BAT-3Kยันตรึงราคาช่วยลูกค้ามั่นใจรายได้ปีนี้ทะลุ2พันล้านบ.


ผู้จัดการรายวัน(26 ตุลาคม 2547)



กลับสู่หน้าหลัก

BAT-3K ยืนยันตรึงราคาขายแบตเตอรี่สำหรับลูกค้าภายในประเทศออกไปจนถึงสิ้นปี มั่นใจไม่กระทบรายได้รวมของบริษัทที่คาดว่าจะมียอดขายทะลุ 2 พันล้านบาท เนื่องจากสามารถเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 3 แสนลูกต่อเดือน เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ส่งผลให้ต้นทุนการดำเนินงานลดลง โดยที่ไม่จำเป็นต้องขยับราคาขายในประเทศ ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 3 แย้มขยับสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

นางสาววีรวรรณ ขอไพบูลย์ กรรมการและผู้จัดการทั่วไปบริหาร บริษัท ไทยสโตเรจ แบตเตอรี่ จำกัด (มหาชน) (BAT-3K) เปิดเผยว่า บริษัทยังคงยืนยันที่จะไม่ปรับราคาขายแบตเตอรี่ในประเทศไปจนถึงสิ้นปี 2547 เพื่อช่วยเหลือลูกค้า แม้จะได้รับผลกระทบจากราคาตะกั่ว และพลาสติกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจาก บริษัทสามารถขยายกำลังการผลิตจาก 2.5 แสนลูกต่อเดือน เป็น 3 แสนลูกต่อเดือน จากการขยายสายการผลิตที่เดิมคาดว่าจะสามารถผลิตได้ในต้นปีหน้า แต่สามารถผลิตได้ในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา ทำให้สามารถลดต้นทุนการผลิตต่อหน่วยลงได้ ซึ่งทำให้ยังสามารถตรึงราคาแบตเตอรี่ไปจนถึงสิ้นปีได้

ในไตรมาส 3 เราได้เพิ่มการผลิตจาก 2 แสนลูกเป็น 2.5 แสนลูก และตั้งเป้าเพิ่มเป็น 3 แสนลูกในต้นปีหน้า แต่การที่เราสามารถผลิตได้ตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา ทำให้ต้นทุนต่อหน่วยลดลง จึงไม่มีความจำเป็นต้องปรับราคาในขณะนี้ เพื่อเป็นการช่วยเหลือกลุ่มลูกค้าในประเทศ ซึ่งปัจจุบันคิดเป็นสัดส่วน 50% ขณะที่ลูกค้าต่างประเทศมีสัดส่วน 50% เช่นเดียวกัน

สำหรับการปรับราคาขายแบตเตอรี่ในประเทศในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้มีการขยับราคาขึ้น 2 ครั้งๆ ละ 6% เพื่อลดภาระต้นทุนตะกั่วและพลาสติกที่ทำให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นประมาณ 20% โดยปัจจุบันราคาตะกั่วปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 800 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน จากที่ ต้นปี 2546 ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 400 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันเท่านั้น

นางสาววีรวรรณกล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3 ที่เตรียมประกาศออกมามีแนวโน้มสดใสเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2547 ทั้งปี คาดว่าจะมียอดขายสูงกว่า 2 พันล้านบาท หรือขยายตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีการเพิ่มกำลังการผลิตได้สูงกว่าเดิมที่คาดการณ์ไว้ โดยในปี 2546 บริษัทมียอดขายประมาณ 1.8 พันล้านบาท

ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์กรุงศรีอยุธยา ประเมินว่า ยอดขายแบตเตอรี่ของ BAT-3K ในปี 2547 คาดว่าจะขยายตัวสูงถึง 23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ระดับ 2,172 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้มีการเพิ่มราคาขายเฉลี่ยปีนี้ราว 16% ประกอบกับการที่บริษัทมีส่วนแบ่งในตลาด REM (ตลาดทดแทน) เป็นอันดับ 2 รองจาก GS ประมาณ 27% ซึ่งทำให้ BAT-3K ได้รับประโยชน์โดยตรงจากจำนวนรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากโดยเติบโตเฉลี่ยราว 30% ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งรถยนต์เหล่านี้จะมีความต้องการใช้แบตเตอรี่ทดแทนในปีนี้ (อายุใช้งานของแบตเตอรี่อยู่ประมาณ 2-3 ปี)

ฝ่ายวิจัย บล.กรุงศรีอยุธยา ยังคงแนะนำให้ซื้อหุ้นของ BAT-3K เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากยอดจำหน่ายแบตเตอรี่ในประเทศที่ยังคงเติบโตต่อเนื่องจากการขยายตัวของยอดจำหน่ายรถยนต์ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และ ยังสามารถคงอัตรากำไรขั้นต้นได้ในระดับที่น่าพอใจแม้ราคาตะกั่วจะปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากก็ตาม เนื่องจากบริษัทสามารถผลักภาระส่วนใหญ่ไปให้ลูกค้าได้ และการลดต้นทุนการผลิตภายในบริษัทจากการประหยัดต่อขนาดด้วย

นอกจากนี้ ฐานะการเงินของบริษัทที่ดีมาก และมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลในระดับใช้ได้ที่ระดับ 4.05% โดย ณ ราคาปิดที่ 55.50 บาทซื้อขายกันที่ P/E และ EV/EBITDA ที่ต่ำเพียงแค่ 7.49 และ 4.63 เท่า และยังคงราคา เป้าหมายที่ระดับ 74.00 บาท

ขณะที่ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ไซรัส ประเมินว่า ยอดขายในครึ่งปีหลังคาดว่าจะสูงกว่าครึ่งปีแรกของปีนี้เล็กน้อย เนื่องจากตามลักษณะของธุรกิจส่วนใหญ่ไตรมาส 4 จะเพิ่มขึ้นสูง โดยคาดว่าครึ่งปีหลังจะมียอดขายประมาณ 1,182 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 52% ของคาดการณ์รายได้สำหรับปี 2547 ที่ 2,266 ล้านบาท

ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2548 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิประมาณ 150 ล้านบาท หรือกำไรสุทธิต่อหุ้น 7.50 บาท ขณะที่กำไรสุทธิในปี 2547 คาดว่าจะอยู่ที่ 125 ล้านบาท หรือคิดเป็น 6.25 บาทต่อหุ้น


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.