|
อากู๋สั่งลุยวีซีดีหนังไทย "เอ็มจีเอ" ควงคู่ "ซีวีดี" บุก
ผู้จัดการรายวัน(31 สิงหาคม 2547)
กลับสู่หน้าหลัก
แกรมมี่ลุยธุรกิจวีซีดีภาพยนตร์ไทย สั่งเอ็มจีเอ เดินหน้าเร่งจับมือพันธมิตร รับลิขสิทธิ์จัดจำหน่ายและเช่าวีซีดีภาพยนตร์ไทยจากค่ายจีทีเอช 9 เรื่องในปีหน้า เล็งธุรกิจวีซีดีภาพยนตร์ และเทเลมูฟวี่อนาคตสดใส ตั้งเป้าส่วนแบ่งรายได้ 15% เพิ่มเป็น 50%
นายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการ บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยแผนการดำเนินงานในปีหน้าว่า จะขยายธุรกิจด้วยการหาพันธมิตรเพิ่มมากขึ้น โดยได้เริ่มเจรจาในหลายกลุ่มธุรกิจ ด้วยการขยายฐานสู่การจำหน่ายภาพยนตร์วีซีดีของไทย เทเลมูฟวี่ และศูนย์เช่าวิดีโอ
นอกจากนั้น ในส่วนของสถานีวิทยุ และผู้ผลิตรายการโทรทัศน์ ผู้ผลิตละคร ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาอีก 4 ราย คาดว่าจะสรุปได้ก่อนสิ้นปีนี้ ซึ่งแนวคิดการหาพันธมิตรเพิ่มขึ้นเพื่อต้องการสร้าง จีเอ็มเอ็มให้เป็นบริษัทที่มีธุรกิจบันเทิงครอบคลุมทุกเซกเมนต์ และเป็นรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
ทั้งนี้บริษัท เอ็มจีเอ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ดำเนินธุรกิจด้านจัดจำหน่ายเพลง ทั้งของค่ายแกรมมี่ และค่ายอื่นๆ เช่น วอร์เนอร์ มิวสิค โซนี่ มิวสิค ยูนิเวอร์แซล อีเอ็มไอ และ บีเอ็มจี โดยมีส่วนแบ่งตลาด 70% ของตลาดจัดจำหน่ายเพลงโดยรวม ล่าสุดได้วางยุทธศาสตร์ในการขยายธุรกิจเข้าสู่การเป็นผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์ วีซีดีในประเทศไทย เนื่องจากเห็นทิศทางการเติบโต ของภาพยนตร์วีซีดี โดยช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีวีซีดีภาพยนตร์วางจำหน่ายในร้านขายเทปเพลงถึง 50% ของพื้นที่
จับมือพันธมิตรขยายธุรกิจวีซีดีหนัง
นายยงศักดิ์ เอกปรัชญาสกุล กรรมการผู้จัดการการขายและการตลาด บริษัท เอ็มจีเอ จำกัด กล่าวว่า จากนโยบายดังกล่าว บริษัทจึงได้จับมือกับบริษัท จีเอ็มเอ็ม ไท หับ จำกัด หรือ จีทีเอช ตั้งเป้า ว่าในปี 2548 จะซื้อภาพยนตร์ที่ผลิตจาก จีทีเอช จำนวน 9 เรื่อง คิดเป็นเงิน 120 ล้านบาท เพื่อมาจำหน่ายและให้เช่าในรูปแบบภาพยนตร์วีซีดี ซึ่งจะเริ่มทยอยจำหน่ายตั้งแต่เดือนมกราคม 2548 เป็นต้นไป โดยในส่วนของสิทธิการเช่า ได้จับมือกับบริษัท ซีวีดี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ถือลิขสิทธิ์การให้เช่าและจัดจำหน่ายภาพยนตร์จากค่ายต่างๆทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการให้เช่า รายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยบริษัทได้มอบสิทธิ การให้เช่าสำหรับศูนย์เช่าทั่วประเทศให้ซีวีดีเป็นผู้ดูแล
จากการปรับยุทธศาสตร์ดังกล่าว ทำให้บริษัทมีการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่เพื่อรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต โดยแบ่งออกเป็น 6 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.ทีมฝ่ายขาย ดูแลเพลงไทยอัลบั้มใหม่ ทั้งในกทม.และต่างจังหวัด 2.ทีมฝ่ายขายดูแลเพลงไทยอัลบั้มเก่าทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด 3. ทีมฝ่ายขายดูแลเพลงสากล และภาพยนตร์วีซีดี ทั้งในกทม.และต่างจังหวัด 4.ทีมดูแลร้านค้าปลีก "อิมเมจิ้น" 5. ทีมหน่วยขายเคลื่อนที่ เพื่อจำหน่ายตามโมเดิร์นเทรด อาคารสำนักงาน และงานแฟร์ต่างๆ และ 6.ทีมขายไดเรกต์เซลล์ เพื่อขายตรงแก่ผู้บริโภค ซึ่งตรงนี้จะมาอุดช่องว่างทางการขายเติมเต็มให้ครอบคลุมทุกตลาด นอกจากนั้นยังพัฒนาด้านการให้บริการลูกค้าสมาชิกที่ซื้อผ่านอินเทอร์เน็ต ให้สะดวกและรวดเร็วขึ้น ซึ่งปัจจุบันช่องทางนี้มีสมาชิก จำนวน 3,000 ราย
นายยงศักดิ์กล่าวว่า ทางด้านผลประกอบการ 6 เดือนแรก บริษัทมีรายได้จากการจำหน่ายเพลง 1,563 ล้านบาท โตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 10% โดยทั้งปีคาดว่าจะมีรายได้รวมทั้งสิ้น 3,000 ล้านบาท มากกว่าที่ตั้งเป้าไว้เมื่อต้นปีว่าจะมีรายได้ทั้งปีที่ 2,900 ล้านบาท โดยปีหน้าคาดว่าจากการจัดจำหน่ายวีซีดีให้กับจีทีเอช บริษัทจะมีรายได้จากการจำหน่ายภาพยนตร์ทั้งสิ้น 220 ล้านบาท คิดเป็น 15% ของรายได้รวม และในที่นี้จะแบ่งเป็นรายได้จากการเช่า 15% โดยเป้าหมาย 3 ปีข้างหน้า เอ็มจีเอจะมีรายได้จากการ จำหน่ายภาพยนตร์ในสัดส่วนเท่ากับรายได้จากการจำหน่ายเพลง
นายยงศักดิ์ กล่าวถึงความชัดเจนในการร่วมมือปราบผู้ละเมิดลิขสิทธิ์ ภายหลังจากการได้ลิขสิทธิ์ จัดจำหน่ายวีซีดีภาพยนตร์ไทย โดยจะส่งจดหมายขอร้องไปยังผู้ประกอบการเคเบิลทีวีในต่างจังหวัด ซึ่งมีมากกว่า 475 ราย ไม่ให้นำภาพยนตร์ที่อยู่ระหว่าง การฉายในโรงภาพยนตร์ มาฉายผ่านเคเบิล ซึ่งปัญหาที่ผ่านมาของเคเบิลทีวีต่างจังหวัด ที่ไม่สามารถจัดการการละเมิดลิขสิทธิ์ก็เพราะส่วนใหญ่เป็นธุรกิจของผู้มีอิทธิพลในจังหวัด
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|