|
"ภิรมย์" มั่นใจEWCเทรดวันแรกเจ๋งคาดเมกะโปรเจกต์ดันรายได้กระฉูด
ผู้จัดการรายวัน(1 กันยายน 2547)
กลับสู่หน้าหลัก
"ภิรมย์" มั่นใจหุ้น EWC กลับเข้ามาเทรดหมวดปกติวันแรก 1 กันยายนนี้ คาดได้รับการตอบรับจากนักลงทุน ระบุโบรกเกอร์ฟันธง ราคาที่เหมาะสมอยู่ที่ 16-21 บาทต่อหุ้น โดยปีนี้ตั้งเป้ารายได้เพิ่ม 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้เกือบ 600 ล้านบาท แจงกลุ่มธุรกิจรับเหมาก่อสร้างอนาคตสดใส หลังรัฐเตรียมลงทุนเมกะโปรเจกต์กว่า 5 แสนล้านบาท ใน 3 ปีข้างหน้า และโครงการที่จะเกิดขึ้น ในช่วง 9 ปีข้าง หน้า มีมูลค่ากว่า 2 ล้านล้านบาท ถือเป็นโอกาสทางธุรกิจ ที่จะทำรายได้เพิ่ม
นายภิรมย์ ปริยวัต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อีสเทิร์นไวร์ (EWC) เปิดเผยว่า ในวันที่ 1 กันยายน EWC จะกลับเข้ามาซื้อขายในตลาดหุ้นอีกครั้งในรอบ 7 ปี ในกลุ่มวัสดุก่อสร้าง หลังแช่อยู่ในหมวดฟื้นฟูกิจการ (REHABCO) มานาน และคาดว่าหุ้น EWC น่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นจำนวนมาก แต่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าราคาหุ้นจะอยู่ที่ระดับเท่าใด แต่จากการประมาณการของบริษัทหลักทรัพย์ซีมิโก้ ระบุว่าราคาที่เหมาะสมของ EWC อยู่ที่ระดับ 16-21 บาท/หุ้น โดยราคาปิดครั้งสุดท้ายของบริษัทอยู่ที่ 1.90 บาทต่อหุ้น ขณะที่มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) อยู่ที่ 10 บาทต่อหุ้น
จากการที่รัฐบาลมีนโยบายลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจกต์ ด้านระบบขนส่งภายในประเทศ ซึ่งในเบื้องต้นตามแผน 3 ปีข้างหน้าจะมีการลงทุนกว่า 5 แสนล้านบาท ในโครงการขนส่งมวลชน เขตกรุงเทพฯและปริมณฑล 3.9 แสนล้านบาท โครงการทางด่วนเลียบชายฝั่ง สมุทรสาคร-ชะอำ 7 หมื่นล้านบาท โครงการทางด่วนขั้นที่ 2 จำนวน 4 เส้นทาง 2.5 หมื่นล้านบาท สะพานข้ามแยกอุโมงค์และโทลเวย์ 1 โครงการ 7.8 พันล้านบาท และโครงการสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา 4 โครงการ มูลค่า 1.1 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ โครงการของภาครัฐที่จะเกิดขึ้นนับจากปี 2547-2556 มูลค่ารวมกว่า 2 ล้านล้านบาท เช่น โครงการขนส่งมวลชน 3.9 แสนล้านบาท โครงการรถไฟรางคู่ 9.6 หมื่นล้านบาท โครงการมอเตอร์เวย์ 6.3 แสนล้านบาท ทางด่วนยกระดับระยะที่ 2 และระยะที่ 3 จำนวน 5 หมื่นล้านบาท สะพานข้ามแยกอุโมงค์และโทลเวย์ 2.3 หมื่นล้านบาท โครงการสนามบินสุวรรณภูมิ 1.32 แสนล้านบาท โครงการบ้านเอื้ออาทร 2.14 แสนล้านบาท โครงการระบบชลประทาน 4.33 แสนล้านบาท โครงการสาธารณูปโภค-ไฟฟ้า 3.16 หมื่นล้านบาท และโครงการของ ทศท 8.04 พันล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานในปีนี้ คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นกว่า 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในปี 2546 บริษัทมีรายได้รวมประมาณ 580 ล้านบาท โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2547 บริษัทมีรายได้รวม 356 ล้านบาท และในปีนี้จะมีกำไรจากรายพิเศษเสริมเข้ามานั่นคือกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ ประมาณ 200 ล้านบาท
"แม้ว่าครึ่งปีหลังธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะชะลอตัวลดลง แต่ 3 ปีจากนี้ ภาครัฐบาลยังเน้นการสร้างสาธารณูปโภคในวงเงิน 5 แสนล้าน ทำให้บริษัทเชื่อมั่นว่ามีแนวโน้มเติบโตในทางที่ดี" นายภิรมย์กล่าว
ส่วนแผนงานในอนาคต เขาระบุว่า EWC จะพยายามรักษาคุณภาพมาตรฐานการผลิตให้อยู่ในระดับที่สูง รวมทั้งมีการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ และหาช่องทางธุรกิจที่หลากหลาย โดยเน้นกลยุทธ์ราคาและการบริการหลังการขายเพื่อให้เกิดความพอใจของลูกค้า
นอกจากนี้บริษัทยังเตรียมเพิ่มกำลังการผลิตลวดเหล็กแรงดึงสูงชนิดเส้นเดี่ยว (PC-WIRE) โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาการลงทุนในเครื่องจักรอุตสาหกรรมซึ่งคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณเครื่องละ 50 ล้านบาท โดยมีกำลังการผลิต 1.5 พันตันต่อปี ขณะเดียวกันบริษัทจะพยายามขยายบริษัทย่อยให้เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเป็นการกระจายความเสี่ยง และเพิ่มความแข็งแกร่งด้านผลประกอบการของบริษัทให้มากขึ้น โดยในอนาคตจะเห็นบริษัทมีการดำเนินธุรกิจที่หลากหลาย แต่ยังมุ่งเน้นธุรกิจด้านวัสดุก่อสร้าง เนื่องจากความชำนาญเฉพาะด้าน
ส่วนแผนงานในอนาคต บริษัทเตรียมลงทุนเพิ่มในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจก่อสร้าง เพื่อให้การดำเนินธุรกิจครบวงจร ปัจจุบันมีกำลังการผลิต 4.2 หมื่นตันต่อปี และรายได้หลักมาจากการผลิตลวดเหล็กแรงดึงสูงชนิดเส้นเดี่ยว (PC-WIRE) 55% โดยมีมาร์เกตแชร์ประมาณ 15-16% และกำลังการผลิต 3 แสนตันต่อปี แบ่งเป็นงานจากราชการประมาณ 60% และเอกชนประมาณ 15-20% ที่เหลือเป็นรายย่อย
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|