้กล้องดิจิตอลที่เติบโตสูงขึ้น นั่นจึงเป็นเหตุให้ Epson ให้ความสำคัญกับการพัฒนาหมึกพิมพ์ให้มีความทนทาน ทนน้ำ ทนต่อแสง สีไม่หลุดลอก และจะต้องมีคุณภาพเหนือกว่าคู่แข่ง ทั้งในด้านผู้ผลิตเครื่องพิมพ์ด้วยกัน และร้านแล็บสี มืออาชีพ

Epson ได้พยายามให้หมึกพิมพ์ photo ขยายเข้าไปในกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ทุกกลุ่ม ไม่ใช่แค่กลุ่มธุรกิจและ consumer เท่านั้น แต่กำลังเข้าไปแทรกซึมในกลุ่มร้านอัดภาพมืออาชีพขนาดเล็ก (Mini Lab) ที่ใช้เทคโนโลยีการอัดภาพแบบเดิม ที่เรียกว่า silver hydride โดยใช้เทคโนโลยีการพัฒนาหมึกแบบ pigment เป็น key driver ที่สำคัญ

โตชิยูกิ ยาคูวา ประธานบริษัทเอปสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าการ ใส่ใจในคุณภาพงานพิมพ์เป็นพิเศษเป็นสิ่งที่ Epson ได้กระทำมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการที่ ผลงานพิมพ์ออกมาดีมีคุณภาพ จุดสำคัญประการหนึ่งอยู่ที่คุณภาพของน้ำหมึกที่เราใช้ควบคู่ไปกับเครื่องพิมพ์

เวลา 3-4 ปี พร้อมกับเม็ดเงินกว่า 800 ล้านบาท ถูกใช้ไปกับการพัฒนาหมึกชนิด pigment แบบใหม่ โดยใช้ชื่อเทคโน โลยีหมึกที่คิดค้นขึ้นมาใหม่ในเชิงการตลาด ว่า DuraBrite ซึ่งจะใช้ในเครื่องพิมพ์แบบตลับหมึก 4 สี และ UltraChrome ที่ใช้ บนเครื่องพิมพ์ขนาดใหญ่ตลับหมึก 6-7 สี

จุดมุ่งหมายหลักสำหรับ Epson ในตอนนี้คือ การทำให้พรินเตอร์ของ Epson เป็นพรินเตอร์เพื่อการพิมพ์ภาพได้อย่างแท้จริง ซึ่งจะเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้บริโภคที่ต้องการพิมพ์ภาพ โดยไม่ต้องพึ่ง เทคโนโลยีของร้านแล็บสีในแบบเดิมๆ อีกต่อไป

การขับเคลื่อนไปในทิศทางใหม่ที่ชัดเจนกว่าเดิม ด้วยการมุ่งพัฒนาหมึกที่ใช้กับเครื่องพิมพ์ที่มีราคาระดับกลางขึ้นไป เพราะเล็งเห็นโอกาสทางการตลาดที่มากกว่า และการพัฒนาเทคโนโลยีหมึก pigment มีแนวโน้มที่ดีกว่าหมึก dye จึงได้ประกาศหยุดพัฒนาหมึก dye ในอีก 3 ปีข้างหน้า

มิโนรุ อูซูอิ ผู้อำนวยการและรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แผนก Imaging and Information Products Operations บริษัทไซโก้ เอปสัน คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า "เราให้ความสำคัญกับการพัฒนาหมึกทั้ง 2 ประเภท แต่ถ้าจะให้เลือกว่าจะพัฒนาหมึกประเภทไหนต่อไป เราเลือกที่จะพัฒนา หมึก pigment"

การที่ต้องรอเวลาถึง 3 ปี ก่อนที่จะหยุดผลิตนั่นเป็นเพราะได้ลงทุนไปกับการพัฒนาค่อนข้างสูง จึงต้องรอให้ต้นทุนการผลิตลดลงมาก่อน จากนั้น Epson จะเริ่ม repositioning สินค้าอีกครั้ง เพื่อให้มีผลิตภัณฑ์ที่ใช้หมึกแบบ pigment มีราคา ลดลงมา ครอบคลุมถึงกลุ่มเครื่องพิมพ์ราคา ถูกที่ใช้หมึก dye แบบเดิมได้

ถึงจะเป็นแผนการในอีก 3 ปีข้างหน้า แต่ในขณะนี้ Epson ได้ค่อยๆ ขยับ product line ให้ขับเคลื่อนไปในทิศทางนั้น ทีละนิดก่อนที่จะถึงเวลาต้องปรับเปลี่ยนกันอย่างจริงจัง

ผลิตภัณฑ์ที่เปิดตัวมาส่วนใหญ่ตั้งแต่เปิดงบประมาณใหม่ในช่วงกลางปี จึงเน้นไปที่การรุกกลุ่มผู้ใช้ที่เป็นองค์กร ธุรกิจ เครื่องพิมพ์ที่ใช้เทคโนโลยี DuraBrite และ UltraChrome เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งนั่นเป็นแผนยุทธศาสตร์ใหม่ของ Epson ที่นำมาใช้ในเชิงรุก ในภาวะที่มีการแข่งขันสูงเช่นนี้


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.