5 หุ้นใหม่เข้าคิวเทรดลุ้นเหนือจองไม่นาน


ผู้จัดการรายวัน(9 กันยายน 2547)



กลับสู่หน้าหลัก

เดือน ก.ย. 5 หุ้นน้องใหม่เดินสายเข้า SET-MAI "เอเชียน อินซูเลเตอร์-สามชัย-ดี อี แคปปิตอล-ดีคอน โปรดักส์-ทีกรุงไทย" เม็ดเงินระดมทุนรวมประมาณ 2.2 พันล้านบาท "ยูโอบี" ทำนายหุ้นใหม่เดือนนี้เหนือจองได้ทั้งหมด แต่ต้องจับตายืนได้นานแค่ไหน เหตุกลางเดือน ก.ย.-ต.ค.มี 3 ปัจจัยกังวล "ดอกเบี้ย-น้ำมัน-ก่อการร้าย" กระทบตลาดหุ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของหุ้นน้องใหม่ที่พร้อมจะเข้าซื้อขายทั้งในส่วนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET)และตลาดหลักทรัพย์ใหม่(MAI) ในช่วงกันยายน ประกอบด้วยบริษัท เอเชียน อินซูเลเตอร์ (AI) ซึ่งจะเทรดวันที่ 9 ก.ย. โดยเสนอขายหุ้น จำนวน 20 ล้านหุ้น ในราคาจอง 48 บาท,บริษัทสามชัย สตีล อินดัสทรี จำกัด (SAM)จะเทรดวันที่ 15 ก.ย. โดยเสนอขายหุ้นจำนวน 30 ล้านหุ้น ในราคาจอง 10 บาท, บริษัท ดีอี แคปปิตอล (DE) จะเทรดวันที่ 17 ก.ย. โดยเสนอขายหุ้นจำนวน 110 ล้านหุ้น ในราคาจอง 4.3 บาท, บริษัทดีคอน โปรดักส์ (DCON) จะเทรดวันที่ 20 ก.ย. โดยเสนอขายหุ้นจำนวน 40 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 9.25 บาท และบริษัททีกรุงไทย จะเทรดในช่วงปลายเดือนก.ย. โดยเสนอขายหุ้นจำนวน 40 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 4-4.25 บาท

ทั้งนี้ จากการรวบรวมมูลค่าเงินที่ 5 บริษัทระดมทุนเข้าตลาดหลักทรัพย์มีจำนวนรวมทั้งสิ้นประมาณ 2,200 ล้านบาท โดยหลายบริษัทให้ความเห็นถึงการเข้าเทรดในช่วงเดือนกันยายนว่า เป็นที่ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้งจากการปรับลดลงอย่างต่อเนื่องของดัชนีในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้เพราะปัจจัยหลายเรื่องที่เข้ามากระทบในช่วงดังกล่าว

นอกจากนี้ ความสนใจในการลงทุนในหุ้นใหม่ของประชาชนก็เริ่มที่จะได้รับความสนใจมากขึ้น เพราะหุ้นใหม่หลายตัวในช่วงครึ่งหลังของปีสร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นในระดับสูง จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับมาอีกครั้ง

นายสิทธิพร เจนในเมือง ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ยู โอ บี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า การเข้ามาซื้อขายของหุ้นใหม่หลายๆ ตัวสร้างทางเลือกให้กับประชาชนในด้านการลงทุน แต่โดยส่วนตัวเชื่อว่าตลอดทั้งเดือนนี้หุ้นที่เข้าใหม่น่าจะสามารถยืนเหนือราคาจองได้ในวันแรก แต่ตามสัญญาณทางด้านเทคนิคในช่วงกลางเดือนก.ย.-ต.ค นี้ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทยจะเริ่มกลับมาซบเซาอีกครั้ง ซึ่งอาจจะกระทบต่อการปรับขึ้นของราคาหุ้นเหนือราคาจองก็ได้

สำหรับปัจจัยที่ต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิดยังคงเป็น 3 ปัจจัยหลัก ทั้งเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งในส่วนของไทยอาจจะต้องมีการปรับขึ้นหลังการปรับขึ้นของธนาคารกลางสหรัฐฯ หากมีการปรับขึ้นในระดับที่เกินที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้จะเป็นตัวที่กระทบต่อภาคการลงทุน เรื่องแนวโน้มราคาน้ำมันยังเป็นประเด็นที่ต้องติดตามเพราะสร้างผลกระทบให้กับตลาดหุ้นอย่างต่อเนื่อง และเรื่องภัยการก่อการร้ายซึ่งหากมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นอาจจะเกิดภาวะตื่นตระหนกขึ้นกับตลาดหุ้นทั่วโลก

แหล่งข่าวจากโบรกเกอร์ กล่าวว่า การกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้งสำหรับหุ้นใหม่ เนื่องจากภาวะตลาดหุ้นยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามาหนุนอย่างชัดเจน นักลงทุนจึงอาศัยผลตอบแทนที่สูงจากการจองซื้อหุ้นใหม่ ประกอบกับความสนใจของนักลงทุนเริ่มกลับมาเก็งกำไรในหุ้นขนาดเล็ก แม้ว่าจะมีความผันผวนมากก็ตาม

อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมาหลังจากหุ้นใหม่ เข้าซื้อขายในวันแรกจะมีการขายทำกำไรค่อนข้างมาก ซึ่งทำให้หุ้นในบางตัวมีการปรับลดลงต่ำกว่าราคาจอง ทั้งนี้นักลงทุนควรใช้ความระมัดระวังในการลงทุนหากเป็นนักลงทุนรายย่อยเมื่อได้กำไรจากราคาที่ปรับตัวขึ้นไป ควรขายออกมาทำกำไรก่อนค่อยดูการ ปรับตัวอีกครั้ง

สำหรับการเข้าซื้อขายของหุ้นใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าในวันแรกจะสามารถยืนเหนือราคาจองได้ทั้งหมด เพราะหากมองแนวโน้มการปรับขึ้นของดัชนีจะเป็นตัวช่วยหนุนให้หุ้นน้องใหม่ดีด้วย นอกจากนี้การที่มีหุ้นใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่องจะเป็นทางเลือกให้ประชาชนผู้ลงทุนพิจารณาข้อมูลบริษัทที่จะสามารถสร้างผลตอบแทนในระดับที่สูงกว่าการฝากเงิน


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.