TMBลุยปล่อยกู้สุวรรณภูมิ


ผู้จัดการรายวัน(27 กันยายน 2547)



กลับสู่หน้าหลัก

แบงก์ทหารไทยวางยุทธศาสตร์ ขยายธุรกิจใช้จุดแข็งของ 3 ธนาคาร รุกตลาดมุ่งปล่อยกู้ระบบสาธารณูปโภค SME และบัตรเครดิต ล่าสุดอนุมัติเงิน 1,700 ล้านบาท สร้างโรงแรมสนามบินสุวรรณภูมิ เผยเป้าหมายยอดบัตรเครดิต 2.4 แสนใบ ส่วนหนี้เสียปี 48 จะเหลือ 5% มั่นใจปีหน้าล้างขาดทุนสะสม 60,000 ล้านบาท พร้อมสร้างมูลค่าหุ้นจ่ายเงินปันผลได้ พร้อมทุ่ม 600 ล้านบาท เชื่อมระบบไอที IFCT-DTDB

หลังจากที่ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) (TMB) ได้เป็นแกนในการควบรวมกิจการกับธนาคารดีบีเอสไทยทนุ (DTDB) และบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (IFCT) โดยมีเป้าหมายเป็นธนาคารครบวงจรนั้น นายสุภัค ศิวะรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ TMB กล่าวว่าขณะนี้ธนาคารจะอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างองค์กร และขยายธุรกิจควบคู่กันไป ทั้งนี้ จะมีการเชื่อมและอาศัยจุดแข็งของทั้ง 3 ธนาคารเป็นกลยุทธ์หลักในการรุกตลาด

นายสุภัคเปิดเผยว่า ปี 2548 แนวทางของธนาคารทหารไทยจะเน้นทำตลาดใน 3 ด้าน คือ สนับสนุนผู้รับเหมาในการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคของภาครัฐ เนื่องจากตามนโยบายของรัฐบาลจะมีการลงทุนพัฒนาระบบสาธารณูปโภคอีก 5 แสนล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้ธนาคารมีฐานลูกค้าสินเชื่อผู้รับเหมาอยู่แล้ว เช่น บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (STECO) หรือแม้แต่การปล่อยสินเชื่อให้แก่บริษัท กัลฟ์ พาวเวอร์ เจเนอเรชั่น จำกัด วงเงิน 7,000 ล้านบาท ซึ่งเดิมบริษัทฯจะก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่บ่อนอก แต่ติดปัญหาในเรื่องการก่อสร้าง รัฐบาลจึงให้นโยบายไปก่อสร้างโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ที่แก่งคอย จ.สระบุรี โดยรัฐบาลได้เพิ่มเพดานผลิตไฟฟ้าจาก 700 เมกะวัตต์ เป็น 1,400 เมกะวัตต์

ล่าสุดวันนี้ (27 ก.ย.) ธนาคารทหารไทยจะลงนามสัญญาสนับสนุนสินเชื่อก่อสร้างโครงการโรงแรมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิวงเงินกว่า 1,700 ล้านบาท เป็นโครงการโรงแรมระดับ 4 ดาว ขนาด 600 ห้อง

ในส่วนของธุรกิจวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ธนาคารจะใช้จุดเด่นของ IFCT มาเป็นฐานเพื่อดึงลูกค้า SME มาใช้ผลิตภัณฑ์ของธนาคารให้ครบวงจรยิ่งขึ้น เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาด้วยข้อจำกัดของ IFCT ทำให้การขยายธุรกรรมทำได้ลำบาก แต่ขณะนี้ธนาคาร ทหารไทยสามารถเสนอบริการที่หลากหลายให้กับลูกค้ากลุ่มนี้ได้กว้างขึ้น เช่น การใช้สินเชื่อวงเงินโอ/ดี เป็นต้น

"จุดเด่นอยู่อย่างของ IFCT จะมีการส่งเสริมและอบรมให้กับลูกค้า SME มาโดยตลอด ทั้งเรื่องการจัดทำระบบบัญชีที่ให้ได้มาตรฐาน นอกจากนี้ หากลูกค้าต้องการวงเงินในการขยายธุรกิจเพิ่มเติม อย่าลืมว่า IFCT ยังมีวงเงินช่วยเหลือจากธนาคารโลกอยู่ ทำให้สามารถปล่อยสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำได้"

นายสุภัคกล่าวว่า ในส่วนของฐานลูกค้ารายย่อย ธนาคารจะอาศัยประโยชน์จากลูกค้าทั้งหมดของธนาคารมาทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด เนื่องจากขณะนี้ธนาคารมียอดบัญชีเงินฝากประมาณ 4 ล้านบัญชี (อายุเฉลี่ยส่วนใหญ่ 25-35 ปี) แต่ปริมาณการใช้ผลิตภัณฑ์หรือสินเชื่อของลูกค้ายังมีน้อย (Cost Sale) ประมาณ 2 แสนรายที่ใช้สินเชื่อของธนาคาร หรือลูกค้า 1 รายใช้ผลิตภัณฑ์ของธนาคารเพียง 1.1 ขณะที่ธนาคาร พาณิชย์อื่นลูกค้ามีการใช้ผลิตภัณฑ์ถึง 1.5 จะเห็นได้ว่าทั้งของธนาคารและธนาคารอื่นหากเทียบกับธนาคารต่างประเทศแล้วยังน้อยอยู่ ซึ่งในต่างประเทศจะใช้ผลิตภัณฑ์สูงถึง 2 กว่า

นอกจากนี้ ธนาคารจะพยายามฐานลูกค้าบัตรเครดิตมากขึ้น จากที่มีอยู่ประมาณ 120,000 ใบเพิ่มให้ได้อีก 1 เท่าหรือประมาณ 240,000 ใบ แต่หากเทียบกับฐานบัตรเครดิตของธนาคารกสิกรไทย (TFB) จะอยู่ที่ 600,000 ใบ นับว่าของธนาคารทหารไทยยังน้อยอยู่

ปีหน้าเห็น NPL ลดฮวบ

นายสุภัคกล่าวถึงการแก้ไขปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ว่า ธนาคารให้ความสำคัญกับการจัดการหนี้อย่างมาก โดยพยายามจะเข้าไปช่วยเหลือลูกค้าที่มีปัญหาให้สามารถดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ และได้ตั้งเป้าปี 48 จะลดตัวเลข NPL จากระดับ 10% หรือ 50,000 ล้านบาท ลงมาเหลือ 5% ในปีหน้า ซึ่งโครงสร้างลูกหนี้ส่วนใหญ่จะเป็นธุรกิจ SME ที่เหลือจะเป็นลูกหนี้บุคคลประมาณ 14,000-15,000 ล้านบาท คิดเป็นจำนวน 10,500 ราย

"เรื่อง NPL ธนาคารจะพยายามคุยแบบเบ็ดเสร็จให้จบทีเดียว อย่างการให้รีไฟแนนซ์ไปยังธนาคารพาณิชย์อื่นหรือการขายหนี้ออกไป" นายสุภัคกล่าว

ขณะเดียวกัน ธนาคารได้เตรียมแผนที่จะล้างตัวเลขขาดทุนสะสมจำนวน 60,000 ล้านบาท หมดแน่ภายในปี 48 ซึ่งแนวทางชัดเจนแล้วและจะสามารถจ่ายเงินปันผลได้ในปีหน้า "ผมคุยกับผู้ใหญ่แล้ว เห็นด้วยแต่พูดไม่ได้"

ปัจจุบันธนาคารมีส่วนล้ำมูลค่าหุ้นประมาณ 5,000 ล้านบาท นายสุภัคกล่าวว่าในส่วนของการเชื่อมระบบการบริหารภายใน ธนาคารคงต้องมีการปรับเปลี่ยนระบบของ IFCT และ DTDB ใหม่ เพื่อให้สามารถทำงานเข้ากับระบบของธนาคารทหารไทย ซึ่งก่อนหน้านี้ธนาคารทหารไทยได้ลงทุนระบบสารสนเทศไปกว่า 2,500 ล้านบาท และในส่วนที่ต้องปรับปรุงของ 2 ธนาคารอีกประมาณ 600 ล้านบาท คาดว่าภายในเดือนตุลาคมนี้จะเชื่อมระบบได้ทั้งหมด

"เราต้องมีการปรับเปลี่ยนพนักงานให้เข้ากับระบบงาน เราไม่สามารถหยุดนิ่งกับที่ได้ โดยแนวทางการให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นเป็นสิ่งที่กระทำได้ รวมถึงการจัดฝึกอบรมพนักงานใน ด้านต่างๆ รวมถึงอาจต้องเพิ่มพนักงาน เนื่อง จากขณะนี้จำนวนพนักงานของธนาคารมีเพียง 8,500 คน แต่เทียบกับขนาดของธนาคารไทยพาณิชย์แล้วซึ่งใกล้เคียงกัน มีพนักงานกว่า 10,000 คน"


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.