สภาธุรกิจฯ หนุนตลาดทุนชูหุ้นยักษ์มูลค่า 3 แสนล้าน


ผู้จัดการรายวัน(31 สิงหาคม 2547)



กลับสู่หน้าหลัก

สภาธุรกิจตลาดทุนฯประกาศเป้าหมายเป็นพลังผลักดันพัฒนาตลาดทุนไทย ภารกิจแรก "ไทยแลนด์โฟกัส" ไปได้สวย กองทุนใน-นอก 100 แห่ง ซึ่งบริหารสินทรัพย์ 16 ล้านล้านบาทตอบรับเข้าร่วมฟังโรดโชว์ในประเทศ "กองทุนเพื่อการลงทุนของรัฐบาลสิงคโปร์-กองทุนฟิเดลิตี้ฟันด์" เข้าร่วมด้วย ขณะที่ว่าที่หุ้นไอพีโอ ยักษ์ใหญ่เบียร์ช้าง-ไทยออยล์-อสมท. มูลค่าตลาดรวม 3 แสนล้านบาท เข้าร่วมบรรยายข้อมูลด้วย

นายสุเทพ พีตกานนท์ ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (สธท.) เปิดเผยว่า สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (สธท.)จัดตั้งขึ้นโดยความร่วมมือของ 6 องค์กรในตลาดทุนไทย ซึ่งมีสมาชิกของสมาคมและผู้ประกอบการในตลาดทุนไทยรวมเกือบ 500 ราย โดย สธท.จะเป็นองค์กรกลางที่จะผลักดันหรือเสนอแนะเกี่ยวกับนโยบายการทำงานที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตลาดทุน ทั้งในการแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่อการดำเนินงานและนโยบายขององค์กรต่าง ๆ เพื่อเป็นพลังผลักดันให้เกิดการพัฒนาตลาดทุนภายใต้เป้าหมายหลัก 3 ประการ ได้แก่ 1) เสริมสร้างพัฒนาตลาดทุนให้มีเสถียรภาพ มั่นคง 2)ผลักดันเรื่องบรรษัท ภิบาลอย่างมีระบบเป็นรูปธรรม และ 3)มีส่วนรับผิดชอบต่อสังคม

ที่สำคัญ เน้นการเปิดเผยข้อมูลที่โปร่งใส ไม่บิดเบือน และมีระบบการบริหารจัดการที่โปร่งใส ยุติธรรม เพื่อสร้างมาตรฐานที่ดีของภาคธุรกิจในตลาดทุนไทย

สำหรับงานแรกของ สธท.ที่กำลังดำเนินการคือการจัดงานไทยแลนด์โฟกัส 2004 ระหว่างวันที่ 20-23 กันยายน 2547 ณ โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ โดยคาดว่าจะมีผู้ร่วมงานประมาณ 600 คน และจะมีผู้บริหารระดับสูงและผู้จัดการกองทุนต่าง-ประเทศชั้นนำเข้าร่วม เช่นกองทุนเพื่อการลงทุนของรัฐบาลสิงคโปร์และกองทุนฟิเดลิตี้ ฟันด์ซึ่งเป็นกองทุนขนาดใหญ่จากสหรัฐฯที่ตอบรับเข้าร่วมงานแล้ว

นอกจากนี้ จะมีบริษัทข้ามชาติที่ตลาดหลักทรัพย์ได้เชิญมาร่วมงานจำนวน 4 บริษัท ส่วนบริษัท ที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่จะเข้าร่วมก็มี 3 บริษัท ได้แก่ บริษัทไทยเบฟเวอร์เรจ หรือเบียร์ช้าง, บริษัทไทยออยส์และองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทยหรืออสมท. ส่วนบริษัทจดทะเบียนที่เข้าร่วมมีจำนวน 44 บริษัทซึ่งเป็นบริษัทที่มีขนาดใหญ่และอยู่ใน SET50 คาดว่างานไทยแลนด์โฟกัสจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนต่างประเทศ

"การจัดงานไทยแลนด์โฟกัสจะช่วยทำให้นักลงทุนต่างประเทศได้รับข้อมูลเกี่ยวกับเศรษฐกิจของไทยมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเกิดผลดีต่อมาเหมือนกับในกรณีของเอสแอนด์พีก่อนหน้านี้ที่ได้ปรับมุมมองไทยดีขึ้น หลังจากได้รับข้อมูลที่เพิ่มมากขึ้น" นายสุเทพกล่าว

นายสุเทพกล่าวว่า สธท.จะเป็นองค์กรกลางที่จะผลักดันหรือเสนอแนะเกี่ยวกับนโยบายการทำงานที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตลาดทุน โดยจะเป็นองค์กรหลักที่จะประสานความร่วมมือระหว่างองค์กรที่เกี่ยวข้อง โดยมีเป้าหมายหลัก 3 ประการคือ 1.การเสริมพัฒนาตลาดทุนให้มีเสถียรภาพมั่นคง, 2.ผลักดันเรื่องบรรษัทภิบาลให้เกิดขึ้นในองค์กรตลาด ทุนทั้งระบบอย่างมีรูปธรรม และ 3.มีส่วนร่วมรับผิดชอลต่อสังคม สิ่งแวดล้อมและการศึกษาทั้งนี้ สธท.จะส่งเสริมให้องค์กรในตลาดทุนทั้งภาครัฐและเอกชนเปิดเผยข้อมูลที่ครบถ้วน ถูกต้อง โปร่งใสไม่บิดเบือน มีระบบการบริหารจัดการที่โปร่งใส ยุติธรรมเพื่อสร้างมาตรฐานที่ดีของภาคธุรกิจในตลาดทุนไทย และยังร่วมกับสมาชิกในการประหยัดพลังงานเพื่อเป็นตัวอย่างให้แก่องค์กรอื่นๆ

นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ รองประธานกรรมการ สธท.เปิดเผยว่า สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์จะร่วมพัฒนาตลาดทุนโดยจัดอบรมและสัมมนาให้ความรู้แก่นักวิเคราะห์ เพื่อสร้างนักวิเคราะห์ที่มีคุณภาพผลิตผลงานโดยยึดถือหลักจรรยาบรรณและแนวทางของสมาคมโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของนักลงทุน เพื่อให้ผลงานของนักวิเคราะห์คงความเป็นกลางและมีความน่าเชื่อถือสูงสุด

นายมัชฌิมา กุญชร ณ อยุธยา รองประธานกรรมการ สธท.กล่าวว่า ในส่วนของสมาคมบริษัทจดทะเบียนจะมีการสนับสนุนให้บริษัทจดทะเบียนพัฒนาคุณภาพสินค้าและบริการ รวมถึงส่งเสริมการ นำหลักบรรษัทภิบาลที่ดีและการบริหารความเสี่ยงไป ใช้กิจการต่างๆ อย่างจริงจังควบคู่กับการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจของบริษัท

นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย ประธานศูนย์ระดมทุนตลาดหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ใหม่ เปิดเผยว่า นอกจากบริษัทที่อยู่ใน SET50 แล้ว ตลาด หลักทรัพย์ได้เชิญบริษัทที่อยู่ระหว่างกระบวนการเข้าจดทะเบียนอีกจำนวน 3 บริษัทเพื่อร่วมนำเสนอข้อมูลในงานไทยแลนด์โฟกัสด้วย ซึ่งมีมูลค่าตามราคาตลาด (มาร์เกตแคป) รวมกันประมาณ 3 แสนล้านบาท ได้แก่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) มาร์-เกตแคปประมาณ 3 หมื่นล้านบาท บริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)มาร์เกตแคปประมาณ 6 หมื่นล้านบาท และบริษัทไทยเบฟเวอร์เรจ จำกัด (มหาชน)หรือกลุ่มบริษัทในเครือเบียร์ช้าง ที่มีมาร์เกตแคปกว่า 2 แสนล้านบาท

"การเชิญบริษัทที่อยู่ในกระบวนการเข้าตลาดหลักทรัพย์ทั้ง 3 แห่งคาดว่าจะสามารถดึงดูดนักลง ทุนต่างชาติได้พอสมควร เพราะมีมาร์เกตแคปขนาด ใหญ่ที่กองทุนต่างชาติสามารถเข้ามาลงทุนได้" นางสาวโสภาวดีกล่าว

นายธเนศ เต็มทรัพย์อนันต์ ผู้ช่วยผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์เปิดเผยว่า ขณะนี้มีนักลงทุนสถาบัน ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศตอบรับเข้าร่วมงานไทยแลนด์โฟกัส2004(Thailand Focus 2004) แล้วจำนวน 230 คนซึ่งมาจาก 100 สถาบัน โดยแบ่ง เป็นจากสถาบันต่างประเทศหรือกองทุนต่างประเทศ 80 แห่ง และที่เหลืออีก 20 แห่ง มาจากกองทุนในประเทศซึ่งคิดเป็นสินทรัพย์ภายใต้การบริหารทั้ง หมดที่ลงทุนอยู่ทั่วโลกจำนวน 16 ล้านล้านบาท


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.