|
"INLIFE" เร่งล้างขาดทุนสะสมฟุ้ง 8 เดือนแรกกำไรพุ่ง58ล้านบ.
ผู้จัดการรายวัน(27 กันยายน 2547)
กลับสู่หน้าหลัก
INLIFE เดินหน้าล้างขาดทุนสะสมที่มีกว่า 300 ล้านบาท ฟุ้ง 8 เดือนแรกมีกำไรจากการดำเนินงานกว่า 58 ล้านบาท หรือขยายตัวสูงถึง 800% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีการนำเทคโนโลยีมาใช้สนับสนุนการทำงาน
นายวิชัย บัวสัมฤทธิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อินเตอร์ไลฟ์ จอห์นแฮนคอค จำกัด (มหาชน) (INLIFE) เปิดเผยว่า ผลประกอบการในช่วง 8 เดือนแรก บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงาน 58 ล้านบาท ซึ่งเทียบกับปีที่แล้วเติบโตถึง 800% โดยสาเหตุที่มีกำไรนั้นเนื่องจาก บริษัทผลิตเบี้ยประกันภัยปีต่ออายุได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ ดังนั้นเมื่อผลิตได้มากบริษัทก็นำเงินไปลงทุนเพื่อหาผลตอบแทน ซึ่งรายได้จากการลงทุนสามารถ ทำได้เกินเป้าที่ตั้งไว้
ปัจจุบันพอร์ตลงทุนของบริษัทมี 2,000 กว่าล้านบาท โดยแยกเป็นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ตราสารหนี้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกัน และหุ้นกู้เอกชน 75% เงินฝากธนาคาร 7% และประมาณ 10% ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์
นอกจากนี้ การที่บริษัทได้เพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของตัวแทน และการพัฒนาระบบเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการสนับสนุนงาน เพิ่มความรวดเร็ว ซึ่งทำให้ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของบริษัทอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดไว้
"เราไม่ได้คาดการณ์ว่าปีนี้มีกำไร เนื่องจากไม่สามารถคาดเดาว่าสภาพการลงทุนจะเป็นอย่างไร อย่างไรก็ตามผลที่ออกมา 8 เดือน เรามีกำไร ในขณะที่สิ้นปี 2546 บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานประมาณ 31 ล้านบาท" นายวิชัยกล่าว
นายวิชัย กล่าวอีกว่า กำไรของบริษัทจะนำไปล้างขาดทุนสะสมที่ปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 300 ล้านบาท ส่วนจะล้างขาดทุนได้เมื่อไรนั้นยังไม่สามารถบอกได้ ซึ่งตรงนี้คงต้องใช้เวลาเพราะบริษัทคงไม่ใช้วิธีเพิ่มทุนเพื่อล้างขาดทุนสะสม แต่จะใช้วิธีนำกำไรมาค่อย ๆ ล้าง ส่วนสาเหตุที่ทำให้บริษัทมีขาดทุนสะสมนั้น เนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ ช่วงปี 2539-2540
ทั้งนี้ในครึ่งปีหลังเชื่อว่า บริษัทจะยังมีผลประกอบการที่ดี ซึ่งเป็นผลมาจากการที่บริษัทได้พยายามปรับประสิทธิภาพ บรรยากาศในการทำงานของตัวแทน รวมถึงการนำระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาใช้ซึ่งช่วยสนับสนุนการทำงานของบริษัทให้มีประสิทธิภาพและรวดเร็วขึ้น และทำให้บริษัทสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้
"ตั้งแต่ต้นปี เราพยายามพัฒนาระบบเทคโนโลยีการจัดการ ตลอดจนคุณภาพตัวแทนให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งผลจากตรงนี้อาจทำให้เบี้ยประกันภัยรับในครึ่งปีหลังของบริษัทเกินเป้าหมายได้"
สำหรับ 8 เดือนแรก บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 324 ล้านบาท โดยมีเบี้ยปีแรกประมาณ 30 ล้านบาท ส่วนอัตราความคงอยู่ของกรมธรรม์อยู่ที่ 87.4% โดยมีเบี้ยประกันภัยต่ออายุมีอัตราการเติบโตถึง 102% ซึ่งการที่เบี้ยฯต่ออายุขยายตัวมากนั้นเชื่อว่ามาจากการให้บริการของตัวแทน และบริษัทที่คอยสนับสนุนงานให้
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทมีตัวแทน 900 คน โดยมีตัวแทนที่แอกทีฟ เพียง 28% ซึ่งสิ้นปีนี้ บริษัทตั้งเป้าตัวแทน 1.2-1.3 พันคน ผลิตเบี้ยประกันภัยปีแรก 60 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยรับรวม 600 ล้านบาท
นายวิชัย ได้กล่าวถึงผลกระทบจากปัจจัยภายนอก ซึ่งได้แก่ แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยช่วงขาขึ้น และราคาน้ำมันที่แพง อาจกระทบต่อบริษัทเล็กน้อย เนื่องจากผู้บริโภคมีการใช้จ่ายที่ระมัดระวังขึ้น ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งที่ บริษัทไม่สามารถเข้ามาควบคุมได้ แต่ถ้ามองอีกมุม หากผู้บริโภคมีการวางแผนทางการเงินที่ดีก็จะช่วยลดความเสี่ยง จากภาระหรือค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น แต่รายได้กลับไม่เพิ่มตาม เพราะฉะนั้นการทำประกันชีวิตไม่ใช่แค่ประกันภัยอย่างเดียวแต่เป็นการจัดการวางแผนทางด้านการเงินในอนาคตด้วย
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|