|
"DAIDO" ปรับโครงสร้างหนี้ปิดสาขาคืนเงินแบงก์ลดต้นทุน
ผู้จัดการรายวัน(21 กันยายน 2547)
กลับสู่หน้าหลัก
DAIDO ปรับโครงสร้างหนี้กับแบงก์ธนชาต โดยผู้ให้เช่าจะหักค่าเช่าที่ค้างชำระและคืนเงินค่าเช่าส่วนที่เหลืออยู่ให้แก่แบงก์ ซึ่งแบงก์จะหักชำระหนี้เงินต้นตามสัญญาเงินกู้ พร้อมคืนเงินที่เหลือ 1 ล้านบาท ให้บริษัทใช้เป็นทุนหมุนเวียน ส่งผลให้ต้องปิดสาขาที่ขาดทุนต่อเนื่องลงหลังจากปีที่แล้วปิดแล้วถึง 18 สาขา ทำให้ปัจจุบันมีสาขาเหลือเพียง 63 สาขาเท่านั้น
นายชนินทร์ เย็นสุดใจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไดโดมอน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (DAIDO) เปิดเผยถึงมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 12/2547 เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2547 ว่าให้มีการตกลงเจรจาและเข้าทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้กับธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) และผู้ให้เช่าพื้นที่ภายในศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์
เนื่องจากธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ได้แจ้งบังคับการโอนสิทธิการเช่าพื้นที่ของบริษัทฯ ภายในศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ ซึ่งเป็นหลักประกันการชำระหนี้เงินกู้ที่บริษัทฯ มีอยู่ต่อธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) และผู้ให้เช่ามีความประสงค์ที่จะทำการเลิกสัญญาเช่ากับบริษัทฯ
ดังนั้น จึงให้มีการเข้าทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ด้วยกัน 3 ฝ่าย การปรับโครงสร้างหนี้จะเป็นผลให้มีการเลิกสัญญาเช่า โดยผู้ให้เช่าจะหักค่าเช่าที่ค้างชำระและคืนเงินค่าเช่าส่วนที่เหลืออยู่ให้แก่ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) โดยธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ยินยอมนำเงินที่ได้จากการคืนสิทธิการเช่ามาหักชำระหนี้ต้นเงินตามสัญญากู้แทนการหักชำระดอกเบี้ย และจะคืนเงินจำนวน 1,000,000 บาท แก่บริษัทฯ เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการ
ทั้งนี้ ให้มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการดำเนินงานทางธุรกิจโดยปิดสาขาที่มีผลประกอบการขาดทุนอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทฯ มีกิจการสาขา คงเหลือ 63 สาขา ทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัด
ก่อนหน้านี้เมื่อสิ้นปี46 DAIDO ได้ปิดสาขาที่ไม่ทำกำไรลง ส่งผลให้ผลการดำเนินงานของบริษัทงวดสิ้นปี 46 กลับยิ่งขาดทุนเพิ่มขึ้น ขณะที่รายได้จากการขายลดลงกว่า 20% ซึ่งเกิดขึ้น เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันดีขึ้น จึงทำให้บริษัทมีคู่แข่งขันในธุรกิจร้านอาหารและภัตตาคารเพิ่มขึ้นจากการขยายสาขาหรือเปิดกิจการขึ้นใหม่ แต่บริษัทได้ปิดดำเนินการ สำหรับสาขาที่หมดสัญญาและบริษัทฯ เล็งเห็นว่าไม่สามารถทำกำไรได้ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ยอดขายในภาพรวมลดลง โดยบริษัทปิดสาขาถึง 18 สาขา เพื่อลดค่าใช้จ่าย
อย่างไรก็ตาม งบการเงินสำหรับงวด 6 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2547 ซึ่งปรากฏว่าเมื่อเปรียบเทียบกับผลการ ดำเนินงานของบริษัทฯ ประจำรอบระยะเวลาเดียวกัน บริษัทฯ มีผลกำไร (ขาดทุน) เปลี่ยนแปลงเกินร้อยละ 20 นั้น บริษัทขอชี้แจงว่าเป็นเพราะผลประกอบกิจการมีผลขาดทุนสุทธิ 430.33 ล้านบาทที่เกิดจากการดำเนินงาน 137.96 ล้านบาท เนื่องจากในงวด 6 เดือน ปี 2547 ยอดขายเมื่อเปรียบเทียบกับงวด 6 เดือน ปี 2546 ลดลง 115.08 ล้านบาท คิดเป็นอัตราร้อยละ 33.90 โดยที่ต้นทุนสินค้าเพื่อขายลดลง 15.69 ล้านบาท คิดเป็นอัตราร้อยละ 5.90 ค่าใช้จ่ายลดลง 4.32 ล้าบาท คิดเป็นอัตราร้อยละ 4.13
บริษัทบันทึกผลขาดทุนจากรายการพิเศษที่บริษัทฯ ได้ตั้งค่าเผื่อไว้เป็นมูลค่า 290.49 ล้านบาท มีรายละเอียดดังนี้ ผลขาดทุนจากค่าเผื่อการลดมูลค่าสินทรัพย์ถาวรและสิทธิการเช่า 284.90 ล้านบาท ผลขาดทุนจากสำรองภาษีมูลค่าเพิ่มรอขอคืน 5.59 ล้านบาท
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|