|
N.C.เพิ่มยอดบ้านสั่งสร้างลดความเสี่ยงบริหารง่าย
ผู้จัดการรายวัน(9 กันยายน 2547)
กลับสู่หน้าหลัก
"เอ็น.ซี." พลิกกลยุทธ์ปรับลดบ้านพร้อมอยู่เหลือ 30-40% พร้อมเพิ่มสัดส่วนบ้านสั่งสร้างเป็น 60% ชี้บ้านสั่งสร้างยืดหยุ่นสูงบริหารต้นทุนง่าย เชื่อลูกค้าไม่หนีเหตุมั่นใจแบรนด์เอ็น.ซี.ฯ ย้ำ ผลประกอบการเป็นเครื่องชี้วัด เผยแนวทางแก้ปัญหาผลกระทบราคาน้ำมัน ดอกเบี้ยผันผวน อาจต้องหารือพันธมิตรคู่ค้าวัสดุก่อสร้าง ควบคู่สถาบันการเงินให้มากขึ้น เพื่อสร้างความได้เปรียบกับคู่แข่งขัน
นายสมนึก ตันฑเทอดธรรม รองกรรมการผู้จัดการบริษัท เอ็น.ซี. เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า นับจากช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2547 เป็นต้นไป บริษัทฯได้เริ่มปรับเพิ่มสัดส่วนการก่อสร้างบ้านสั่งสร้าง เพิ่มมากขึ้นเป็น 50-60% จากเดิมที่มีสัดส่วนการก่อสร้างบ้านสั่งสร้าง อยู่ที่ประมาณ 30-40% หลังจากที่ในช่วงไตรมาสที่ 1 และ 2 ที่ผ่านมา บริษัทฯเน้นสร้างบ้านพร้อมอยู่เป็นหลัก โดยมีสัดส่วนการก่อสร้าง ประมาณ 30-40% ซึ่งตั้งแต่ในไตร-มาสที่ 3 นี้ไป บริษัทจะลดสัดส่วนการก่อสร้างบ้านพร้อมอยู่ลงมาเหลือ 20%
ทั้งนี้ การที่บริษัทฯหันมาให้ความสำคัญกับบ้านสั่งสร้างมากขึ้น เนื่องจากบ้านสั่งสร้างมีความยืดหยุ่นและมีความคล่องตัวในเรื่องของต้นทุนในการก่อสร้างมากกว่าบ้านพร้อมอยู่ ซึ่งการก่อสร้างบ้านพร้อมอยู่นั้นจะมีปัญหาในเรื่องของ การบริหารต้นทุนมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของภาระดอกเบี้ย หรือการบริหารต้นทุนวัสดุก่อสร้าง ซึ่งหากระยะเวลาในการขายบ้านยืดออกไป จะทำให้บริษัทฯต้องแบกรับต้นทุนในการก่อสร้างมากขึ้น ในขณะที่บ้านสั่งสร้างจะมีปัญหาในเรื่องต้นทุนการก่อสร้างน้อยกว่า เพราะไม่ต้องแบกภาระในเรื่องดังกล่าว
ส่วนปัญหาเรื่องความเชื่อมั่นของลูกค้าซึ่งอาจจะส่งผลต่อยอดขายของบริษัท เพราะลูกค้าไม่มั่นใจและกลัวว่าจะไม่ได้บ้านเมื่อจ่ายเงินซื้อแล้ว เนื่องจากก่อนหน้าวิกฤตเศรษฐกิจ ลูกค้านิยมซื้อบ้าน สั่งสร้างเป็นส่วนมาก แต่เมื่อจ่ายเงิน แล้วผู้ประกอบการกลับไม่ก่อสร้างบ้านให้ และนำเงินหนีไป ทำให้ในช่วงหลังปี 2545 เป็นต้นมาลูกค้าหันมาซื้อบ้านพร้อมอยู่มากขึ้น เพราะไม่มั่นใจในตัวผู้ประกอบการ ซึ่งเรื่องนี้นายสมนึกกล่าวอย่างมั่น ใจว่าลูกค้ามีความเชื่อมั่นและไว้ใจในตราสินค้าของบริษัทเอ็น.ซีฯ และ จะยังเข้ามาซื้อบ้านสั่งสร้างในทุกโครงการของบริษัทฯอย่างแน่นอน เนื่องด้วยความเป็นบริษัทที่จด-ทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประกอบกับผลประกอบการที่ผ่านมาได้สร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้าและผู้ถือหุ้นของบริษัทได้เป็นอย่างดี
"สำหรับในโครงการที่บริษัทเริ่มมีการเพิ่มสัดส่วนของบ้านสั่งสร้างมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มีอยู่ 2 โครงการคือ โครงการบ้านฟ้ากรีนปาร์คธนบุรีรมย์ และบ้านฟ้าปิยะรมย์พฤกษาวารี อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 โครงการยังคงมีบ้านพร้อมอยู่ และบ้านสร้างก่อนขายอยู่ในโครงการด้วย" นายสมนึกกล่าว
นายสมนึก กล่าวถึงแนวทางในการแก้ปัญหาและการบริหารต้นทุน เนื่องจากผลกระทบจากปัจจัย ความผันผวนของราคาน้ำมัน และอัตราดอกเบี้ยเงิน กู้ว่า สำหรับแนวทางในการแก้ปัญหาเรื่องผลกระทบ จากราคาน้ำมัน ซึ่งจะส่งผลให้วัสดุก่อสร้างมีการปรับ ตัวสูงขึ้นนั้น ต้องมีการเจรจากับผู้ประกอบการวัสดุก่อสร้างที่เป็นคู่ค้ากับ เอ็น.ซี.ให้มากขึ้น เพื่อเป็น การลดความเสี่ยงในเรื่องต้นทุนของบริษัท ซึ่งแนว ทางดังกล่าวเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่บริษัทจะดำเนินการ เพราะการแก้ปัญหาเรื่องนี้ยังมีอีกหลายวิธี
ส่วนแนวทางในการแก้ปัญหาเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ (สินเชื่อเคหะ) นั้น บริษัทอาจจะต้องมีการเจรจากับธนาคารที่เป็นพันธมิตรทางด้าน การเงิน เพื่อช่วยเหลือให้ลูกค้าของบริษัทมีความคล่อง ตัวในการผ่อนชำระเงินกู้มากขึ้น และเพื่อให้บริษัทสามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการรายอื่นในตลาดได้ นอกจากนี้ยัง เป็นการลดความเสี่ยงของบริษัทและลูกค้าไปด้วย
"เรื่องของอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อโครงการที่อาจจะมีการปรับขึ้นในปี 2548 เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบ จนทำให้เกิดปัญหากับบริษัทเอ็น.ซี.ฯ เนื่องจากบริษัท มีความได้เปรียบในการเข้าถึงแหล่งเงิน ทำให้สามารถ บริหารต้นทุนได้ง่ายกว่าบริษัทที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งวิธีการเข้าถึงแหล่งเงินมีหลายวิธี ไม่ว่าการออกหุ้นกู้เพื่อระดมทุนเพื่อใช้ในการก่อสร้างโครงการใหม่ จัดหาที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการ หรือการจัดซื้อวัสดุก่อสร้างที่ทำได้ง่ายและมีต้นทุนที่ไม่สูง" นายสมนึกกล่าว
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|