|
"วี.เค.กรุ๊ป"หวนคืนธุรกิจลุยบ้านจัดสรร
ผู้จัดการรายวัน(11 ตุลาคม 2547)
กลับสู่หน้าหลัก
ถึงเวลา!! วี.เค.กรุ๊ป แลนด์ รุกตลาดอสังหาฯอีกครั้ง หลังศาลสั่งให้กองทุนรวมแกมม่าแคปปิตอลยกฟ้อง เหตุสิทธิบริหารของ กองทุนฯต่อลูกหนี้ไม่ชอบธรรม รวมถึงกองทุนฯได้รับชำระหนี้ถึง 5 เท่าของราคาที่ซื้อจากปรส. เผยเตรียมนำที่ดิน 10 ไร่ในโครงการวี.เค.โฮม ที่ปลอดจากคดีพัฒนาโครงการทาวน์เฮาส์ต่อ ลุ้น 15 ต.ค. ศาลชี้ขาดโครงการ วี.เค.กรีน พาร์ค วอนรัฐบาลเข้ามาดูแลลูกหนี้ที่ถูกเอาเปรียบ
ในยุคปัจจุบันธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้มีการฟื้นตัว อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจาก การขยายตัวของเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันลูกหนี้บริษัทอสังหาริมทรัพย์หลายราย ได้ผ่านพ้นกระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งมีหลายบริษัทที่ได้รับผลดีจากการแก้ไขหนี้ แต่ยังมีลูกหนี้อีกจำนวนมากที่ยังถูกละเลย โดยเฉพาะลูกหนี้บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายย่อยที่ยังติดอยู่กับเจ้าหนี้หรือกองทุนรวมต่างๆ ที่ได้เข้าไปประมูลมูลหนี้จากองค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.)
บริษัท วี.เค.กรุ๊ป แลนด์ เป็นอีกบริษัทที่ทำธุรกิจอสังหาฯมากว่า 25 ปี ซึ่งมีความชำนาญในการพัฒนาที่ดินย่านพระราม 2 แต่ด้วยผลจากวิกฤตเศรษฐกิจทำให้ประสบปัญหาเรื่องเงินทุนขณะที่เจ้าหนี้เดิมของบริษัท คือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ (บงล.) ซิทก้า จำกัด (มหาชน) ได้ถูกทางราชการให้ควบคุมกิจการ โดยมีปรส.เข้ามาดูแลเพื่อ ดำเนินการคัดและขายทรัพย์ออกไป ซึ่งปัจจุบันกองทุนรวมแกมม่าแคปปิตอล (จีอี แคปปิตอล) เป็นเจ้าหนี้
ล่าสุดศาลแพ่งธนบุรีได้มีการพิพากษาให้กองทุนรวมแกมม่าแคปปิตอล (โจทก์) ที่ฟ้องร้องบริษัทฯ ให้ยกฟ้องบริษัทวี.เค.กรุ๊ป แลนด์ โดยเป็นในส่วนของหนี้ในโครงการวี.เค.โฮม ทั้งนี้ศาลแพ่งธนบุรีได้มีความเห็นว่า มีเหตุผลพอให้เชื่อได้ตามคำพยานจำเลยทั้งเจ็ด ว่า โจทก์ได้รับเงินจากลูกหนี้แล้วไม่น้อยกว่า 60 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าจำนวนหนี้ที่โจทก์ฟ้องว่าเป็นยอดหนี้ ณ ก่อนวันโจทก์ทำสัญญาซื้อขายกับปรส.เอกสารหมาย จ.22 อยู่ถึง 6.109 ล้านบาท เป็นจำนวนที่เชื่อได้ว่ามากกว่าดอกเบี้ยที่เกิด และหากจะนำไปเทียบกับราคาที่โจทก์ซื้อมาจาก ปรส. เท่ากับโจทก์ได้รับชำระหนี้แล้ว 5 เท่า นับว่าโจทก์ได้รับกำไรจากทุนที่ลงมากมายแล้ว และศาลฯได้ให้โจทก์นำทรัพย์ที่จดจำนองอยู่ หรืออยู่กับบงล.ซิทก้า ให้ปลอดจำนองให้แก่ลูกหนี้
นายชนภัส เพชรดำรงสกุล ประธานเจ้าหน้าที่ บริหาร บริษัท วี.เค. กรุ๊ป แลนด์ เปิดเผยว่า คดีที่ชนะกับจีอี แคปปิตอลเป็นในส่วนของคดีเกี่ยวกับมูลหนี้โครงการ วี.เค.โฮม ทั้งนี้ทางบริษัทจะได้รับหลักทรัพย์คืนจากการที่ไปจดจำนองไว้ประมาณ 10 ไร่ ซึ่งเป็นที่ดินอยู่ด้านหน้าโครงการวี.เค.โฮม นอกจากนี้ในวันที่ 15 ตุลาคมนี้จะมีการพิพากษาในส่วนโครงการ วี.เค.กรีน พาร์คอีกคดีหนึ่ง
"จริงๆ แล้วการที่บริษัทชนะคดีเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ซึ่งไม่ค่อยมีผลต่อภาพรวมเท่าไร แต่เจตนารมณ์ของบริษัท คือ ต้องการเป็นสื่อกลางให้กับบริษัทอื่นๆ ที่ประสบปัญหาที่คล้ายกับกรณี จีอี แคปปิตอลมาร่วมกัน เพื่อคาดหวังว่ารัฐบาลจะได้เข้ามาดูแลลูกหนี้เหล่านี้ หรือมีมาตรการเฉพาะออกมาเพื่อแก้ไขปัญหา"นายชนภัสกล่าว
อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่ดินจำนวน 10 ไร่นั้น ทางบริษัทฯจะนำมาพัฒนาเป็นโครงการในรูปแบบทาวน์เฮาส์ และพัฒนาเป็นโฮมออฟฟิศ สูง 3-4 ชั้น บนเนื้อที่ 56 ตร.ว. ราคาจะอยู่ระหว่าง 1.5-3 ล้านบาท เพื่อรองรับกลุ่มอุตสาหกรรมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ตามแผนเดิมจะก่อสร้าง 10 ยูนิต เพื่อทดสอบตลาด ซึ่งที่ดินทั้งหมด คาดว่าจะสร้างได้ประมาณ 100 ยูนิต โดยแหล่งเงิน ที่นำมาพัฒนาจะมาจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัททั้งหมด
ทั้งนี้ หากมองไปแล้ว โครงการวี.เค.กรีน พาร์ค นับได้ว่าเป็นโครงการที่มีความสำคัญกับบริษัทฯอย่างมาก เนื่องจากนายวิชิต เพชรดำรงสกุล ต้องการผลักดันให้โครงการนี้สร้างชื่อเสียงให้กับบริษัทฯ ปัจจุบันได้พัฒนาไปแล้ว 20% ซึ่งเป็น เฟส 1 จำนวน 70 ยูนิต สำหรับที่ดินที่เหลือพัฒนาประมาณ 50 ไร่ วางแผนที่จะพัฒนาเป็นบ้านเดี่ยว เพื่อรองรับกำลังซื้อกลุ่มเป้าหมายลูกค้าระดับบีบวกขึ้น
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|