ธปท.ไม่ห่วงเงินไหลออก เฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.25%-จับตาแบงก์เล็ก


ผู้จัดการรายวัน(23 กันยายน 2547)



กลับสู่หน้าหลัก

ธปท.ยืนยันเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ไม่ส่งผลต่อตลาดเงินภายในประเทศ ขอประเมิน 2-3 วันกระทบค่าเงินบาทหรือไม่ ส่วนเงินไหลออกไม่ห่วงเพราะติดตามใกล้ชิด ด้านนายแบงก์ประเมินแบงก์ใหญ่สภาพคล่องถ่วงยังไม่ปรับตาม แต่ให้จับตาแบงก์เล็ก นักวิเคราะห์ต่างชาติชี้เฟดอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกรอบเดือนพ.ย.นี้

ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงกรณีที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% ว่า ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาที่ธปท.จะพิจารณาว่าจะส่งสัญญาณอย่างไรต่อตลาดเงินต้องประเมินภาวะ ตลาดเงินอีกระยะหนึ่งก่อน

นางทัศนา รัชตโพธิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายตลาดเงิน ธปท. กล่าวว่า เบื้องต้นการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทของไทยแต่อย่างใด เนื่องจากตลาดเงินคาดการณ์ไว้แล้ว รวมทั้งได้มีการปรับตัวเพื่อรองรับสถานการณ์ โดยช่วงนี้เงินบาท แข็งขึ้นเพียงเล็กน้อยซึ่งมีสาเหตุมาจากการที่ค่าเงินสกุลดอลลาร์อ่อนค่าขึ้น และค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเช่นกันประกอบกับการที่อัตราผลตอบแทนตลาดพันธบัตรสหรัฐฯลดลง ทำให้นักลงทุนไม่มีความมั่นใจต่อผลตอบแทนระยะยาว

"อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินในช่วงนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงซึ่งเฟดได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25 เท่านั้น ไม่ได้เป็นตัวเลขที่น่าประหลาดใจ ซึ่ง ธปท.พิจารณาแล้วก็เห็นว่าอยู่ในระดับที่สบายใจได้ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง" นางทัศนา กล่าว

ทั้งนี้ การที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะสร้างแรงกดดันต่อค่าเงินบาทหรือไม่นั้นคงต้องรอดูตัวเลขในอีก 2 - 3 วัน ซึ่งดอกเบี้ยเปลี่ยนแปลงแค่วันเดียวยังไม่สามารถตอบได้ แต่อย่างไรก็ตาม ธปท.จะติดตามและดูแลความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด ส่วนภาวะเงินทุนเคลื่อนย้ายนั้น ขณะนี้ทาง ธปท.ยังไม่พบว่ามีการเคลื่อนเงินทุนไหลออกนอกประเทศที่ผิดปกติแต่อย่างใด

เฟดขึ้นดอกเบี้ยตามคาด-ยันศก.แข็ง

คณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางแห่งสหรัฐฯ (เอฟโอเอ็มซี) ลงมติเอกฉันท์เมื่อวันอังคาร (21 ก.ย.) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน อีก 0.25% เป็น 1.75% จากเดิม 1.50% ถือเป็นการดำเนินนโยบาย เคร่งครัดทางการเงินระลอกที่ 3 นับจากเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

แถลงการณ์ของธนาคารกลางแห่งสหรัฐฯ (เฟด) ระบุว่า หลังจากเติบโตในระดับปานกลางเมื่อต้นปี อันสืบเนื่องจากการทะยานรุนแรงของราคาน้ำมัน มาขณะนี้ผลผลิตทางเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวอีกครั้ง ขณะที่ตลาดแรงงานมีสภาพการณ์ที่ดีขึ้นเช่นกัน

ในส่วนความกดดันด้านเงินเฟ้อเริ่มผ่อนคลาย ลง แม้ราคาพลังงานยังสูงอยู่ก็ตาม แถลงการณ์ยังระบุว่า ความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯระหว่างการเติบโตชะลอตัวกับราคาสินค้าพุ่ง ถือว่าอยู่ในระดับสมดุล

อลัน กรีนสแปน ประธานผู้ว่าการเฟด กล่าวว่าแม้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยมาแล้ว 3 ระลอกรวมครั้งนี้ แต่อัตราดอกเบี้ยปัจจุบันยังถือว่าต่ำ และควรยกเลิก มาตรการกระตุ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งเท่ากับเป็นการเปิดทางเลือกสำหรับเฟดในการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ หรือพักไว้ชั่วคราวหากข้อมูลเศรษฐกิจออกมาไม่ดีอย่างคาด

สำนักข่าวรอยเตอร์ได้สอบถามความคิดเห็นเทรดเดอร์ 22 คนในวอลล์สตรีท ผลปรากฏว่าทั้งหมดเห็นตรงกันว่า เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีกรอบในการประชุมนัดหน้าเดือนพฤศจิกายน หรือหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯประมาณ 1 สัปดาห์

ดีลเลอร์ 15 คนคาดหมายว่า เฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 2% ณ สิ้นปีนี้ ส่วนอีก 7 คนทำนายว่า จะมีการขึ้นดอกเบี้ยอีกหนึ่งสลึงในการประชุมเอฟโอเอ็มซีนัดที่ 8 และเป็นนัดสุดท้ายของปีนี้ในวันที่ 14 ธันวาคม

สำหรับปีหน้า เทรดเดอร์ประเมินคร่าวๆ ว่าอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ จะอยู่ระหว่าง 2-4.5% สะท้อนถึงทัศนะที่แตกต่างเกี่ยวกับแนวโน้มการเติบโตและความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ

แม้ไม่อาจคาดเดาได้ว่า เฟดจะดำเนินการอย่างไรต่อไป แต่แถลงการณ์ที่ยืนยันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯเพียงพอที่จะหนุนดัชนีดาวโจนส์ ในวันเดียวกันบวกเพิ่ม 40.04 จุด ปิดที่ 10,244.93 เช่นเดียวกับดัชนีแนสแดคและเอสแอนด์พี 500 ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ในตลาดนิวยอร์กกลับอ่อนลงเมื่อเทียบกับเงินตราเกือบทุกสกุล เนื่องจากตลาดซึมซับ ข่าวการคาดการณ์ว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยรอบสามมาระยะหนึ่งแล้ว

นายแบงก์เชื่อธปท.คุมอยู่

นายพงศธร สิริโยธิน รักษาการกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดดอกเบี้ยในประเทศยังจะไม่เคลื่อนไหวในระยะอันใกล้ เพราะสภาพคล่องยังเป็นตัวแปรหลักที่คอยถ่วงไว้ โดยแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ต้องแยกออกเป็น 2 กลุ่ม คือกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ที่มีสาขาจำนวนมาก และสามารถรับเงินฝากเพื่อนำมาใช้ปล่อยสินเชื่อได้ ซึ่งในกลุ่มนี้มองว่าจะยังไม่มีการปรับดอกเบี้ยขึ้น เพราะยังมีสภาพคล่องจากเงินฝากเหลืออยู่มาก อีกทั้งต้นทุนดอกเบี้ยต่ำ แต่สำหรับธนาคารขนาดเล็กที่พึ่งการกู้เงินจากตลาดเงิน หรือกู้เงินจากต่างประเทศเพื่อมาปล่อยสินเชื่อ อาจจะมีต้นทุนเพิ่มเนื่องจากตลาดดอกเบี้ยอินเตอร์แบงก์เริ่มปรับตัวสูงขึ้นแล้ว ดังนั้น จึงมีโอกาสขยับดอกเบี้ยขึ้นก่อนธนาคารขนาดใหญ่

นายระเฑียร ศรีมงคล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ไม่น่าจะส่งผลกระทบรุนแรงต่อประเทศไทย ซึ่งสิ่งที่ต้องติดตามดูต่อไปคือ ปริมาณเงินที่ไหลเข้าออกประเทศ และดูว่าเศรษฐกิจไทยร้อนแรงเกินไปจนต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อชะลอความร้อนแรงหรือไม่

นายธงชัย เจริญสิทธิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เรื่องนี้ต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของธปท.ว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอาร์/พี อีกหรือไม่ เพราะเรื่องนี้ธปท. จะตัดสินใจอะไรออกมาก็ต้องมีความเป็นห่วงเรื่องการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด เงินเฟ้อ ซึ่งเชื่อว่าธปท. คงต้องคิดหลายด้าน สำหรับมุมมองในขณะนี้ เชื่อว่าโอกาสที่เงินจากต่างประเทศเข้ามาสู่ประเทศไทยอาจ น้อยลง เพราะดอกเบี้ยต่างประเทศสูงกว่า แต่หากยอดส่งออกของไทยยังดีอยู่ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรมากนัก สำหรับธนาคารกสิกรไทยยังไม่มีนโยบายขึ้น อัตราดอกเบี้ยในระยะนี้เพราะสภาพคล่องยังสูงอยู่

ธปท.สั่งแบงก์ดำรงสินทรัพย์ไม่ต่ำกว่า 6%

นายสามารถ บูรณวัฒนาโชค ผู้อำนวยการอาวุโส สายนโยบายสถาบันการเงิน ธปท. ได้ออกหนังสือเวียนถึงธนาคารพาณิชย์เรื่องการกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์ดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องว่า ธนาคารพาณิชย์ต้องดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องไม่ต่ำกว่า 6% ของยอดรวมเงินฝากและเงินกู้ยืมบางประเภท โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 8 ต.ค.เป็นต้นไป

โดยต้องมีเงินฝากที่ธปท.ไม่ต่ำกว่า 0.8% เป็นเงินสดที่ศูนย์เงินสดกลางธนาคารพาณิชย์แล้วไม่ต่ำกว่า 0.2% เว้นแต่กรณีที่ธนาคารพาณิชย์ได้ดำรงเงินฝากที่ธปท.เกิน 0.8% ให้ธนาคารพาณิชย์สามารถ ดำรงเงินสดที่ศูนย์เงินสดกลางของธนาคารพาณิชย์ได้ต่ำกว่า 0.2% ตามจำนวนเงินส่วนเกินนั้น แต่เมื่อรวมแล้วต้องไม่ต่ำกว่า 1%

นอกจากนี้ เงินสดที่ธนาคารพาณิชย์ เมื่อรวมกับเงินสดที่ศูนย์เงินสดกลางธนาคารพาณิชย์ส่วนที่เกินกว่าจำนวนที่ดำรงในศูนย์เงินสดกลางธนาคารพาณิชย์ ให้ถือเป็นสินทรัพย์สภาพคล่องได้ไม่เกิน 2.5% และหลักทรัพย์ที่ปราศจากภาระผูกพันยังคงกำหนดเช่นเดิม ยกเว้น รายการตั๋วสัญญาใช้เงินที่ออกโดยบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์กรุงไทยธนกิจ จำกัด(มหาชน) และบัตรเงินฝากที่ออกโดย ธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน) ตามโครงการรับแลกเปลี่ยนตั๋ว 56 ไฟแนนซ์


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.