|

"วิชัย" เล็งควบธุรกิจรพ. เร่งพญาไทสวอปหุ้นปีนี้
ผู้จัดการรายวัน(29 กันยายน 2547)
กลับสู่หน้าหลัก
"วิชัย ทองแตง" ทนายความชื่อดังคดีซุกหุ้น ประกาศรุกธุรกิจโรงพยาบาลรองรับนโยบาย Health Hub เผยภายในปีนี้ได้เห็นโรงพยาบาลในเครือพญาไท เข้าไปควบกิจการ (สวอป) หุ้น หรือการเข้าไปเป็นพันธมิตรกับโรงพยาบาลชั้นนำทั่วประเทศด้วยการถือหุ้นไขว้ เพื่อเสริมศักยภาพการทำธุรกิจและการต่อรองกับคู่ค้า คาดพญาไทกลับมาเทรดได้ภายในกลางปีหน้า พร้อมปฏิเสธร่างทรง ทักษิณ ยืนยันชัดการทำธุรกิจไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับครอบครัวนายกฯ ขณะที่โรงพยาบาลวิภาวดีประกาศซื้อหุ้นโรงพยาบาลเสรีรักษ์
นายวิชัย ทองแตง ประธานบริหาร บริษัท ประสิทธิ์พัฒนา จำกัด (มหาชน) (PYT) ผู้บริหารโรงพยาบาลในเครือพญาไท เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจของโรงพยาบาลในเครือพญาไท ในช่วงต่อไปจะเน้นการเข้า ไปเป็นพันธมิตรกับโรงพยาบาลแห่งอื่น ด้วยการเข้าไปแลกหุ้น (สวอป) หรือการเข้าไปเป็นพันธมิตรด้วยการซื้อหุ้นบางส่วนเพื่อให้เป็นเครือข่ายเดียวกัน เนื่องจากต้องการสร้างอำนาจการต่อรองในการทำธุรกิจ เพราะธุรกิจโรงพยาบาลจำเป็นต้องมีการลดต้นทุนในการดำเนินงาน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อเครื่องมือการแพทย์ หรือการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ต่างๆ หากมีการซื้อเป็นจำนวนมากผ่านเครือข่ายเดียวกันจะทำให้อำนาจในการต่อรองสินค้ามีมากขึ้น
"ในปลายปีนี้ จนถึงกลางปีหน้าจะเห็นภาพที่ชัดเจนในการเข้าไปสวอปหุ้นระหว่างโรงพยาบาลในเครือพญาไท กับโรงพยาบาลแห่งอื่น เพื่อทำ ให้เกิดเครือข่าย ก่อนที่จะดึงพันธมิตรจากต่างประเทศเข้ามาร่วมถือหุ้นในโรงพยาบาลพญาไท และเข้าซื้อขายในตลาดหุ้นได้ในช่วงกลางปี 2548"
สำหรับแผนการปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจของโรงพยาบาลพญาไท เดิมมีแผนที่จะใช้ โรงพยาบาลพญาไท 2 เป็นจุดรองรับต่างชาติเป็นหลัก เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพ (Health Hub) แต่หลังจากที่ทีมผู้บริหารได้มีการวิเคราะห์ จึงมีการปรับแผนใหม่ โดยหันมาเน้นการปรับโครงสร้างธุรกิจของโรงพยาบาลพญาไท ให้มีความแข็งแกร่งก่อน โดยมุ่งเน้นไปที่การปรับโครงสร้างการบริหารใหม่ให้มีมาตรฐาน และมีความโปร่งใส นอกจากนี้ จำเป็นต้องปรับปรุงอาคารสถานที่ และเครื่องมือทางการแพทย์ให้เพียงพอ รองรับการแข่งขันในอนาคต และการพัฒนาบุคลากรให้เข้าใจถึงการให้บริการของโรงพยาบาลในยุคใหม่
"อนาคตเมื่อเปิดเสรีธุรกิจโรงพยาบาล หากโรงพยาบาลในประเทศไม่เข้มแข็งมีสิทธิ์ถูกต่างชาติกลืนได้ เราจึงเน้นการสร้างระบบเครือข่ายขึ้นมาเป็นเหมือนใยแมงมุม ซึ่งรูปแบบในการสร้างเครือข่ายจะมี 3 รูปแบบคือ 1.เทกโอเวอร์โรงพยาบาลให้มากขึ้น ภายในโฮลดิ้ง แต่วิธีนี้จะใช้เงินมาก 2.การควบกิจการในลักษณะของการแลกหุ้น (สวอป) ซึ่งในส่วนนี้ใช้เงินไม่มาก และ 3 การเข้าไปถือหุ้นไขว้ในสัดส่วน 10-20% โดยกลุ่มโรงพญาไทจะเลือกในรูปแบบที่ 2 และ 3"
ส่วนการที่หลายฝ่ายมองว่าเป็นนักเทกโอเวอร์ นายวิชัยกล่าวว่า ตัวเขาไม่ใช่นักเทกโอเวอร์ และไม่มีความรู้สึกอะไรมากนักกับคำพูดนี้ แต่สิ่งที่กระทบความรู้สึกคือการที่ถูกระบุว่า เป็นร่างทรงของท่านนายกฯ เพื่อไปเทกโอเวอร์กิจการต่างๆ เพราะข่าวทำนองนี้ไม่ใช่เป็นสิ่งที่ดีสำหรับตัวเอง และเป็นข่าวที่ทำให้ภาพของตัวเองและนายกฯเสียหาย
"ต้องเรียนตรงๆ ว่าผมไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับท่านเลย เรื่องการลงทุนตัวผมเองไม่เคยร่วมทุนกับท่าน หรือกับครอบครัวท่าน เลยแม้แต่น้อย จึงขออยากจะย้ำและทำความเข้าใจกันอีกครั้งหนึ่งว่าผมไม่เกี่ยวกับท่านเลย ผมลงทุน ผมทำธุรกิจของผมเอง"
นายวิชัยกล่าวว่า ที่ผ่านมามักถูกใส่ร้ายป้ายสีว่า เอาความสัมพันธ์ (คอนเนกชัน) ที่มีกับนายกรัฐมนตรี ไปใช้ในการทำธุรกิจ ซึ่งจุดนี้อยากจะยืนยัน อีกครั้งว่าไม่เคยเอาคอนเนกชันที่มีไปใช้ทำธุรกิจ หรือเอาชื่อของนายกฯไปแอบอ้าง เพื่อที่จะสามารถซื้อหนี้มาบริหาร และธุรกิจที่ทำแทบไม่ได้ใช้ความสัมพันธ์กับรัฐบาลเลย เช่น โรงพยาบาล ซึ่งเป็นธุรกิจที่ซื้อหนี้มาจากสถาบันการเงินต่างประเทศ เมื่อปี 2542 ก่อนที่จะเป็นทนายให้แก่นายกฯ ทำให้เห็นชัดว่า ได้เข้าไปลงทุนก่อนที่รัฐบาลจะประกาศผลักดันให้ไทยเป็น Helth Hub แต่หลายฝ่ายก็ ยังวาดภาพว่าธุรกิจที่ทำอยู่เชื่อมโยงกับนายกฯ
ขณะที่นายชัยสิทธิ์ วิริยะเมตตากุล กรรมการผู้จัดการบริษัท โรงพยาบาลวิภาวดี จำกัด (มหาชน) (VIBHA) แจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่า คณะกรรมการบริษัทมีมติให้ดำเนินการซื้อหุ้นสามัญของบริษัท โรงพยาบาลเสรีรักษ์ จำกัด ในราคาหุ้นละ 10 บาท เป็นเงิน 30 ล้านบาท ซึ่งจะดำเนินการภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2547
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|