|
S&P ปรับเครดิตประเทศ
ผู้จัดการรายวัน(27 สิงหาคม 2547)
กลับสู่หน้าหลัก
เอสแอนด์พีปรับอันดับเครดิตตราสารหนี้ระยะยาวสกุลเงินตราต่างประเทศของไทยจาก BBB เป็น BBB+ พร้อมแนะเร่งปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ ภาครัฐและเอกชนให้เร็วขึ้น "สมคิด" คุยความเชื่อมั่นเพิ่ม วินัยและฐานะทางการคลังกับทุนสำรองแข็งแกร่ง ชี้ปรับอันดับเครดิตถูกจังหวะไทยโรดโชว์ต่างชาติ เชื่อปีหน้าการลงทุนจะเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่ต้องคุมเงินเฟ้อ ยันทำงบสมดุลปี 48 เผยคลังเตรียมออกตราสารหนี้ระยะสั้นรีไฟแนนซ์เงินกู้ธนาคารโลก 500 ล้านดอลลาร์ ลุ้นมูดี้ส์ขยับขึ้นอีกครั้ง ขณะที่ตลาดหุ้นเด้งรับข่าวดี
กรณีที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ สแตนดาร์ด แอนด์พัวร์ (เอสแอนด์พี) ปรับเพิ่มระดับเครดิตตราสารหนี้ระยะยาวสกุลเงินตราต่างประเทศของไทย ขึ้น 1 ระดับ จาก BBB เป็น BBB+ เมื่อวานนี้ (26 ส.ค.) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เอสแอนด์พีได้ให้เหตุผลว่าประเทศไทยมีฐานะทางการคลังที่แข็งแกร่ง มีทุนสำรองระหว่างประเทศที่มั่นคง ประเด็นสำคัญยังมีการบริหารงบประมาณที่ดี และมีวินัยทางการคลัง แม้ว่าในช่วงนี้จะมีข่าวต่างๆ ในเชิงลบ และได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันแพงก็ตาม
สำหรับประเด็นที่เอสแอนด์พีแนะนำคือ ให้ประเทศไทยเร่งปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจต่างๆ ทั้งของภาครัฐและเอกชนให้เร็วขึ้น ทั้งนี้ เพื่อให้มีความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ และเพื่อสามารถแข่งขันในระดับโลกได้ แต่เรื่องนี้รัฐบาลถือเป็นยุทธศาสตร์ที่ให้ความสำคัญมานานแล้ว
"การปรับเรตติ้งครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าเอสแอนด์พีมีความมั่นใจในเศรษฐกิจไทย ดังนั้น คนไทยเองต้องเชื่อมั่นด้วย เพราะถ้าเราไม่มั่นใจในตัวเองก็ยากที่คนอื่นจะมาเชื่อมั่น ขออย่าวิตกกังวลกับข่าวต่างๆ มากเกินไป ข่าวอะไรที่ยังไม่ยุติ ต้องให้จบโดยเร็วที่สุด"
นายสมคิดกล่าวเพิ่มเติมว่า การปรับอันดับความน่าเชื่อถือให้ประเทศไทย ในช่วงที่สถานการณ์เป็นเช่นนี้ ถือว่ามีความหมายมาก เนื่องจากมีผลต่อการลงทุนจากต่างประเทศด้วย เพราะเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนมากขึ้น ซึ่งการลงทุนจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นถึง 400,000 ล้านบาทในขณะนี้ต้องถือว่าไม่ใช่เรื่องธรรมดา เพราะฉะนั้น การที่มีข่าวลือเล็กน้อยๆ อาจทำให้ประเทศไทยเสียโอกาสได้ โดยแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจไทยยังคงดีอยู่ ในปี 2548 เชื่อว่าจะมีปัจจัยการลงทุนเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญ ขณะที่การส่งออกยังมีบทบาทสำคัญอยู่
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องควบคุมให้ดี คือในเรื่องของเงินเฟ้อ ซึ่งจะต้องทำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยพยายามไม่ให้เศรษฐกิจโตเร็วเกินไป คิดว่าอัตราเงินเฟ้อที่เหมาะสม คือ อยู่ในระดับ 3% กว่า กรณีดังกล่าวคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มอบหมายให้ กระทรวงพาณิชย์ไปดูแลในเรื่องของราคาสินค้าอย่างใกล้ชิด และต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย
สำหรับการทำงบประมาณสมดุลในปี 2548 นั้น นายสมคิดมองว่าการทำงบประมาณเป็นเพียงกลไก หลักที่จัดไว้ให้เกิดความเหมาะสมในแต่ละสถานการณ์เศรษฐกิจ ซึ่งที่ผ่านมาประเมินว่าภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันสามารถทำงบประมาณสมดุลได้ หากไม่สามารถทำได้ก็ไม่เป็นไร แต่ขณะนี้ยังคงยืนยันที่จะให้เกิดงบประมาณแบบสมดุลให้ได้ เพราะการทำงบสมดุลบ่งบอกว่าไทยมีวินัยทางการคลังและมีฐานะ ทางการคลังที่ดี
โดยเงินคงคลังเบื้องต้น ณ สิ้นมิ.ย. 92,934 ล้านบาท ส่วนทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ ณ 13 ส.ค. อยู่ที่ 44.1 พันล้านดอลลาร์
นายสมคิดเปิดเผยว่า สิ้นเดือนนี้จะเดินทางไป ประชุมเอเปกที่ประเทศชิลี หลังจากนั้นมีการจัดงานไทยแลนด์โฟกัส ก่อนเดินทางไปโรดโชว์ที่นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐฯ เพื่อแสดงศักยภาพให้โลกได้เห็นพัฒนาการของประเทศในอาเซียนว่ามีความน่าลงทุน มากเพียงใด หลังจากนั้นจะมีการประชุมธนาคารโลก
"การโรดโชว์ที่นิวยอร์ก เป็นแนวคิดที่กลุ่มประเทศอาเซียนต้องการให้มีการจัดโรดโชว์ของอาเซียน ซึ่งผมจะขึ้นกล่าวในฐานะที่เป็นตัวแทนของอาเซียน โดยจะพูดหัวข้ออนาคตของอาเซียนให้ทั่วโลกได้เห็นถึงพัฒนาการและความเปลี่ยนแปลงของอาเซียน เพื่อให้เห็นว่าน่าลงทุนอย่างไร
นางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายหนี้สาธารณะ (สบน.) กล่าวว่า การปรับอันดับความน่าเชื่อให้ไทยของเอสแอนด์พีในครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 5 แล้ว และถือเป็นการปรับครั้งที่ 2 นับตั้งแต่หลังวิกฤตเศรษฐกิจ โดยระดับ BBB+ จะเท่า กับการระดับ Baa1 ของมูส์ดี้ส์(ดูตารางประกอบ) และภายในเดือนตุลาคมนี้กระทรวงการคลังจะออกตราสารหนี้ระยะสั้น (ECP) เพื่อรีไฟแนนซ์เงินกู้จาก ธนาคารโลก 500 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่กำลังจะครบกำหนดเร็วๆ นี้ ซึ่งต่อไปจะมีการปรับเป็นพันธบัตรระยะยาวในปีงบประมาณ 2548
"ขณะนี้ตลาดตราสารหนี้ของไทยค่อนข้างได้รับการตอบรับที่ดีมาก โดยในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ไทยได้ออกพันธบัตรที่มีอัตราดอกเบี้ยแบบลอย ตัว (FRN) จำนวน 1,000 ล้านเหรียญไปแล้ว" นางพรรณีกล่าว
ชี้ผลดีกู้นอกดอกลด 0.2-0.3% ลุ้นมูดี้ส์ปรับอันดับเครดิตนำ
นายสุภัค ศิวะรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) (TMB) กล่าวว่า การปรับอันดับเครดิตของ เอสแอนด์พี แสดงว่าประเทศไทยมีศักยภาพสูง ท่ามกลางวิกฤตน้ำมัน ความเสี่ยงที่ลดลง จะทำให้สถาบันการเงินและบริษัทเอกชนกู้ยืมเงินจากต่างประเทศ ในอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงจากเดิม โดยคาดว่าดอกเบี้ยน่าจะลดลงอีก 0.2-0.3%
นายเชาว์ เก่งชน รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่าหากพื้นฐานเศรษฐ-กิจไทยแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง โอกาสที่มูดี้ส์สถาบันจัดอันดับที่มีชื่อเสียงอีกแห่งจะปรับเพิ่มอันดับเครดิต นำเอสแอนด์พีมีความเป็นไปได้ อย่างไรก็ตาม ไทยไม่จำเป็นต้องรีบร้อนในการได้รับการปรับอันดับเครดิต
เมื่อปี 2532 ประเทศไทยเคยได้รับอันดับเครดิตประเทศที่ระดับ AAA ทั้งจากเอสแอนด์พีและมูดี้ส์ สำหรับหลักเกณฑ์การจัดอันดับเครดิต จะพิจารณาจากความสามารถในการชำระหนี้ต่างประเทศ ฐานะทุนสำรองระหว่างประเทศ ฐานะและวินัยทางการคลัง โดยเฉพาะการจัดสรรงบประมาณแบบสมดุลในปี 2548
สำหรับแนวโน้มราคาน้ำมันซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย นายเชาว์กล่าวว่า ถึงขณะนี้มีโอกาสลดลง แต่เนื่องจากตลาดน้ำมันโลกมีความผันผวนและเปราะบางต่อปัจจัยที่เป็นปัญหาคือความต้องการใช้น้ำมันของโลกและสถานการณ์ก่อการร้าย ทำให้ลดลงไม่มาก
นายเชาว์กล่าวว่า คาดว่าราคาน้ำมันโลกปี 2547 ทั้งปีเฉลี่ยที่ระดับ 37 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคา น้ำมันที่สมเหตุสมผลควรจะอยู่ที่ 30-35 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ตลาดหุ้นคึกคัก-วอลุ่ม 2.2 หมื่นล้าน
ความเคลื่อนไหวราคาหลักทรัพย์วานนี้ (26 ส.ค.) ดัชนีปรับตัวอยู่ในแดนบวกตลอดทั้งวัน ก่อนปิดตลาดที่ระดับ 671.07 จุด เพิ่มขึ้น 9.38 จุด หรือ 1.54% โดยระหว่างวันดัชนีปรับขึ้นไปทดสอบที่ระดับ 618.04 จุดและต่ำสุดที่ระดับ 611.90 จุด ด้วยมูลค่า การซื้อขายกว่า 22,233.01 ล้านบาท
กลุ่มหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ก่อสร้างฯ สื่อสาร ธนาคารพาณิชย์ ด้านนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,306.28 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 661.80 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 1,968.08 ล้านบาท
นางสาวธีรดา ชาญยิ่งยง นักวิเคราะห์ บล. ฟิลลิป จำกัด กล่าวว่า การปรับขึ้นของ S&P เนื่องจากหากพิจารณาฐานะทางเศรษฐกิจของไทยยังถือว่ามีแนวโน้มการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แต่ทั้งนี้ปัจจัยที่ยังเป็นตัวกำหนดตลาดหุ้นไทยพร้อมตลาดหุ้นทั่วโลก ยังเป็นเรื่องราคาน้ำมัน แม้ว่าจะมีการปรับลดลงมาอย่างต่อเนื่องก็ตาม แต่หลายฝ่ายยังกังวลต่อการก่อการร้ายในตะวันออกกลาง ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตลดลง และราคาน้ำมันอาจจะปรับสูงขึ้นได้อีกครั้ง
"เชื่อว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯวันนี้น่าจะสามารถปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ได้ แต่ทั้งนี้ต้องดูราคาน้ำมันและความเคลื่อนไหวของราคา หุ้นในฝั่งอเมริกาเป็นหลักด้วย" นางสาวธีรดากล่าว
วานนี้ เอสแอนด์พียังเพิ่มอันดับอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGAT) บริษัทปตท. จำกัด (มหาชน) (PTT) บริษัทปตท.สำรวจและผลิต ปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (PTTEP) จากระดับ BBB เป็น BBB+ มีมุมมองเป็นเสถียรภาพ พร้อมทั้งยืนยันอันดับ A- ของอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินในประเทศระยะยาวของ EGAT และ PTT และยังยืนยันอันดับ BBB+ ของอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินในประเทศระยะยาวของ PTTEP แต่ปรับมุมมองจาก บวกเป็นมีเสถียรภาพ
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|