|
CK รายได้รวมปีนี้พลาดเป้า 50%
ผู้จัดการรายวัน(2 กันยายน 2547)
กลับสู่หน้าหลัก
ช.การช่าง แจงรายได้ปีนี้หดกว่า 50% จากเดิมตั้งเป้า 1.2 หมื่นล้านบาท หดเหลือ แค่ 8 พันล้านบาท เพราะ "โครงการวงแหวนด้านใต้" ล่าช้า มั่นใจปีหน้ารายได้เพิ่มเป็น 1.2 หมื่นล้าน บาท ลั่นพร้อมลุยเมกะโปรเจกต์ของรัฐบาลมูลค่า 6 แสนล้าน ตั้งเป้าประมูลงานได้ 20% เล็งออกหุ้น กู้ 3 พันล้านบาทปลายปีนี้ เพื่อรีไฟแนนซ์หนี้ ขณะที่การนำBMCL เข้าจดทะเบียนในตลาด หลักทรัพย์เลื่อนไปปีหน้า
นายประเสริฐ มริตตนะพร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานบัญชีและการเงิน บริษัท ช. การช่าง จำกัด (มหาชน) (CK) เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับประมาณรายได้รวมปี 2547 จากเดิมที่ประเมินว่าทั้งปีจะมีรายได้รวมประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท ลดลงเหลือประ-มาณ 8 พันกว่าล้านบาท เนื่องจากการรับรู้รายได้จากโครงการวงแหวนด้านใต้มีความล่าช้า
โดยโครงการนี้มีมูลค่ากว่า 1.5 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจะสามารถเริ่มงานได้ภายในไตรมาส 2 ของปีนี้ แต่มีการเลื่อนระยะเวลาออกไปและเพิ่งเริ่มงานได้เมื่อวันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งทำให้การรับรู้รายได้ในปีนี้ลดลง จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ต้องปรับประมาณการรายได้ใหม่ ซึ่งใกล้เคียงกับรายได้เมื่อปีที่ผ่านมา
โดยครึ่งปีแรกของปีนี้ บริษัทมีรายได้รวม 2,965 ล้านบาท แต่คาดว่าในครึ่งปีหลังจะเพิ่มขึ้น ทำให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ที่มีรายได้รวมทั้งปี 8,068 ล้านบาท และปี 2548 คาดว่าจะมีรายได้รวมประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 50% เมื่อเทียบกับปีนี้ ปัจจุบันมีโครงการที่ประมูลได้แล้วกว่า 2.25 หมื่นล้านบาท
นายประเสริฐ กล่าวว่าจะเข้าไปประมูลโครงการลงทุนในสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ของรัฐ ที่ในช่วง 6 ปีข้างหน้าจะมีการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่มูลค่า กว่า 6.45 แสนล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะประมูลงานได้ประมาณ 20% ขณะเดียวกันบริษัทอยู่ระหว่างเซ็นสัญญาในโครงการจ้างงานก่อสร้างมหกรรมพืชสวนโลก มูลค่าโครงการ 1.19 พันล้านบาท และมีงานรอประมูล 2 โครงการมูลค่าประมาณ 14 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมออกหุ้นกู้จำนวน 3 พันล้านบาท ปลายปีนี้โดยแต่งตั้งให้ธนาคารกสิกรไทยเป็นที่ปรึกษาการเงินและตัวแทนจำหน่าย เพื่อนำเงินไปใช้หนี้เงินกู้และลดภาระดอกเบี้ย ส่วนที่เหลือใช้เป็นทุนหมุนเวียน
ส่วนความคืบหน้าในการนำ บริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ (BMCL) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จำเป็นต้องรอดูภาวะตลาด ไม่เกี่ยวกับการที่รัฐเจรจาซื้อหุ้นคืน โดยการเจรจาตกลงเรื่องราคาขายหุ้น BMCL ทางผู้บริหารได้เสนอราคาขายให้แก่ภาครัฐ 3 บาทต่อหุ้น แต่บริษัทยังไม่ได้รับการติดต่อจากหน่วย งานของภาครัฐให้เข้าไปเจรจาตกลงเรื่องราคา
"ตอนนี้ยังไม่มีการเรียกเข้าพบกับหน่วยงานของภาครัฐ ซึ่งเท่าที่ทราบก็มีเพียงหนังสือจากกระทรวงคมนาคมแจ้งให้ทาง CK ทราบเรื่องการขอซื้อหุ้นคืนของภาครัฐ ซึ่งเราก็พร้อมที่จะเจรจาหากภาครัฐพร้อม ส่วนข่าวที่ว่ามีหนังสือจากหน่วยงานของภาครัฐแจ้งแก่ ก.ล.ต. ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนเสนอซื้อหุ้น BMCL นั้น ทางเราก็ไม่ทราบว่า ก.ล.ต.ได้รับหนังสือฉบับนี้หรือยัง แต่ถ้าแผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลง เชื่อว่าทางสำนักงานก.ล.ต.จะต้องมีหนังสือแจ้งมา"
สำหรับการดำเนินงานของ BMCL หลังเปิดให้บริการ และมีการปรับราคาค่าโดยสารเมื่อวันที่ 13 ส.ค. จำนวนผู้มาใช้บริการลดลงจาก 2.3 แสนคน ลง มาเหลือเฉลี่ยวันละ 1.6-1.8 แสนคน แต่ทางบริษัทก็ได้ค่าบริการเพิ่มขึ้น โดยบริษัทเชื่อว่าในภาวะที่ราคาน้ำมันแพงจะทำให้คนหันมาใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินมากขึ้น และในอนาคตภายในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินก็จะมีร้านค้าปลีกมาตั้งเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะเป็นสิ่งหนึ่งที่เป็นสิ่งจูงใจให้มีผู้มาใช้บริการ BMCL เพิ่มขึ้น ปัจจุบันขบวนรถไฟฟ้าของ BMCL มี 19 หัว 5 โบอิ้ง สามารถรองรับผู้โดยสารได้ทั้งหมด 2.5- 3 แสนคนต่อวัน
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|