ธนศักดิ์ กระบวนรัตน์ "เสี่ยงตามสถานภาพ"

โดย ปัณฑพ ตั้งศรีวงศ์
นิตยสารผู้จัดการ( ตุลาคม 2547)



กลับสู่หน้าหลัก

นักเล่นหุ้นชาวไทย อาจเคยชินกับพฤติกรรมของนักเล่นหุ้นรายใหญ่ แต่สำหรับคนที่มีความรู้ระดับดอกเตอร์ เขาจะมีมุมมองต่อการลงทุนเช่นไรเป็นเรื่องที่น่าจะให้ความสำคัญ

"ช่วงแรกที่กลับมาเมืองไทยใหม่ๆ ก็ลงทุนเอง ช่วงนั้นยังโสดก็สามารถเสี่ยงได้มากหน่อย" ธนศักดิ์ กระบวนรัตน์ ผู้อำนวยการ Information and Commu-nication Technology ของสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ เล่าถึงการนำเงินเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเมื่อกลับมาอยู่เมืองไทยใหม่ๆ ในปี 2543 ซึ่งดัชนีราคาหุ้นขณะนั้นยังอยู่ระดับต่ำกว่า 300 จุด ปีนั้นเป็นปีแรกของการใช้ชีวิตการทำงานในประเทศไทยของเขา หลังจากที่ใช้เวลาที่ประเทศอังกฤษนานถึง 18 ปี

เป็นการจากบ้านเกิดเพื่อไปศึกษาตั้งแต่ระดับประถม ก่อนที่จะย้ายเข้าเมืองหลวง เพื่อศึกษาต่อปริญญาตรีด้านวิศวกรรมไฟฟ้า ที่ Kingston University ปริญญาโทด้าน International Manage-ment จาก King's College จนจบปริญญาเอก ด้าน MIS จาก CASS Busi-ness School, City University

ด้วยตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์ฯ ที่ศศินทร์ นับเป็นข้อดีอย่างหนึ่งที่ธนศักดิ์มักได้รับโอกาสให้เข้าไปมีส่วนร่วมกับโครงการที่มีผลกระทบกับคนหมู่มาก อย่างเช่น โครงการ 7 ฝันของประเทศไทย ซึ่งต้องผ่านกระบวนการศึกษาวิจัย รวมถึงทิศทางของนโยบาย ซึ่งทำให้เขาได้รับรู้ถึงแนวทางการเติบโตของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง "นโยบายไปในทิศทางไหน เงินก็จะไปตรงนั้น" เขาบอก

"ผมมีพื้นฐานความรู้ด้านไอที หุ้นส่วนใหญ่ที่ซื้อ ก็เลยเป็นหุ้นในกลุ่มนี้"

อย่างไรก็ตาม ผลตอบแทนจากการลงทุนด้วยตัวเองในช่วงแรกก็ไม่ค่อยดีนัก เพราะไม่มีเวลาในการติดตามตลาดอย่างใกล้ชิด เนื่องจากงานประจำที่ศศินทร์ และงานที่ปรึกษาองค์กรต่างๆ ที่มีอยู่มาก "และอาจเป็นเพราะจังหวะไม่ดี และเราก็ไม่ใช่ expert" เขายอมรับ

เขาใช้เวลาศึกษาตลาด โดยการนำเงินเข้าไปซื้อขายหุ้นด้วยตัวเองประมาณ 1 ปี ก็ต้องคิดเปลี่ยนมุมมองใหม่ เหตุผลสำคัญคือเขากำลังจะมีครอบครัว "ฝากไว้กับมืออาชีพ น่าจะดีกว่าเอาตัวเองไปเสี่ยง" เขาคิด

ธนศักดิ์ตัดสินใจขายหุ้นส่วนใหญ่ที่ถืออยู่เพื่อเปลี่ยนเป็นเงินสด และนำไปซื้อหน่วยลงทุน โดยเลือกลงทุนกับ บลจ.พรีมาเวสท์

ปัจจุบันจากรายรับ 100 ส่วนธนศักดิ์จะเก็บไว้ใช้จ่ายเพียง 20-30% อีก 10-15% จะนำมาซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ

"ถือเป็นการเล่นสนุกๆ"

แต่การเล่นสนุกๆ ของเขา ก็มีเป้าหมาย โดยเฉลี่ยแล้วหากหุ้นที่ถืออยู่ได้กำไรยังไม่ถึง 30% ก็ยังไม่ปล่อย ในทางตรงข้ามหากหุ้นที่เขาซื้อราคาลดลงมา เขาก็ยังคงถือไว้อยู่ เพราะถือว่าเงินที่นำมาลงทุนเป็นเงินเย็นจริงๆ และหุ้นที่เขาซื้อ ก็เป็นผลการตัดสินใจโดยวิเคราะห์จากปัจจัยพื้นฐานของแต่ละบริษัทมาแล้วจริง

ธนศักดิ์เชื่อว่าราคาหุ้นเป็นวงจรอย่างหนึ่ง เพราะแม้ว่าดัชนีราคาหุ้นจะตกลงมาจากที่เคยขึ้นไปสูงถึง 1,000 จุด แต่อีกไม่นาน ก็มีโอกาสจะกลับไปถึงจุดนั้นได้อีก

"ผมไม่ยึดเกณฑ์การ cut loss"

ส่วนรายรับที่เหลืออีกกว่าครึ่ง เขานำไปซื้อหน่วยลงทุน โดยเกือบทั้งหมดจะอยู่ในกองทุนประเภทผสมแบบยืดหยุ่น เพราะต้องการผลตอบที่รวดเร็ว ส่วนที่เหลือ ประมาณ 8-10% จะซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ ซึ่งเป็นการมองอนาคตระยะยาว

จากการจัดสัดส่วนการลงทุนดังกล่าว ผลตอบแทนที่ธนศักดิ์ได้รับจากการลงทุนปีแรกอยู่ที่ประมาณ 40% แต่ปีที่ 2 เขาได้รับผลตอบแทนถึง 100% ซึ่งจัดว่าสูงมาก

มุมมองต่อการลงทุนในตลาดหุ้นของธนศักดิ์ ถือเป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่าง "มูลค่า" และ "คุณค่า" ของคนที่จะเริ่มต้นชีวิตครอบครัว


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.